เด็กขวบเศษช็อกน้าหลานฆ่ากันต่อหน้ากระสุนเฉียดหัว ก่อนจากยกปืนบ๊ายบาย (คลิป)

เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 12 ส.ค. 65 ร้อยตำรวจเอกสกล เอี่ยมบุญลือ รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตเหตุเกิด บริเวณบ้าน หมู่ 5 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นโรงจอดรถไถ หลังคามุงกระเบื้อง บริเวณกลางโรงจอดรถไถพบร่างของผู้เสียชีวิต เป็นชายนอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่บนเตียงไม้ และมีเปลเลี้ยงเด็กผูกอยู่ข้าง ๆ ตรวจสอบสภาพศพพบถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .45 เข้าที่บริเวณลำคอท้ายทอย และลำตัว รวม 4 นัด ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายพมร ปราดเปรียว อายุ 57 ปี เจ้าของบ้าน

ล่าสุด ทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านที่เกิดเหตุ นางบำรุง พรมมา อายุ 65 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต เปิดใจทั้งน้ำตาว่า เมื่อช่วง 2 วันก่อน สามีและหลานเขยได้มีเรื่องทะเลาะกันมาก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องที่หลานเขยปล่อยวัวออกมาจากคอก ไปย่ำไร่มันของสามี อีกทั้งวัวยังกินมันของสามีด้วย ทำให้สามีของตนไปต่อว่านายธานินทร์ ผู้ก่อเหตุ แต่เหตุการณ์นี้ตนไม่เห็น

จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลานชายขับรถมาเติมน้ำมันหน้าบ้าน ก่อนจะมาบอกตนว่า "ตัวเองเลี้ยงวัวอย่างดี จะมาบอกว่าคนตายไปไล่วัวได้ยังไง" ตนจึงบอกไปว่า "ใครจะผิดหรือถูกไม่รู้ แต่ให้ใจเย็น ๆ เพราะสามีของตนก็พิการ" หลังจากนั้น นายธานินทร์ก็กลับไป จนช่วงสายหลานกลับมาอีกครั้ง ถามหาสามีของตน ตอนนั้นตนก็ไม่ทราบว่าสามีขี่รถ จยย. ออกไปที่ไหน จากนั้นสามีของตนก็กลับมา และบอกว่ามันที่ไร่ถูกวัวของนายนูเหยียบอีกเเล้ว ตนไม่ทราบว่าช่วงนี้สามีได้ไปพบกับนายธานินทร์แล้วเกิดปากเสียงอีกหรือไม่

ช่วง 14.00 น. ตนกำลังนั่งปลอกหน่อไม้จะเอาไปขายที่ตลาดนัด สามีก็กำลังจะไกวเปลให้หลานสาววัย 1 ขวบ 7 เดือนอยู่ เเละบอกกับตนว่าให้ไปขายของได้เลย เดี๋ยวตัวเองจะกล่อมให้หลานหลับเอง หลังจากนั้นหลานเขยก็เข้ามาด้วยท่าทางโมโห คล้ายกับว่า สามีของตนโทษแต่วัวของเขา ตนก็ไม่ทันได้เอะใจ เพราะหลานเขยเคนเข้ามาบ่อย ๆ แล้วจู่ ๆ นายธานินทร์ก็ชักปืนออกมายืงสามีของตน 4 นัดจนเสียชีวิตคาที่ ส่วนหลานสาวของตนก็ตกใจตื่น กรีดร้อง อีกทั้งยังถูกกระสุนปืนเฉียดหัวด้านขวาอีกด้วย โชคดีที่ไม่เข้าศีรษะ หลังจากยิงเสร็จนายธานินทร์ก็ยกปืนขึ้นโบกในท่าบ๊ายบาย ก่อนจะบอกว่า "อโหสิ นะ ๆ" ก่อนจะขับรถออกไป

ตนเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหลานเขยถึงต้องทำแบบนั้น เพราะสามีของตนเองก็พิการ เส้นเลือดมนสมองตีบมานาน 5 ปีเเล้ว เดินเหินไม่สะดวก ตนต้องคอยดูแลสามีมาตลอด สามีก็พยายามที่จะช่วนเหลือตัวเอง อาบน้ำกินข้าว ขับรถออกไปสวนด้วยตัวเอง อีกทั้งที่ผ่านมา สามีของตนยังคอยช่วยดูวัวของนายธานินทร์อีกด้วย

ส่วนลางสังหรณ์เมื่อคืนนี้ สามีบอกให้ตนโกนหนวดให้หน่อย เเต่ตนง่วงนอนจึงปฏิเสธ สามีก็บอกว่า "เออ ไม่ทำให้ เดี๋ยวเถอะ ไปปุ๊บปั๊บขึ้นมาจะทำยังไง" แต่ตนก็ไม่ได้สนใจ นอนหลับต่อ ส่วนสามีก็เหมือนคนนอนไม่หลับ เดินไปเดินมา ออกมานั่งสับหน่อไม้อยู่นอกบ้าน ก็ไม่ได้คิดว่าสามีจะด่วนจากไปแบบนี้ ตนอยู่กับสามีมานาน 20 ปีเเล้ว นิสัยใจคอของสามีเป็นคนพูดจาโผงผาง ไม่ยอมคน ปากดี แต่พิการเพราะเส้นเลือดมนสมองตีบ ทำให้อัมพฤกษ์ด้านขวา และตนมองว่าการกระทำของหลานเกินกว่าเหตุไปมาก

ด้านนายธนู ชวัญอ่อน อายุ 66 ปี พ่อผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ตนเองได้รีบขับรถ จยย. ไปที่เกิดเหตุ เพื่อจะไปดูลูกชายตอนทำแผนจริง ๆ เพราะกลัวว่าจะถูกญาติฝั่งนั้นรุมทำร้าย เเต่พอไปถึงการแผนก็จบลงเเล้ว

ซึ่งอย่างที่ทีมข่าวเห็นว่า ฝ่ายของภรรยาผู้ตายตะโกนด่าทอตนก่อนว่าไม่สั่งสอนลูก เเต่ตนกลับมองว่าตนเเละนางบำรุง เป็นพี่น้องกัน เเต่ทำไมฝ่ายนั้นถึงไม่สอนสามีตัวเองเเทน เเต่กลับมาลักขโมยวัว เเละดักยิงวัวของตนเอาไปกินทุกปี ตนจึงด่ากลับไปด้วยความโมโห เพราะตนเองก็สอนลูกมาตลอดว่าเป็นพี่น้องกัน เเต่น้องสาวของตนไม่รู้หรืออย่างไรว่าสามีตัวเองเป็นคนเลว ใช้ให้ลูกน้องมาดักยิงวัวของตน

ส่วนปืนลูกชายเป็นคนซื้อมาเพื่อป้องกันวัว เพราะพวกตนเลี้ยงวัวในป่า ก็มีไว้เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ตอนนี้ตนก็ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะเรื่องก็เกิดขึ้นไปแล้ว เรื่องวัวก็ยังโกรธอยู่ แต่ก็อยากจะให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตอโหสิกรรมให้ลูกชายของตนด้วย ให้ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมเเต่ชาติก่อน

เบื้องต้น ผู้ก่อเหตุถูกแจ้ง 3 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหรือทางสารธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ตอนนี้ทางญาติของผู้ต้องหายังไม่ได้มีการยื่นประกันตัว เเต่ถ้ามีการยื่นทางตำรวจก็จะต้องค้านประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง