ส.ท.ปืนโหดรัว 20 นัด มอบตัว รับขัดแย้งเรื่องส่วนตัวและไม่เคารพรุ่นพี่

20 ส.ค. 65

ส.ท.ปืนโหด ทนแรงกดดันไม่ไหวขอเข้ามอบตัว หลังรัว 20 นัด ใส่เพื่อนร่วมค่ายเสียชีวิต รับขัดแย้งเรื่องส่วนตัวและไม่เคารพรุ่นพี่

 

คืบหน้ากรณี สิบโทมานิตย์ จันทะพินิจ หรือส.ห.วิทย์ อายุ 33 ปี ตำแหน่งสารวัตรทหาร(ส.ห.) มณฑลทหารบกที่210 (มทบ.210) ค่ายพระยอดเมืองขวางบ้านพระยอด ต.กุรุคุ อ.เมืองนครพนม ใช้อาวุธปืนพกแม็กกาซีนขนาด 9 ม.ม. กระหน่ำยิงเพื่อนรุ่นน้องค่ายเดียวกันคือ สิบตรีวัชระ อินาลา หรือ ส.ห.เกิ้ล อายุ 29 ปี เสียชีวิตคาที่ขณะเข้าเวรป้อมยามรักษาการณ์ บริเวณทางเข้า-ออกค่ายพระยอดเมืองขวาง

 

โดยหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองนครพนมพร้อมกองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) และแพทย์เวรรพ.นครพนมชันสูตรเบื้องต้นพบผู้ตายถูกยิงตามร่างกายหลายจุดรวมกว่า 12 นัดเหตุเกิดเมื่อเวลา 17.47 น. วันที่ 18 สิงหาคม 2565 ส่วนผู้ก่อเหตุยังอยู่ระหว่างการหลบหนี ทั้งนี้หลังตำรวจได้สรุปพยานหลักฐานรวมถึงกล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะเกิดเหตุเสนอต่อศาลทหารมณฑลทหารบกที่24 อุดรธานีขออนุมัติหมายจับเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (19ส.ค.) ฐานความผิดหลักคือฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบหลักฐานจากภาพวงจรปิดตามสถานที่ต่างๆ ในช่วงเกิดเหตุพบภาพนาทีชีวิตจากกล้องวงจรปิดของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเยื้องหน้าค่ายทหาร เป็นภาพบันทึกระยะไกลเห็นเหตุการณ์ขณะมือสังหารคือส.ทมานิตย์ จันทะพินิจ หรือ ส.ห.วิทย์ ขับรถจักรยานยนต์มาจอดจ่อยิงผู้ตายในระยะเผาขนบริเวณประตูหน้าค่ายฝั่งขาเข้า โดยขณะนั้นผู้ตายยืนปฏิบัติหน้าที่เฝ้าเวรยามประจำวันโดยมีพลทหารเวรอีกนายยืนอยู่ใกล้เคียงกัน และมีเสียงปืนรัวดังสนั่นนับได้ 20 นัดจนพนักงานปั๊มน้ำมันและชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ตรงข้ามส่งเสียงกรีดร้องดังสนั่นแตกตื่นด้วยความตกใจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภาพหลักฐานนาทีชีวิตช่วงสิบโทปืนโหดก่อเหตุก่อนขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปตามเส้นทางบนถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข22(นครพนม-สกลนคร) มุ่งหน้าไปยังตัวเมืองนครพนมแบบไม่เร่งรีบ นอกจากนี้ยังได้กล้องวงจรปิดจากโรงงานแห่งหนึ่งริมถนนทางหลวงชนบทสาย(บ้านผึ้ง-หนองดินแดง) จับภาพมือปืนขับผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยเส้นทางดังกล่าวนี้เป็นทางกลับบ้านที่บ้าน ชุดสายสืบรวมทั้งทหารจึงได้ลงพื้นที่ติดตามตัวมาดำเนินคดี

 

ล่าสุดวันที่ 19 สิงหาคม 256 5เวลาประมาณ 21.30 น.ส.ท.มานิตย์ ทนแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่ไม่ไหวจึงติดต่อผู้บังคับบัญชาขอมอบตัวโดยนัดเจอกันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวสนามบินนครพนม ซึ่งรถทหารได้วิ่งเข้าไปรับตัวส.ท.มานิตย์ที่มีสภาพอิดโรยเนื่องจากไม่ได้ทานข้าวตั้งแต่หลังก่อเหตุ 

 

จากการให้ปากคำกับผู้บังคับบัญชาในการก่อเหตุอุกอาจครั้งนี้ ส.ท.มานิตย์ รับสารภาพว่าเป็นคนลงมือจริง โดยอ้างได้รับความกดดันจากส.ต.วัชระ เพื่อนทหารรุ่นน้องที่ชอบพูดจากระแนะกระแหนกรณีที่ตนเข้าร่วมกับกลุ่มเพื่อนไม่ได้ ตนเองจึงคิดว่าเป็นแกะดำในหมู่เพื่อนๆ จึงมีความขัดแย้งส่วนตัวกับผู้ตาย รวมถึงผู้ตายไม่ให้ความเคารพในฐานะรุ่นพี่แต่ยอมรับเคยสนิทคุ้นเคยร่วมงานกันมาตลอด ช่วงหลังมีปัญหาไม่พอใจส่วนตัวเป็นต้นเหตุของความคับแค้นใจมานาน

 

วันเกิดเหตุขณะขับรถจยย.ออกจากบ้านพักในค่ายเพื่อจะกลับบ้านไปทานข้าวเย็นกับแม่ ประจวบเหมาะมาเจอหน้าผู้ตายยืนเข้าเวรตู้ยามรักษาการณ์และมีการแสดงอาการสีหน้าไม่พอใจต่อกันแต่ไม่มีเจตนาวางแผนจะมายิงผู้ตายโดยตรง ด้วยความโมโหอารมณ์ชั่ววูบบวกกับพกพาอาวุธปืนมาด้วย ยอมรับก่อนหน้านี้ดื่มเบียร์มา 2 กระป๋องจึงตัดสินใจก่อเหตุและหลบหนีไปอยู่ป่าละแวกหมู่บ้านจนสำนึกผิดและห่วงแม่ที่อยู่ลำพังจึงติดต่อผู้บังคับบัญชาขอเข้ามอบตัวสู้คดีรับโทษตามกฎหมาย ทั้งนี้ทางด้านพ.ต.อ.ณัฏฐวิชฌ์ ราชแก้ว ผกก.สภ.เมืองนครพนม พร้อมทีมพนักงานสอบสวนเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารได้ทำการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพก่อเหตุจริง ภายหลังได้นำตัวคุมขังไว้ที่สภ.เมืองนครพนม รอการสอบสวนเพิ่มเติมและนำส่งดำเนินคดีที่ศาลมณฑลทหารบกที่24 อุดรธานีตามลำดับต่อไป

 

ด้านนางบัวไร จันทะพินิจ อายุ 67 ปี แม่ของผู้ต้องหาเปิดเผยว่า ตนยังไม่รับรู้ว่าลูกชายทำอะไรผิดกฎหมายมีแต่เจ้าหน้าที่มาตามหาตัวตั้งแต่ช่วงเย็นเมื่อวานที่ผ่านมา โดยปกติหากวันไหนไม่ได้เข้าเวรลูกชายจะคอยเดินทางมาดูแลซื้อกับข้าวให้แม่เพราะเป็นเสาหลักของครอบครัวมาตลอดหลังจากพ่อเสียชีวิตมากว่า 10 ปีแล้ว โดยตนมีลูกเพียงสองคนส.ห.วิทย์เป็นลูกชายคนโต พื้นฐานเป็นคนเงียบตั้งใจทำงานภูมิใจที่ลูกได้รับราชการหลังจากไปเป็นพลทหารและสอบเลื่อนชั้นเป็นทหารนายสิบเข้ารับราชการเป็นสารวัตรทหารได้เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว ล่าสุดตนยังไม่รู้ว่าลูกชายทำผิดอะไรเพราะไม่มีคนเล่ารายละเอียดให้ฟัง หากตอนนี้มีคนมาบอกว่าลูกชายทำผิดกฎหมายจริงตนยังไม่เชื่อแต่สุดท้ายต้องยอมรับความจริงหากลูกกระทำลงไปในทางที่ผิดและขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง หากไม่มีลูกชายตนจะต้องอยู่ลำพังโดยมีโรคประจำตัวคือขาอ่อนแรงและตาพร่ามัว ส่วนลูกชายคนเล็กจะต้องทำงานต่างจังหวัดเพราะลำพังครอบครัวยากจน บ้านที่อยู่ปัจจุบันได้รับมอบจากโครงการมอบบ้านพักคนยากจนกองทัพบกเพื่อประชาชนสร้างถวายเป็นพระราชกุศลในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อปี2555 ช่วงที่ลูกชายเป็นพลทหารและได้รับคัดเลือกเพราะยากจนแต่มีความประพฤติเรียบร้อย

 

ส่วนนายมานิต ศรีทองทา อายุ 56 ปีผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่าสำหรับส.ท.มานิตย์ จันทะพินิจ ผู้ก่อเหตุเป็นลูกบ้านเสมือนลูกหลาน เห็นมาตั้งแต่เด็กเป็นครอบครัวที่น่าสงสารยากจนพ่อเสียชีวิตแต่ยังเด็กมีพี่น้อง 2 คนต้องเป็นเสาหลักดูแลแม่ เริ่มเข้าเป็นพลทหารและสอบเลื่อนตำแหน่งรับราชการเป็นสารวัตรทหารถือเป็นความภูมิใจของญาติพี่น้อง อีกทั้งถือว่าเป็นคนที่มีความประพฤติเรียบร้อยมาตลอดไม่ก้าวร้าวและยังเป็นลูกกตัญญูที่ดูแลแม่และได้รับคัดเลือกมอบบ้านผู้ยากจนให้ตามโครงการของกองทัพบกเพราะไม่มีที่อยู่อาศัยสุดท้ายไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อทำผิดแล้วต้องมารับโทษทางกฎหมายยอมรับสภาพกับการกระทำของตัวเองจากโทษหนักจะได้เป็นเบา

 

ก่อนหน้านี้พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้ระดมทีมสืบสวนสอบสวนกองพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่รวมรวมพยานหลักฐานสำคัญเพื่อติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุ จนกระทั่งพบหลักฐานชัดเจนยืนยันตัวคนร้ายนำสู่การเสนอศาลทหารออกหมายจับเนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นข้าราชการทหารกระทำต่อข้าราชการทหารจึงต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายคือเสนอศาลมณฑลทหารบกที่24 อุดรธานี ออกหมายจับมั่นใจหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีเอาผิดทางกฎหมายไม่ผิดตัวทั้งพยานในที่เกิดเหตุภาพจากกล้องวงจรปิด ส่วนปลอกกระสุนปืนจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบปลอกกระสุนขนาด 9 ม.ม.ตกในที่เกิดเหตุจำนวน 19 นัดแต่ยังไม่ทราบขนาดอาวุธปืน เชื่อว่าเป็นปืนแบบออโตเมติกและมีการเพิ่มขนาดแม็กกาซีนบรรจุกระสุนยิงจนหมดแม็ก

 

ส่วนปมสาเหตุมุ่งปัญหาความแค้นส่วนตัวไม่มีปัญหากดดันจากผู้บังคับบัญชาหรือเรื่องผลประโยชน์ในการทำงานและไม่มีธุรกิจมืดมาเกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน รวมถึงผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหารติดต่อเกลี้ยกล่อมให้ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว เชื่อว่ายังอยู่ในพื้นที่มั่นใจไม่หลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้าน แต่มีการตรวจสอบสกัดกั้นไว้ก่อนตามชายแดนทุกจุดเชื่อว่าผู้ต้องหาจะเข้ามอบตัวอย่างแน่นอน โดยทางตำรวจจะดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการของกฎหมายตรงไปตรงมาให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส