"สุดารัตน์"แจงไม่เคยหาเสียงอ้างเป็นพรรคพันธมิตร'เพื่อไทย'

13 ก.ย. 65

"หญิงหน่อย"ยันไม่เคยหาเสียงอ้างเป็นพรรคสาขาของ'เพื่อไทย' เหน็บหาเสียงให้ชนะทุกเขตพรรคเดียวเรียกปชต.ได้ยังไง??

วันที่ 13 ..คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคให้สัมภาษณ์รายการ เจาะลึกทั่วไทย inside Thailand ถึงกรณีที่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้วหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศศัตรูทางการเมือง โดยมี พรรคการ 2 ประเภท บนเวทีครอบครัวเพื่อไทย

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ตนตั้งแต่ออกมาจากพรรคเพื่อไทย เราก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงสาเหตุ เพราะเป็นบ้านที่เราร่วมสร้างมา ความเจ็บปวดหัวใจก็ถือเป็นเคราะห์กรรม และเราอโหสิกรรมกันไปแล้ว

ถ้าหากการพูดเป็นการพาดพิง หากหมายถึงพรรคไทยสร้างไทยหรือเปล่า ตนไม่เคยที่จะไปแอบอ้าง แค่คิดก็ปัญญาอ่อนแล้ว ถ้าเราไปอ้างว่าเราไปเป็นพรรคสาขาเขา เราเป็นพรรคพี่พรรคน้อง ใคร เขาจะเลือกพรรคเรา เขาก็คงจะเลือกพรรคใหญ่  แม้แต่การเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ผลพลอยได้ที่เราอยากว่าให้ประชาชน รู้ว่าสุดารัตน์อยู่ไทยสร้างไทย และก็มีประชาชนเข้ามาบอกว่าเลือกให้แล้วนะ แต่ก็สุดท้ายไปเลือกพรรคเก่า นี่คือสิ่งที่ยากลำบากของต่างหาก ก็ต้องขอบคุณที่พูดออกมามันก็ทำให้เกิดความชัดเจนขึ้น

 

เมื่อถามว่าโกรธหรือน้อยใจหรือไม่ สุดารัตน์ ตอบว่าตนก้าวข้ามไปนานแล้ว และวันนี้เรายังทะเลาะกัน หรือสร้างความแตกแยกกันไม่พอเหรอคะ การเมืองสองขั้วมันไม่ทำให้ประเทศเดินไปได้และยิ่งมาตีกันยิ่งมาทะเลาะกัน 16 ปีแล้วที่ประเทศตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ส่วนไทยสร้างไทยเรามองว่าเรามองอย่างไรว่าจะมาก้าวข้ามความขัดแย้งลงไปได้และจะเดินหน้าประเทศไปได้

โดยเฉพาะพรรคที่ประกาศว่าตัวเองเป็นฝั่งประชาธิปไตยต้องช่วยกันรวมตัวกัน เพราะที่แค่เป็นอยู่ยังเอาชนะเผด็จการไม่ได้ แล้วมาทะเลาะกันเองหรือว่าพยายามที่จะบอกว่าคนอื่นไม่ดีหรือเลวหมด อย่างเพื่อไทยบอกว่าอยู่ฝั่งประชาธิปไตย ส่วนไทยสร้างไทย เราประกาศชัดเจนว่าเราเป็นประชาธิปไตย ดังนั้นวันนี้เราไม่อยากที่จะทะเลาะเบาะแว้งกับใครเลย

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเวลาคุณหญิงไปหาเสียงแล้วชูนโยบาย 30 บาท และบอกว่าเป็นนโยบายของตัวเอง คุณหญิงสุดารัตน์ ตอบว่า เอาข้อเท็จจริงว่าโครงการ 30 บาทคุณหมอสงวนเป็นคนคิด แล้วก็ต้องยกเครดิตให้กับนายกทักษิณ ชินวัตร ที่กล้าตัดสินใจทำ สำหรับตนนั้นเป็นคนปฏิบัติเป็นรัฐมนตรีว่ากการกระทรวงสาธารณสุขอยู่ 4 ปี ดิฉันไม่เคยพูดผิดจากความจริงตรงนี้ และในวันนี้ดิฉันก็ต่อยอดเป็นนโยบายโครงการ 30 บาทสุขภาพดีถ้วนหน้าแล้ว

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ตอนที่ดิฉันรับผิดชอบมุ่งสร้างควบคู่ไปกับการเปิดโอกาสให้กับคนเข้ารับรักษาพยาบาลแต่วันนี้คุณค่าการรักษาพยาบาลก็แย่ การสร้างสุขภาพก็ไม่ดีมันจะใช้เงิน 30 บาทไปไม่รู้จบ จากเดิมใช้แค่ 1,300 บาท ปัจจุบันนี้เพิ่มขึ้นไปถึง 3,000-4,000 บาทแล้ว มันควรจะหยุดที่ 2,500 บาทต่อหัว

"เราตั้งใจที่จะสร้างพรรคเพื่อให้เป็นการเมืองของประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นงานสุดท้ายของตนเองแล้ว อยากให้เป็นสถาบันการเมืองที่ยั่งยืนและอยากให้ระดมคนเก่งมาช่วยกันเปลี่ยนแปลงไปให้ได้ ใครจะคิดการเมืองแบบเก่าก็เป็นเรื่องของเขาแต่เราเองเราก็ต้องเดินหน้าอย่างนี้" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ทำไมพรรคเพื่อไทยถึงรู้สึกรู้สากับคุณหญิงสุดารัตน์มากเหลือเกินที่มากกว่า 3 .

คุณหญิงสุดารัตน์ ตอบว่า 3 . ไม่น่ากลัวเพราะว่าประชาชนเห็นแล้วว่า 8 ปีที่ผ่านมามีความเลวร้ายอย่างไรดังนั้นคะแนนของ 3 . ก็ไม่น่าจะดี

 

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา 10 กว่าปีเราสร้างความเกลียดชังจนประเทศล่มสลายขนาดนี้ประเทศถอยหลังลงคลองขนาดนี้ เราจะมาสร้างความเกลียดชังโดยเฉพาะฝั่งที่เรียกว่าเป็นประชาธิปไตย แค่นี้เราก็ยังไม่ได้มีโอกาสชนะแล้ว และยังมีความคิดแบบว่าเป็นประชาธิปไตยแล้ว ต้องบอกว่าฉันต้องชนะทุกเขต ฉันต้องเอาใหญ่อยู่คนเดียวมันจะเป็นประชาธิปไตยตรงไหน มันต้องแข่งกันเรื่องนโยบาย แข่งเรื่องการนำเสนอที่จะเป็นทางเลือกกับประชาชน ถ้าตัวเองคิดแบบนี้ต้องแข่งกับตัวเองก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบอย่างหนักเพราะเราเป็นพรรคใหม่ แต่เราก็ไม่บังอาจไปโกรธเกลียดใครเลย ก้มหน้าก้มตาของเราเพราะบ้านเมืองต้องสร้างการเปลี่ยนแปลง

"สำหรับสาเหตุจากการออกพรรคเพื่อไทยนั้น ตนเองถือว่าเป็นหลักของตัวเองและเป็นคุณธรรมที่เรายึดตนเองจะพยายามไม่ไปว่าคนอื่น แล้วจะทำในส่วนของเรา ตนทำหน้าที่ของตัวเองที่สุดที่สุดให้กับประชาชนว่าเราคือความหวังเราคือทางออก ฉะนั้นวันนี้พยายามจะไม่พูดถึงแต่ถ้าเกิดมีการแตะต้องแล้วมันเป็นข้อบิดเบือนทำให้เราเสียหาย ตนก็อาจจะพูดความจริง ถ้ามันไม่มีอะไรเราก็ไม่อยากมีอะไรเราก็ไม่อยากพูดอะไร" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวทิ้งท้าย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส