มิจฉาชีพอ้างเป็นสรรพากรส่งลิงก์ให้คลิก ถูกดูดเงินเกลี้ยงบัญชี 1.5 ล้าน

16 ก.ย. 65

เตือนภัย! มิจฉาชีพอ้างเป็นสรรพากรแจ้งเรื่องค้างภาษี เหยื่อหลงเชื่อกดคลิกเว็บปลอมที่ส่งมา จากนั้นหน้าจอมือถือเปลี่ยนเป็นสีฟ้า เงินถูกดูดออกจากบัญชีคาตา 1.5 ล้าน

มิจฉาชีพ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรหลอกให้กดลิ้งก์เว็บ โดนดูดเงินเก็บทั้งชีวิตเกลี้ยงบัญชี ทำเอาสูญเงินไป 1.4 ล้านบาท แม้แต่บัญชีธนาคารรับสิทธิ์คนละครึ่งยังโดนดูดเงินหายไปอีก 1 หมื่นบาท ทำสุดช็อกน้ำตาตกใน หลังไปยื่นเอกสารจ่ายภาษีที่สรรพากร ซึ่งอาจทำข้อมูลส่วนตัวหลุดไปถึงมือมิจฉาชีพทำให้เสียเงินล้าน หลังจากนี้ไม่เชื่อมั่นแอปและจะเลิกใช้แอปทุกธนาคาร หันมาเบิกถอนเงินผ่านสมุดบัญชีเพียงอย่างเดียว ส่วนร้านที่จะเปิดต้องเลื่อนออกไปก่อนเพราะไม่มีเงินนำมาลงทุนแล้ว

นางนิส อายุ 63 ปี ชาว จ.ตรัง พร้อมด้วย น.ส.นิดา อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวและนางสาวศิริวรรณ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ หอบเอกสารเข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว หลังถูกมิจฉาชีพโทรศัพท์เข้ามาอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรแจ้งเรื่องค้างภาษี พร้อมแชทไลน์ส่งลิ้งก์อ้างเป็นลิ้งก์เว็บกรมสรรพากรเข้ามา ให้ น.ส.นิดา กดลิงก์เข้าไปตรวจสอบว่ามีการค้างภาษีหรือไม่

แต่เมื่อกดเข้าไปแล้วโทรศัพท์ค้างขึ้นหน้าจอเป็นสีฟ้า มีโลโก้กรมสรรพากร พร้อมข้อความว่า “668325 อยู่ระหว่างการทำการตรวจสอบชื่อนาม-สกุลห้ามใช้งานโทรศัพท์” และโทรศัพท์ไม่สามารถทำอะไรได้อีก จากนั้นปรากฎว่าเห็นแค่ข้อความเงินถูกโอนออกจากบัญชี โดยในธนาคารที่ 1 จำนวน 1,458,000 บาท และอีกแอปพลิเคชันธนาคารที่ 2 จำนวน 10,000 บาท ซึ่งเงินที่โดนดูดไปนั้น ทั้ง 2 บัญชี ล้วนใช้แอปพลิเคชั่นของธนาคารกับโทรศัพท์ทั้ง 2 ธนาคาร

รีบประสานติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร และเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทราบเบื้องต้นว่าเงินถูกโอนเข้าบัญชีชื่อ น.ส.สุภาพร ทางธนาคารได้ทำการอายัดบัญชีแล้ว แต่ขณะนี้เป็นเวลา 3 วัน ทั้งครอบครัวเฝ้ารอเงินกลับมาแต่ยังไร้วี่แวว หมดกำลังใจทำงานต่อ จึงเข้าร้องเรียนผ่านผู้สื่อข่าวไปยังผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือ ดูแลตรวจสอบและลดขั้นตอนกระบวนการในการแจ้งอายัดบัญชี เพราะเมื่อกระบวนการยุ่งยากทำให้ไม่ทันการ พร้อมฝากเตือนพ่อแม่พี่น้องให้ระวังมิจฉาชีพมารูปแบบใหม่ แค่กดลิงก์เพียงเสี้ยววินาทีเงินเก็บทั้งชีวิตโดนดูดออกจากบัญชีหายเกลี้ยงภายในพริบตา

น.ส.นิดา ซึ่งเป็นลูกสาวบอกว่า เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เช้าของวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งในตอนแรกมีคนโทรมาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร และประจวบกับที่ตนเองและแม่อยู่ระหว่างการทำเรื่องเกี่ยวกับภาษีถ่ายโอนกิจการพอดี ซึ่งตนเองก็เข้าใจว่ายังคงเป็นภาษีที่ค้างอยู่ ก็เลยคุยกับเขาแล้วเขาได้แจ้งชื่อจริงนามสกุลจริงของแม่มาอย่างถูกต้อง แล้วบอกว่าได้ไปทำธุรกรรมเกี่ยวกับภาษีค้างอะไรอยู่บ้างไหม เกี่ยวกับกิจการร้านค้า จากนั้นแม่ก็ได้ยื่นโทรศัพท์ให้กับตัวเอง ต่อมาเขาก็ส่งลิงก์เข้ามาทาง LINE ให้กดเข้าไป ซึ่งลิงก์ที่ส่งมาเป็นลิงก์รูปของกรมสรรพากร และขึ้นเป็นหน้าเว็บของกรมสรรพากร

หลังจากนั้นแจ้งให้ตนเองเขียนชื่อ นางนิส ซึ่งเป็นชื่อของแม่ ไปพร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีโทรศัพท์ก็ค้าง ไม่สามารถบังคับโทรศัพท์ได้ โดยหน้าจอขึ้นสีฟ้าและมีข้อความขึ้นว่า " 668325 อยู่ระหว่างการทำการตรวจสอบชื่อนาม-สกุลห้ามใช้งานโทรศัพท์" หลังจากนั้นเงินก็ถูกดูดออกไปเกลี้ยงเลย ซึ่งในขณะที่เงินถูกดูดก็เห็นภาพสลิปเด้งขึ้นมาแจ้งยอดเงินของแอปธนาคาร แต่ในขณะนั้นโทรศัพท์ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

โดยเงินในบัญชีแรกเป็นของธนาคารที่ 1 ถูกดูดหายไป จำนวน 1,458,000 บาท และอีกบัญชีหนึ่งเป็นของธนาคารกรุงไทยยอดเงินหายไป 10,000 บาท ซึ่งเป็นแอปของธนาคารที่อยู่ในมือถือทั้งหมด

หลังจากนั้นตนเองและแม่ก็ได้รีบไปยังธนาคาร เพื่อยื่นเรื่องขออายัดบัญชีปลายทางซึ่งเป็นบัญชีในชื่อน.ส.สุภาพร กุลอามาตย์ เป็นบัญชีธนาคารยูโอบีโดยเร็วที่สุด และเข้าแจ้งความกับสภ.ห้วยยอด พร้อมด้วยกองปราบปรามเทคโนโลยี ซึ่งในขณะนี้เรื่องส่งส่วนกลางอยู่และตนยังกล่าวอีกว่า ตนมีความสงสัยว่าข้อมูลของตนเองและแม่ได้เกิดการรั่วไหลมาจากกรมสรรพากรหรือแอปธนาคารที่ใช้อยู่ ซึ่งตนเองอยากให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ เข้ามาช่วยเหลือเกี่ยวกับคดีนี้

ซึ่งในขณะนี้ยอดเงินในบัญชีของแม่ในธนาคารที่ 1 เหลือเพียง 761 บาท และในธนาคารที่ 2 เหลือเพียง 900 กว่าบาท โดยเงินดังกล่าวนี้ตัวเองจะเอาไปลงทุนเปิดร้าน แต่มาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเสียก่อน จึงอยากวอนขอเจ้าหน้าที่ช่วยนำเงินกลับมาให้ตนและครอบครัวด้วย เพื่อจะได้ทำกิจการต่อไปได้

น.ส.นิดา ยังกล่าวอีกว่า ต้องยอมรับเลยว่าตั้งแต่เกิดเรื่องมาฝ่ายเจ้าหน้าที่ทำงานล่าช้ามาก โดยต้องไปเดินเรื่องเอง และต้องคอยส่งหนังสือต่อ ๆ กันไป ซึ่งเงินของเราที่หายไปก็คงไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ยังให้กำลังใจตัวเองขอให้เงินยังอยู่ในบัญชีนั้นอย่าโดนถอนออกไปเลย แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้แต่อย่างน้อย ๆ ได้คืนกลับมาบ้างก็ยังดี ตอนนี้ไม่เหลือเลย ตอนนี้ตนเองรู้สึกไม่มีแรงทำงานเลยทั้งครอบครัวเครียดไปหมด โดยเฉพาะแม่เกือบจะมีอาการช็อคหัวใจกำเริบต้องรีบพาไปหาหมอรักษา

โดยปกติเมื่อเราเข้าแอปของธนาคารจะต้องกดรหัสเข้าทุกครั้ง แต่นี่เราไม่ได้กดรหัสผ่านอะไรเลยและไม่ได้ใส่รหัส OTP อะไรเลยด้วย แล้วก็ไม่ได้บอกเลขรหัสผ่านอะไรของเราไปเลย แต่เงินกลับหายไปได้ง่ายๆ เลย ซึ่งอยากรู้ว่าเงินที่ฝากไว้กับธนาคารมีความปลอดภัยแค่ไหน ตอนนี้รู้สึกว่าขาดความน่าเชื่อถือไปมาก เมื่อขายของมาได้คือถือเงินสดเองอย่างเดียว ไม่ฝากเข้าธนาคารอีกแล้วเพราะกลัว ตอนนี้เดือดร้อนจริงๆ เงินเก็บทั้งชีวิตของแม่ที่แม่เปิดร้านเขียงขายหมู อยู่ในตลาดมา 40 กว่าปี ตอนนี้ไปหมดเลย และอยากฝากเตือนพ่อแม่พี่น้องทุกคน ว่าตอนนี้มิจฉาชีพมาในรูปแบบใหม่แค่คลิกลิงก์เงินก็สูญหายได้ เพียงไม่กี่เสี้ยววินาที

ด้าน น.ส.ศิริวรรณ ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ บอกว่าอยากให้ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งเรารู้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดบ่อยมาก แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนที่ทำอะไรได้ทันทีเลย อยากฝากเรื่องตรงนี้ช่วยเป็นกระบอกเสียงเรียกร้อง ให้มีความช่วยเหลืออย่างจริงจัง ซึ่งเหตุเกิดมาประมาณ 3 วันแล้วก็ยังไร้วี่แวว เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น รู้สึกว่าความปลอดภัยของเทคโนโลยีไม่มีเลย หรืออาจจะต้องกลับไปใช้สมุดบัญชีมายื่น ฝาก-ถอน กับเจ้าหน้าที่โดยตรง หากเราใช้แอปของธนาคารแล้วเกิดเหตุการณ์อย่างนี้อยู่เรื่อยๆ ความปลอดภัยของผู้ใช้แอปธนาคารอยู่ตรงไหน จากที่เรามาแจ้งเรื่องตรงนี้ต้องการที่จะเป็นกระบอกเสียงให้แก่คนที่อาจจะโดนเหมือนเราได้

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส