จากกรณี วันที่ 8 ส.ค. 65 ที่ จ.สงขลา เกิดเหตุเด็กชายอายุเพียงแค่ 2 ขวบกว่า ถูกคนร้ายปริศนาอุ้มจากเบาะที่นอนในบ้านพักไปทุบตีทำร้ายร่างกายจนน่วม เนื้อตัวเกิดรอยแดงช้ำเกือบทั้งตัว และยังมีแผลพุพองตามตัวอีกหลายจุดเหมือนกับถูกไฟจี้
ซึ่งแม่ของเด็กได้ออกมาเรียกร้องให้ตำรวจเร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เคยแจ้งความกับตำรวจไว้ แต่คดียังไม่คืบหน้า หาตัวคนทำไม่ได้ เหตุการณ์เกิดขึ้นที่บ้านใน ต.เขาแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา ภายในบ้านเช่ามุงสังกะสี โดยผู้ต้องสงสัยคนที่แม่ของเด็กเชื่อว่าคือ นายดุสิต หรือ สิต คนในหมู่บ้านใกล้กัน ซึ่งก่อนหน้านี้ แม่ของเด็กอ้างว่า 26 มี.ค. ที่ผ่านมา ลูกถูกนายดุสิตทำร้ายมาแล้ว 1 ครั้ง แต่คดีกลับไม่คืบหน้า
ล่าสุด วันที่ 11 ส.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้หลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดสำคัญ นางสมจิตร แม่ของน้องสตาร์ได้มอบให้ทีมข่าว หลังถูกสังคมโจมตีอย่างหนักคิดว่าสร้างเรื่องหลอกนักข่าว บางคนมองว่าเป็นคนทำร้ายทารุณลูกชายตัวเอง และจัดฉากขึ้นเพื่อเรียกเอาเงินบริจาค และโยนความผิดให้นายดุสิต ผู้ต้องสงสัยนั้น
แม่ของน้องสตาร์ยืนยันมาตลอดว่า 26 มี.ค. 65 ที่ลูกชายถูกทำร้ายครั้งแรก เห็นนายดุสิตกำลังทำร้ายตบหน้า เอาสายเบรกจักรยานยนต์ฟาดลูกชายจริง แต่ไม่มีใครเชื่อ
ทั้งนี้ เหตุการณ์เวลาประมาณ 03.00 น. ของคืนวันที่ 26 มี.ค. วันที่น้องสตาร์ถูกทำร้ายรอบแรก กล้องจุดนี้อยู่บริเวณโรงจอดรถ ฝั่งตรงข้ามบ้านพ่อนายดุสิต ห่างจากจุดใต้ต้นมะขามที่น้องสตาร์ถูกทำร้ายไม่ถึง 20 เมตร จากภาพจะเห็นว่ามีชายคนหนึ่งรูปร่างผอมสูง สวมเสื้อคล้ายเสื้อกันหนาวสีดำ กางเกงขาสั้น เดินผ่านกล้องเข้าไป ซึ่งเป็นทางมุ่งหน้าไปยังใต้ต้นมะขาม และห้องเช่าของน้องสตาร์ จากนั้น 03.57 น. ชายคนเดิมได้วิ่งออกมาจากทางบ้านน้องสตาร์ บริเวณใต้ต้นมะขาม ท่าทางเร่งรีบ คล้ายกำลังวิ่งหนี
นางสมจิตร แม่ของน้องสตาร์ บอกว่า คนในคลิปนั้นตนเองค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นนายดุสิตที่ลงมือทำร้ายลูกชายของตนเองในวันเกิดเหตุ เนื่องจากตนเองคืนวันเกิดเหตุตนเองได้ยินเสียงลูกชายร้อง จึงวิ่งออกมาดูพบว่านายสิต กำลังยืนตบลูกชายและเอาสายเบรกรถจักรยานฟาดลูกชายของตัวเองอยู่จริง ตอนนั้นตนเองยังได้ตะโกนด่าว่า "มึงตีลูกกูทำไม" แต่นายสิตกำลังทำร้ายลูกชายอยู่ ได้เงยหน้าขึ้นมามองตนเอง ก่อนจะถุยน้ำลายลงพื้น รีบวิ่งหนีไปทันที
ตนเองพยายามบอกทุกคนมาตลอดแต่ไม่มีใครเชื่อ วันนี้ตนเองจึงต้องนำคลิปนี้มามอบให้ทีมข่าว ตนไม่เคยคิดสร้างเรื่องทำร้ายลูก หลังเกิดเรื่องตนเองได้นำคลิปดังกล่าวไปให้กับตำรวจแล้ว ซึ่งตำรวจได้เห็นคลิปตัวนี้แล้ว แต่กลับบอกว่าไม่น่าใช่นายดุสิต และไม่ได้ทำคดีอะไรต่อ ไม่เคยไปตามตัวชายในกล้องวงจรปิดมาด้วยว่าเป็นใคร จนถึงตอนนี้ทำให้คดีเก่าล่าช้าไปกว่า 4 เดือนแล้ว
ส่วนคนร้ายที่ทำร้ายลูกชายครั้งล่าสุด ไม่สามารถปรักปรำตัวนายดุสิตได้ เพียงแต่สงสัยเฉย ๆ เพราะลักษณะบาดแผลที่ลูกชายถูกตีคล้ายกับรอบแรก คิดว่าน่าจะเกิดจากการเอาทางมะพร้าวตี อย่างที่ทีมข่าวได้ทดลองไปเมื่อวานนี้ ลักษณะรอยนั้นใกล้เคียงกันมาก และน่าจะเกิดจากคนคนเดียวกันที่ทำร้ายลูก
ยืนยันว่าไม่เคยโกหกนักข่าว เพราะลูกใครใครก็รัก หากโกหกจริง จะขอให้นักข่าวช่วยพาไปหากล้องวงจรปิดหาหลักฐานกับอมรินทร์ทีวีทำไม สู้นอนอยู่บ้านไม่ดีกว่าหรือ จะให้ตนเองไปสาบานที่ไหนก็ได้ ตนไม่ได้ทำร้ายลูกจริง ๆ ส่วนสังคมจะมองอย่างไร สุดท้ายเวลาจะพิสูจน์ความจริงเอง
นายดุสิต ผู้ต้องสงสัย บอกว่า ตัวเองทนไม่ไหวแล้วที่ถูกแม่ของเด็กโยนบาปให้ตั้งแต่คดีแรก ตนเองยืนยันมาตลอดว่าไม่ใช่คนร้ายที่ทำร้ายเด็ก ถึงแม้จะมีบ้านพักอยู่ใกล้กัน แต่ก็ไม่เคยไปแตะเนื้อต้องตัวตัวเด็กเลยสักครั้ง ตนเองก็ไม่ใช่ชายในกล้องวงจรปิดด้วย ลักษณะการวิ่งก็ไม่เหมือนกันแล้ว คืนวันเกิดเรื่องตนเองยังนอนอยู่ในขนำอยู่เลย และคนที่ทำเด็ก แม่เด็กน่าจะรู้ดีที่สุด และอาจจะเป็นบุคคลที่ 3 ที่มาทำร้ายเด็ก ซึ่งก็ไม่รู้แม่เด็กไปมีศัตรูที่ไหนมาบ้าง
ตนยอมรับว่า ที่ผ่านมาตนเองและแม่เด็กไม่ถูกกันจริง ๆ และต่างคนต่างเกลียดกันมานานแล้ว หน้ายังไม่อยากจะมอง แต่ตนเองก็ไม่เคยไปยุ่งอะไรกับแม่เด็กหรือเด็ก และหากตนเองทะเลาะกับแม่เด็กตนเองจะทำร้ายเด็กทำไม สู้ไปทำร้ายหรือข่มขืนแม่เด็กไปเลยไม่สะใจกว่าหรอ
ส่วนเรื่องรถจักรยานยนต์ซูโม่เอ็กซ์ที่เอาเด็กไปปล่อย ตนเองก็ยืนยันว่าไม่เคยมีรถจักรยานยนต์เป็นของตัวเอง และครอบครัวก็ไม่ได้ให้ขี่ไปไหนมาไหน ตนเดินอย่างเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ ตนเองเคยเห็นนางสมจิตรทำร้ายลูกของตัวเองเป็นประจำ หากเด็กไม่ยอมกินข้าว ก็ตวาดใส่เด็กเสียงดัง และเคยเห็นจะตบลูกชายด้วยหลังมืออีกด้วย
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังเปิดภาพวงจรปิดรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยที่นำน้องสตาร์ไปทิ้งให้กับแม่น้องสตาร์ดู น้องสตาร์ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ได้ชี้ไปที่รูปรถ และพยายามบอกว่าตนเองได้นั่งไปบนรถจริง ๆ ทั้งนี้ นางสมจิตรพาน้องสตาร์ลองเดินจำลองเหตุการณ์ เพื่อให้ลูกชายชี้ว่ คนร้ายได้พาน้องเดินไปทางไหนบ้าง น้องลองเดินไปเองชี้ว่าได้เดินออกไปทางหลังบ้าน เดินไปเส้นทางถนนเส้นหลัก และได้ชี้ด้วยว่าเจอยายอี๊ด นอนหลับอยู่ที่เปล ขณะคนร้ายพาหนีอีกด้วย
นอกจากนี้ ทีมข่าวทดสอบดูความเป็นไปได้ ทดสอบลองอุ้มน้องสตาร์ ซึ่งท่าทีของน้องสตาร์มีการขัดขืน และส่งเสียงร้องหาแม่อย่างเห็นได้ชัด และหากยิ่งฝืนจะอุ้มน้องออกห่างจากแม่ ก็จะยิ่งร้องไห้และร้องเสียงดังมากขึ้น ขณะทีมข่าวทดลองอุ้มน้อง มีนางสมจิตร อยู่ใกล้ ๆ น้องก็ยังร้องไห้หาแม่
ทีมข่าวจึงลองทดลองนำขนมมาล่อ เพื่อขอน้องสตาร์อุ้ม เมื่อน้องสตาร์เห็นขนม ได้รีบเดินมาจะหยิบขนมของทีมข่าว แต่เมื่อหยิบขนมไปแล้ว ทีมข่าวอุ้มน้องสตาร์ก็ยังไม่ให้อุ้มเหมือนเดิม ไม่สอดคล้องกับถ้ามีคนแปลกหน้ามาอุ้มเด็กไปแล้วน้องสตาร์จะไม่ร้องไห้
ทีมข่าวสอบถามยายของเด็กว่าน้องสตาร์ติดแม่จริงหรือไม่ ยายเด็กบอกว่าหลานชายติดแม่มาก จะอยู่กับแม่ไม่ห่าง และหากคนแปลกหน้า หรือญาติบางคนที่ไม่สนิทจริง ๆ น้องจะร้องงอแงไม่ยอมให้อุ้มเด็ดขาด ตนเองเชื่อว่าคนร้ายนั้นหากไม่ปิดปากเด็กตอนอุ้ม หรือ ไม่ใช่คนที่เด็กไว้ใจจริง ๆ น้องจะร้องหาแม่แน่นอน คนร้ายรายนี้ต้องเก่งมาก ๆ
ชาวบ้านรายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่าความผิดปกติในคืนวันเกิดเหตุที่น้องสตาร์หายตัวออกจากบ้าน เวลาประมาณตี 3-4 ระหว่างที่ตนเองกำลังนอนเปลอยู่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านน้องสตาร์มากนัก เห็นชาย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์มาจอดบริเวณหน้าโรงเรียนบ้านเขาแดง งอยู่ด้านหลังบ้านของน้องสตาร์ ซึ่งมีคลองหลังบ้านกั้นอยู่
โดยชายอ้วนกับผอมใส่เสื้อคลุมและใส่หมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า จอดรถและเทห่อข้าว ทำเสียงเรียกหมาบ้านของตน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4-5 ตัวให้วิ่งไปกิน หลังจากนั้นได้ขี่รถออกไป หลังจากที่หมาวิ่งไปกินอาหารของชายปริศนาหมาทั้งหมดได้วิ่งกลับมาที่หน้าบ้าน และได้นอนหลับทุกตัว รวมถึงตนด้วย ทำให้หากคนร้ายมาอุ้มเด็กไปด้านหลังบ้าน หมาก็จะไม่เห่า เชื่อว่าชายปริศนาอาจจะเป็นผู้ร่วมขบวนการทำร้ายเด็กหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาหากมีคนแปลกหน้าเดินผ่านหมาของตนจะต้องเห่า
กล้องวงจรปิดบริเวณด้านหน้าโรงเรียนบ้านเขาแดง บริเวณหลังบ้านของน้องสตาร์ ระยะทางห่างกันประมาณ 100 เมตรพบว่า เวลาประมาณ 04.29 น. จะเห็นรถจักรยานยนต์ 2 คันมาจอดบริเวณเสาไฟฟ้า เป็นจุดเดียวกับที่ชาวบ้านคนหนึ่งให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เห็นรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย มีรถจักรยานยนต์ 2 คันเข้ามาจอดอยู่ติดเสาไฟฟ้าหน้าโรงเรียน จากนั้นมีการคุยกันสักพักก่อนจะวนหัวรถกลับขี่รถออกไปด้วยกัน มุ่งหน้าหาดจันทร์สว่าง จุดที่พบเด็ก
เวลา 05.03 น. พบคนอีก 1 คนเดินออกมาทางหลังบ้านของเด็ก ซึ่งกั้นด้วยคลอง และออกมาเดินอยู่บนถนน ทีมข่าวพยายามไล่ดูวงจรปิดตั้งแต่ 03.00-05.30 น. ไม่พบมีใครอุ้มเด็กออกมาจากหลังบ้านเด็ก มีเพียงเวลา 05.03 น. ที่มีคนเดินออกมาเพียงคนเดียวเท่านั้น ช่วงเวลา 05.04 น. บริเวณกล้องหน้าโรงเรียน มีเงาขนาดความสูงเท่าเด็ก เดินไปมาอยู่ไกล ๆ และลักษณะเหมือนกำลังเดินผู้ชายคนหนึ่งมา
