ปิดคดีสาวคอหักปริศนาผัวเมาทำตายหิ้วศพซุกรถ แม่ช็อกลูกโชว์นาทีฆ่าก่อนกราบลา (คลิป)

11 ส.ค. 65

กรณี สภ.จอมบึง จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุ พบผู้เสียชีวิตอยู่ภายในรถยนต์เก๋ง จอดอยู่หน้าบ้านใน หมู่ 10 ต.ปากช่อง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ที่เกิดเหตุบริเวณถนนหน้าบ้าน พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีขาว หมายเลขทะเบียน ญก 9853 กรุงเทพฯ จอดอยู่

223810

เมื่อตรวจสอบภายในรถบริเวณที่นั่งคนขับพบร่างของหญิงสาวสวมเสื้อสีขาว บริเวณหน้าอกด้านซ้ายเปื้อนเลือด นุ่งกางเกงขาสี่ส่วน สีชมพู สภาพนั่งคอพับไปทางด้านซ้าย และหมุนได้เหมือนกระดูกคอเคลื่อนหรือคอหัก ส่วนตามร่างกายก็มีบาดแผลที่ปาก ที่เป็นลักษณะแผลเก่าที่ได้รับการรักษาแล้วเพราะมีร่องรอยการเย็บ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง

149881

ทราบชื่อคือ นางฐิติยา เหล่าอมรมิตร์ หรือ โอ อายุ 41 ปี และจากการตรวจสอบภายในรถเก๋งไม่พบสิ่งผิดปกติ เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งศพไปตรวจชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนสามีที่อยู่กับผู้ตายคนสุดท้ายคือ นายอุเทน ไทยเจริญ หรือ มัด อายุ 55 ปี ซึ่งทั้งคู่คบหากันได้ประมาณ 2 ปี ก่อนที่จะย้ายจากกรุงเทพฯ อยู่ด้วยกันในบ้านพื้นที่ จ.ราชบุรี

355741

วันที่ 11 ส.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางไปที่โรงพัก สภ.จอมบึง จ.ราชบุรี พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงมีการคุมตัวนายอุเทน หรือ มัด อายุ 55 ปี สามีของคนตาย โดยถูกควบคุมตัวเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ เบื้องต้น นายอุเทนมีการให้ปากคำและให้การวกไปวนมา เนื่องจากยังอยู่ในอาการมึนเมา ประกอบกับด้วยอายุที่มาก รวมทั้งเป็นกลุ่มผู้ติดสุราเรื้อรัง

351598

เบื้องต้นอ้างว่าภรรยากำลังจะหนีออกจากบ้าน เพราะเนื่องจากต่างคนต่างเมา จนสุดท้ายภรรยาหนีไปนอนในรถ ส่วนตนเองนั้นยึดกุญแจรถเอาไว้ และเข้าไปนอนในห้อง ตื่นเช้าขึ้นมาภรรยาเสียชีวิตอยู่ในรถแล้ว

962823

ช่วงสายวันนี้ นายอุเทน เริ่มมีสติมาก มีการให้ปากคำและเปลี่ยนคำให้การใหม่ อ้างว่าช่วงเวลาเกิดเหตุซื้อเหล้ามานั่งดื่มกินกับภรรยาอยู่ที่หน้าบ้าน จากนั้นทะเลาะมีปากเสียง โดยการพูดไม่เข้าหู เพราะต่างคนต่างเมา จึงได้มีการผลักภรรยาล้ม ก่อนที่ภรรยาจะหัวฟาดพื้นบริเวณหน้าบ้าน ตอนนั้นตนเองไม่อยากมีเรื่อง ก็เลยตัดสินใจเดินหนีออกจากบ้าน ใช้ไม้เท้าพยุงตัว เนื่องจากเดินเหินไม่ปกติ แต่ปรากฏว่าแฟนสาววิ่งตามหลังออกมา แล้วพยายามขีดข่วน และทำร้ายร่างกาย ตนเองจึงได้มีการต่อสู้ยื้อยุดกันไปมา กระทั่งแฟนสาวล้มลงหัวฟาดพื้น บริเวณลานหน้าบ้าน ตอนนั้นก็ไม่ได้สังเกตว่ามีเลือดหรือแผลตรงไหนบ้าง เห็นว่าภรรยาคล้ายกับหมดสติ จึงได้มีการประคองลักษณะพยุง และพาภรรยาขึ้นไปนอนที่ฝั่งของคนขับในรถ ก่อนที่จะเอาผ้าขนหนูไปวางทับเอาไว้ที่ตัก กลัวว่าแมลงหรือยุงจะกัด จากนั้นก็ได้มีการปิดประตูรถตามปกติ โดยไม่ได้มีการสตาร์ตเครื่อง

cg-1

จากนั้น ตนเองก็ปิดประตูรั้วบ้านแล้วกลับเข้าไปนอน จนกระทั่งรุ่งเช้าพบว่าภรรยาก็ยังไม่เข้าบ้าน ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. จึงออกไปดูที่รถ ก็พบว่าภรรยาเสียชีวิตอยู่ในรถแล้ว

cg-2

นายอุเทน เปิดใจอีกว่า ตนเองไม่มีเจตนาทำร้ายร่างกายนางฐิติยา เพราะตนเองรักและเป็นห่วงเจ้าตัว วันเกิดเหตุต่างคนต่างเมา ก็เลยมีการยื้อยุดและมีการผลักกันจนกระทั่งล้ม แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีอาวุธหรือสิ่งที่จะใช้ก่อเหตุในการทุบตีภรรยา สำหรับกรณีเรื่องของเลือดบริเวณหน้าห้องนอน ยืนยันว่าเป็นเลือดที่เกิดขึ้นก่อนหน้าประมาณ 3-4 วัน แฟนสาวเดินไปที่ครัวหลังบ้านและเป็นพื้นต่างระดับ ลักษณะเป็นบันไดลงไป แฟนสาวเหยียบพลาดและลื่นหน้าคว่ำคะมำปากแตก นเองก็พาไปส่งโรงพยาบาล เย็บ 10 เข็ม และในตอนนั้นเลือดของแฟนสาวก็เลยเปื้อนทั่วบริเวณ

208228

เวลาประมาณ 14.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเชิญตัวนายอุเทน ผู้ต้องหาในคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้เป็นเหตุถึงแก่ความตายโดยได้มีการคุมตัวขึ้นรถ เพื่อไปทำแผนประกอบรับคำสารภาพ เจ้าตัวสวมใส่เสื้อสีแดง กางเกงขายาว เดินลงมาพร้อมกับไม้เท้าซึ่งทำจากไม้ไผ่ ในมือถือถุงยา อ้างว่าการเดินไม่ถนัด เนื่องจากหัวเข่าไม่ดี

ช่วงการทำแผนประกอบรับคำสารภาพ ผู้ต้องหาได้มากราบขอขมาและกลับเท้าลาแม่ พูดด้วยอาการสั่นว่า "ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมผิดไปแล้ว" จากนั้น นางติ๋มผู้เป็นแม่ก็ได้บอกว่า "ขอให้ลูกโชคดี แคล้วคลาดปลอดภัย ดูแลตัวเองให้ดี คอยกินยาให้สม่ำเสมอ"

997478

สำหรับที่บ้านที่เกิดเหตุ มีนางติ๋ม นุชเวช อายุ 71 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ เป็นแม่ของนายอุเทน พร้อมด้วยพี่ชายของนายอุเทน มาดูการทำแผนฯ ตำรวจได้พาตัวนายอุเทนเข้าไปภายในรั้วบ้าน ไปที่บริเวณโต๊ะที่หน้าบ้านระหว่างการทำแผนฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอความร่วมมือจากนางติ๋ม ผู้เป็นแม่ จำลองเป็นผู้ตายในระหว่างการทำแผนฯ

