จากกรณีสมาชิกเฟซบุ๊ก “Intira Kumjoho” โพสต์เรื่องราวที่เข้าไปช่วยเหลือเด็กชายวัย 6 ขวบ ที่ถูกพ่อทำร้ายร่างกาย โดยใช้ไม้กอล์ฟฟาดแขนซ้ายจนหัก เพื่ออยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือให้เด็กมีชีวิตที่ดีขึ้นนั้น
วันที่ 14 เม.ย. 62 ทีมข่าวเดินทางมาที่ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน ซึ่งน้องยุ (นามสมมติ) อายุ 6 ขวบ กำลังพักรักษาตัวอยู่ หลังบาดเจ็บจากพ่อเลี้ยงใช้ไม้กอล์ฟทำร้ายร่างกาย ซึ่งพบว่าน้องยังพักรักษาตัวในห้องแยกเพื่อความปลอดภัย และดูอาการบาดเจ็บบริเวณแขนซ้ายที่กระดูกแตกร้าว และรอยแผลช้ำตามลำตัว
นางสาวอินทิรา คุ้มจอหอ อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ปากเกร็ด ผู้โพสต์ และผู้ช่วยเหลือเด็ก เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 20.00 น. ตนได้รับแจ้งทางวิทยุจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ว่ามีเด็กชายบาดเจ็บ ถูกพ่อทำร้ายร่างกาย จึงรุดมาที่เกิดเหตุทันที เมื่อมาถึงพบว่า น้องยุนั่งอยู่ที่หน้าบ้านของเพื่อนบ้าน น้องช้มือประคองแขนซ้าย ซึ่งมีอาการบวมและผิดรูป จึงรีบปฐมพยาบาลและนำตัวขึ้นรถกู้ภัยทันที จากนั้นแม่เด็กเดินมาข้างรถกู้ภัย มองหน้าตนและเด็ก ก่อนชี้หน้าลูกแล้วพูดว่า “กูเจ็บมากกว่ามึงอีก” ท่าทางโกรธแค้น
ทั้งนี้ น้องยุเล่าให้ตนฟังว่า สาเหตุที่ถูกแม่ตี เพราะเจ้าตัวแกล้งน้องของตัวเองวัย 2 ขวบ ซึ่งบ้านหลังนี้มีเด็ก 3 คน อาศัยอยู่กับพ่อแม่ อีกทั้งวันเกิดเหตุเมื่อแม่ไม่พอใจ จึงเดินถือไม้แขวนเสื้อ มาตีแผ่นหลังหลายครั้ง ก่อนแม่จะเดินเข้าไปพูดคุยกับพ่อ จากนั้นพ่อก็เดินออกมาหน้าบ้าน พร้อมถือไม้กอล์ฟเหล็กมา โดยไม่พูดจา แล้วเตะ 1 ครั้ง ใช้ไม้กอล์ฟฟาดแขนซ้าย 1 ครั้ง แล้วลากไปเอาหัวกดโอ่ง จังหวะนั้นเด็กพยายามดิ้น จนกระทั่งดวงตาไปกระทบขอบโอ่งจนเป็นรอยช้ำ ระหว่างนั้นเด็กพยายามยกมือไหว้ แต่พ่อไม่ยั้งมือ ก่อนที่ทั้งแม่และพ่อจะเดินกลับเข้าบ้านไปนอนตามปกติ โดยปล่อยลูกทิ้งไว้หน้าบ้าน
จากนั้น น้องยุจึงเดินไปนั่งหน้าบ้านเพื่อนบ้าน ห่างไป 30 เมตร และได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกู้ภัยเข้ามานำตัวเด็กส่งศูนย์แพทย์ ในขณะเดียวกัน ช่วงที่กู้ภัยและพลเมืองดีเข้ามาช่วยนั้น พยายามเรียกพ่อแม่ออกมานอกบ้าน เพื่อพูดคุยถึงสาเหตุที่ทำร้ายลูก พ่อก็ไม่ยอมตอบ ซ้ำยังบอกว่าเดี๋ยวตามไปหาที่ศูนย์แพทย์ ทำให้เด็กมีอาการกังวลใจ และดูหวาดกลัวพ่อแม่มาก อย่างไรก็ตาม น้องยุ เล่าให้ฟังอีกว่า ไม่อยากกลับบ้าน อยากมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่านี้ เพราะพ่อแม่เสพยาต่อหน้าต่อตาด้วย
นอกจากนี้ ทุกครั้งที่แม่พยายามขอเข้าเยี่ยมดูอาการ หรือเข้ามายืนใกล้ ๆ น้องยุจะไม่กล้าพูดหรือให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือแพทย์ จึงยังไม่อนุญาตให้พ่อแม่เข้าเยี่ยม ทั้งนี้ เด็กอยากไปเรียนและเจอเพื่อน แต่ถูกสั่งห้ามออกบ้าน ให้อยู่เลี้ยงน้องที่บ้านเท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าสลดใจ รู้สึกเป็นห่วงเด็ก และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเด็กต่อไป
นายพ่วง (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ครอบครัวน้องยุพึ่งย้ายมาอยู่ได้ประมาณ 3 ปี ในบ้านมี 5 คน คือพ่อแม่ น้องยุ ลูกวัย 2 ขวบ และ 4 เดือน ซึ่งน้องยุเป็นลูกติดแม่ ตั้งแต่ย้ายมาพักอาศัย ตนเห็นพฤติกรรมของพ่อแม่น้องยุ เตะตีทำร้ายและด่าทอลูกด้วยถ้อยคำหยาบคายตลอด จนกลายเป็นเรื่องชินหู เคยถอดกางเกงใช้ไม้แขวนเสื้อตี นำมีดมาจี้คอ เตะลูกจนกลิ้งที่หน้าบ้าน ใช้แก้วน้ำฟาดหัว ตีตลอดทั้งวัน 3 เวลาหลังอาหาร หรือแต่ลูกกินข้าวช้าก็ถูกตี ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านพยายามห้าม และอยากเข้าไปช่วย แต่พ่อแม่เด็กมักจะต่อว่าและบอกว่า “ลูกของกู ใครไม่ต้องยุ่ง”
นายพ่วง กล่าวต่อว่า น้องยุถูกกระทำจนมีอาการเบลอ มึน และไม่ค่อยมีปากเสียง เมื่อถูกทำโทษก็จะนิ่ง เพราะไม่กล้าแม้กระทั่งร้องไห้ ถ้าร้องไห้ก็จะถูกตีซ้ำ ตนยืนยันว่า เด็กชาย 6 ขวบนิสัยดี ไม่ดื้อ ไม่เที่ยวเล่นเกเร ไม่ก้าวร้าว นอกจากนี้ แม่ของเด็กนำเสื้อผ้าชุดนักเรียนไปเผาทิ้งทั้งหมด ตัดโอกาสการเรียน และให้เลี้ยงน้องอยู่ที่บ้าน
นางจันทร์ (นามสมมติ) อายุ 86 ปี เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า แต่ละคืนตนได้ยินเสียงพ่อแม่น้องยุทำร้ายลูก ด่าทอลูกทุกวัน มีเสียงเด็กร้องไห้ จนไม่อยากฟัง เพราะรู้สึกสงสารเด็กมาก จนกระทั่งรู้สึกอยากย้ายบ้าน ส่วนนิสัยใจคอผู้เป็นแม่นั้น ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แม้ว่าจะไม่มีปัญหาทะเลาะกับคนในชุมชน แต่ชาวบ้านในชุมชนไม่อยากยุ่งด้วย
ในขณะเดียวกันด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กำลังติดตามตัวพ่อแม่เพื่อเข้าสอบปากคำ เบื้องต้นยังไม่พบตัวพ่อแม่เด็ก คาดว่าหลบไปพักอาศัยที่อื่น นอกจากนี้ ทีมข่าวได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ดูแลเด็กว่า แม่เด็กพยายามจะแอบเข้ามาหา แต่เมื่อลูกเห็น จะวิ่งหลบหนีเข้าไปหาพยาบาลทันที