สาวข้าราชการขับเก๋งกลับบ้าน เจอจยย.ขี่สวน ปาขวดแก้วอัดกระจกแตก - แม่มือปาขอโทษ อ้างลูกป่วยจิต (คลิป)

16 เม.ย. 62
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก โพสต์ข้อความเตือนภัยผู้ใช้รถใช้ถนน เส้นทางเขางู-เบิกไพร เชื่อมระหว่าง อ.บ้านโป่ง และ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี หลังถูกชายขี่รถจักรยานยนต์ปาขวดน้ำหวานใส่ จนกระจกหน้ารถแตกกระจาย โดยมีพี่สาวนั่งข้างคนขับ จากนั้นไม่ถึง 30 นาที มีคนก่อเหตุปาหินใส่รถยนต์ซ้ำอีก 2 คัน ได้รับความเสียหาย
ภาพจากกล้องหน้ารถยนต์ ขณะเกิดเหตุ
วันที่ 16 เม.ย. 62 น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 37 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนและน้องสาวมีอาชีพเป็นข้าราชการสังกัดหน่วยงานภาครัฐ ในกรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงสายของวันที่ 14 เม.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ตน น้องสาว และคุณแม่ กำลังเดินทางกลับบ้าน หลังเสร็จสิ้นภารกิจทำบุญสงกรานต์ที่วัดนครทิพย์ ต.เตาปูน อ.โพธาราม
น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย (หันหลัง)
กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุ ตนตกใจสุดขีด เพราะมีชายคนหนึ่งสวมเสื้อยืดแขนยาวลายขวาง สีน้ำเงินเทา ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีแดง สวนทางมา แล้วขว้างขวดน้ำหวานใส่รถของตน ทำให้ขวดน้ำหวานและกระจกหน้ารถฝั่งที่ตนนั่งอยู่แตกกระจาย ก้นขวดน้ำหวานยังติดคาอยู่ที่กระจก
สภาพความเสียหาย
สภาพความเสียหาย
จากนั้น ตนจึงจอดรถริมทาง แล้วโทรแจ้ง 191 ขณะรอเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ เวลาไม่เกิน 30 นาที ผู้ก่อเหตุก็ปาหินใส่รถยนต์เก๋ง และรถยนต์กระบะ จนได้รับความเสียหายเพิ่มอีก 2 คัน โดยชายเจ้าของรถยนต์กระบะที่ได้รับความเสียหาย ได้ติดตามรถจักรยานยนต์ของผู้ก่อเหตุไปจนถึงบ้านพัก แล้วแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัวได้ในที่สุด ทราบชื่อคือ นายซี (นามสมมติ) อายุ 26 ปี มีปัญหาด้านสุขภาพจิต
บริเวณจุดเกิดเหตุ
หลังจากที่ตนพร้อมผู้เสียหายทั้งหมด รวมตัวเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ชาญยุทธ์ เสมอจิตร์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.เขาดิน อ.โพธาราม แม่ของผู้ก่อเหตุได้เข้ามาขอโทษ พร้อมแจ้งว่าลูกชายไม่สบาย เคยได้การรักษาอาการทางจิต แต่เนื่องจากไม่ยอมกินยา ประกอบกับอากาศร้อน จึงทำให้อาการกำเริบ และก่อเหตุดังกล่าวขึ้น พร้อมขอร้องไม่ให้เอาเรื่อง เพราะมีฐานะยากจน
บาดแผลของคนขับเก๋ง
โดยหลังจากโพสต์เฟซบุ๊ก พบว่ามีเหยื่อที่ได้รับความเสียหายจากผู้ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันมาแล้วเกือบ 10 ราย ผู้เสียหายหลายรายไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี และบางรายถูกทำร้ายร่างกายร่วมด้วย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงส่งตัวไปรักษาต่อ ทั้งนี้ ตนจึงอยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ปกครองที่อาจมีญาติมีปัญหาสุขภาพจิต ได้ช่วยนำตัวไปรักษาอย่างจริงจัง หากไม่หายหรืออาการไม่ดีขึ้น ควรหาวิธีป้องกันให้ดี อย่าให้เป็นปัญหาต่อสังคม ในฐานะที่ตนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง เป็นความหวังของครอบครัว หากวันนั้นตนไม่โชคดี พ่อแม่ของตนจะอยู่กันอย่างไร

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