179000

ระหว่างทำแผน นายอุเทน เปิดใจทั้งน้ำตาว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองทราบว่ามีครอบครัวของคนตายเดินทางมาดูการทำแผนฯ ก็อยากจะฝากขอโทษไปยังครอบครัวคนตาย "ผมผิดไปแล้วผมสำนึกผิด หากย้อนเวลากลับไปได้ผมจะไม่ปล่อยให้เขาตาย" ที่สำคัญตอนที่อุ้มนางฐิติยาไปนอนเอาไว้ในรถนั้น ตนเองก็ไม่มีเจตนาที่จะปิดจนกระทั่งทำให้เป็นเหตุหรือชนวนเหตุที่ทำให้หายใจไม่ออกถึงแก่ความตาย เข้าใจว่าตอนนั้นหลังจากแฟนสาวหายเมา หรือตื่นขึ้นมาก็คงเดินเข้าบ้านตามปกติ ตนเองยังคงยืนยันว่ารักและเป็นห่วงคนตายเสมอ ส่วนเรื่องของคดีความก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย พร้อมยอมรับผิด เหตุการณ์ครั้งนี้ตนเองเป็นบทเรียนชีวิตยอมเลิกเหล้า จะไม่กินอีกแล้ว

 

575596

นางติ๋ม นุชเวช แม่ของผู้ต้องหา เปิดใจว่า ตอนแรกลูกชายก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง เจ้าตัวบอกแต่เพียงว่าไม่ได้มีการทำร้าย ตัวของภรรยาเข้าไปนอนในรถ มารู้อีกทีก็พบว่าเป็นศพ แต่ในการทำแผนฯวันนี้ตนเองได้ร่วมจำลองเป็นผู้ตาย เห็นลูกชายยอมรับสารภาพในการกระทำทั้งหมด จึงทำให้ตนเองก็ถึงกับตกใจ และรับไม่ได้ในหลายเรื่อง ทำไมลูกชายทำเขาล้มแล้วไม่พาไปส่งโรงพยาบาล หรือเรียกรถกู้ภัย แต่กลับปล่อยให้อยู่ในรถจนกระทั่งถึงแก่ความตาย

เมื่อลูกชายทำผิดก็ต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย หากถามว่าประกันตัวหรือไม่นั้น ก็คงจะไม่ เพราะที่บ้านก็ไม่ได้มีเงิน ส่วนการขอโทษไปยังครอบครัวของคนตายนั้น เหตุมันเกิดขึ้นที่บ้านตนเองก็ยอมรับผิด และฝากขอโทษไปยังครอบครัวของคนตายด้วยด้วย

151125

นางสาวนิสารัตน์ แสนสุข อายุ 40 ปี แม่ค้าร้านขายของชำ เปิดเผยว่า ครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่ขับรถคันที่เกิดเหตุออกมาซื้อเหล้า คือวันอังคารที่ 9 ส.ค. ช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ทั้งคู่ก็ออกมาซื้อเหล้าพร้อมกัน ไม่มีอะไรผิดปกติ และไม่ได้มีร่องรอยของการถูกทำร้าย แต่มีเพียงคนตายที่มีแผลที่ปาก เนื่องจากประสบอุบัติเหตุหกล้มขณะที่เมา ตามตัวของทั้งคู่ไม่มีร่องรอยของการบาดเจ็บ และโดยนิสัยของทั้งคู่เวลาที่มากินเหล้าที่ร้าน จะกินตั้งแต่หัวรุ่ง จนกระทั่งร้านปิดช่วง 21.00 น. พากันเมาทั้งคู่ แต่เมียเขาเป็นคนคอยขับรถให้ อยู่ในอาการมึนเมาเช่นกัน

หลายครั้งถึงกับเมาฟุบคาร้าน และหลายครั้งตนเองถึงขั้นเอาเหล้าในร้านไปซ่อน บอกว่าเหล้าหมด เพราะทั้งคู่กินกันแบบไม่ยอมกัน แต่ในวันเกิดเหตุนั้น พบว่าเป็นวันพุธที่ 10 ส.ค. เวลาประมาณ 10.00 น. นายอุเทน สามี ได้โทรศัพท์มาสั่งเหล้า ให้ตนเองเอาไปส่งที่บ้าน 2 ขวด พร้อมกับบอกว่าให้ไปช่วยอุ้มแฟนออกจากรถ เนื่องจากแฟนเมาและนอนคารถปลุกไม่ยอมตื่น ตนเองก็ไม่ยอมเอาเหล้าไปส่ง เพราะเห็นว่ากินกันเยอะแล้ว จึงได้ตัดสินใจแจ้งผู้ใหญ่บ้านและตำรวจให้เข้าไปช่วยดู

479952

จากนั้นตัวของนายอุเทนก็ได้มีการโทรศัพท์กลับมาอีกครั้งช่วงเวลา 12.00 น. บอกว่าเมียตาย ตอนนั้นตัวเองก็ช็อก คาดไม่ถึงว่าจะตาย แต่สำหรับเรื่องของการทำร้ายหรือไม่นั้นก็ต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย ยืนยันว่าตอนที่มานั่งกินเหล้าที่ร้านนั้นไม่เคยทะเลาะอะไรกัน มีแต่พูดเสียงดัง และตะโกนคุยกันตามประสาคนเมา และนายอุเทนก็อาจจะมีหึงหวงบ้างเล็กน้อย เวลาที่เห็นผู้ชายอื่นเข้ามาทักทาย แต่ก็ไม่เคยลงไม้ลงมือ เพราะทั้งคู่รักกันดี

147195

พ.ต.อ.ธรณิศ ไตรวงศา ผกก.สภ.จอมบึง จ.ราชบรี เผยว่า ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาให้การวกไปวนมา เพราะเนื่องจากอยู่ในอาการมึนเมา ประกอบกับเป็นเรื่องของฤทธิ์สุราเรื้อรัง ทำให้การให้การยังไม่เป็นประโยชน์ และยืนยันว่าไม่ได้มีการทำร้าย จนกระทั่งในเช้าวันนี้ได้มีการเปลี่ยนคำให้การใหม่ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสำนวนคดี และยืนยันว่าเป็นการทำร้ายร่างกายโดยปราศจากอาวุธ ซึ่งมีการใช้การลงไม้ลงมือ

764580

จนกระทั่งมีการผลักผู้ตายล้ม ก่อนที่จะนำไปไว้ในรถ ซึ่งตื่นขึ้นมาปรากฏว่าผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนั้นจากการกระทำและการเปลี่ยนคำให้การ จึงสามารถที่จะดำเนินคดีและแจ้งข้อกล่าวหาได้ โดยถ้าเป็นภาษาชาวบ้านเรียกว่าฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา แต่ถ้าตามหลักกฎหมายแล้วจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา คือทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

113493

ส่วนผลทางนิติวิทยาศาสตร์ที่มีการตรวจสอบที่เกิดเหตุ อาทิ กองเลือด และขวดเหล้า หรืออาวุธอื่นที่จะเป็นเหตุในการทำร้ายร่างกาย หากผลยืนยันภายหลังว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ก็อาจมีการเปลี่ยนสำนวนคดีใหม่เป็นเจตนาฆ่าผู้อื่น แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์อีกครั้ง

762119

นอกจากนี้ ในระหว่างการทำแผนประกอบรับคำสารภาพ ครอบครัวของคนตายเดินทางมาร่วมดู นางสาวก้อย ญาติฝั่งของคนตาย เผยว่า ตนเองได้มาดูการทำแผนพร้อมกับมีการถ่ายคลิปเก็บเอาไว้ จากคำที่มีการให้การกับตำรวจ นายอุเทนมีการทำแผนไม่ตรงกับที่ให้การเอาไว้ ตอนแรกบอกว่าแค่เพียงผลักล้ม แต่สุดท้ายการทำแผนวันนี้กลายเป็นว่ามีการหิ้วปีกคนตายไปนอนไปในรถ และปิดประตูโดยไม่สตาร์ตเครื่อง สุดท้ายจากเจ็บกลายเป็นตาย ซึ่งยังทำใจไม่ได้ต่อพฤติกรรมที่มีการกระทำแบบนี้

ถ้าหากคิดถึงจิตสำนึกและความเป็นคน อย่างน้อยก็น่าจะมีการเรียกให้เพื่อนบ้านหรือกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ ไม่ใช่ปล่อยให้นอนแบบนี้แล้วกระทั่งถึงแก่ความตาย

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส