อีกเรื่องราวดี ๆ ที่หลายคนในโซเชียลฯ ได้มีการพูดถึงและแชร์กันเป็นจำนวนมาก สำหรับกรณีเพจ "ขี้คุกเขียนรูป" ที่ได้แชร์และเล่าเรื่องราวของชายคนหนึ่งอดีตที่เคยเป็นนักโทษเรื่องยาเสพติด หลังพ้นโทษออกมาก็กลับใจไม่หวนไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด ก่อนจะไล่ตามความฝัน เปิดร้านอาหารขายซูซิ จนประสบความสำเร็จ
ล่าสุด วันที่ 9 ส.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางไปพูดคุยกับ นายธาวิน ศุภวิริยกุล หรือ เฮียเบนซ์ อายุ 43 ปี เจ้าของร้านอาหารซูซิขั้นเทพ สาขาเอกมัย เจ้าของเรื่ออดีตนักโทษกลับใจ เปิดใจว่า อดีตของตนเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงวัย 16-17 ปี ชีวิตที่หันเหเข้าสู่วงการสีเทานั้น เริ่มต้นมาจากเรื่องของค่านิยมแบบผิด ๆ และใจที่ไม่แข็งแกร่งพอ รวมไปถึงสังคมที่ตนเจอ โดยที่จุดเริ่มต้นไม่ได้มาจากปัญหาของครอบครัว หรือปมด้อยใด ๆ เพราะชีวิตตนเกิดมาครอบครัวเป็นข้าราชการ มีเงินทองพร้อมทุกอบ่าง แต่ผิดที่ตัวของตนเอง
จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่เรือนจำนั้นเริ่มต้นมาจากปี 2538 ศาลเด็กและเยาวชนยาเสพติด อายุ 17 ปี ตอนนั้นติด 6 เดือน หลังจากพ้นโทษออกมา ครั้งที่ 2 ปี 2543 คดีปล้นและพยายามฆ่า ศาลยกฟ้อง ครั้งที่ 3 ปี 2545 คดีเรื่องของยาเสพติด ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี ครั้งที่ 4 ปี 2549 คดีเรื่องของยาเสพติด ศาลพิพากษาจำคุก 6 ปี และครั้งที่ 5 ปี 2554 คดียาเสพติดศาลพิพากษาจำคุก 7 ปี 7 เดือน รวมอยู่ในเรือนจำกว่า 17 ปี
ที่ผ่านมายอมรับว่าครั้งก่อน ๆ ตนเองไม่ได้มีความคิดจะกลับตัว ยังคงคิดว่าออกมาสังคมเองคงไม่ให้โอกาส สุดท้ายคนอย่างตนก็ได้ทำได้แค่เรื่องเดิม ๆ กระทั่งปี 2554 ที่ตนติดคุกอีกครั้ง จุดเปลี่ยนที่ทำให้ตนกลับใจและสัญญาว่าจะไม่กลับไปในทางเก่านั้น มาจากครอบครัว พ่อ แม่ ภรรยา และ ลูกทั้ง 2 คนที่ได้พูดและขอร้องให้ตนกลับใจ ออกมาแล้วอยากเห็นลูกและพ่อของลูกเป็นคนดี จุดนี้ที่ทำให้ตนรู้สีกว่าเราเองต้องเปลี่ยนแนวความคิด การกลับตัวเป็นคนดี ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับใคร แต่มันขึ้นอยู่กับใจเราเอง ต้องเข้มเเข็ง ให้โอกาสตัวเอง ก่อนที่สังคมให้โอกาสเรา ต่อให้ใครจะไม่เชื่อว่าเรากลับใจ แต่ใจเราและตัวเรารู้อยู่ว่าสิ่งที่ทำคืออะไร
ตนยอมรับว่าตอนออกจากเรือนจำแรก ๆ อาจจะยาก กับภูมิต้านทานจากสังคมที่มองเราเหมือนตัวประหลาด เด็กมาใกล้เราพอเห็นรอยสัก ผู้ปกครองก็รีบดึงออกห่าง เหมือนเราไม่ใช่คน แต่ในเมื่อตามที่บอกใจเราคิดว่าทำดี ใครจะมองอย่างไรเราอย่ามาโทษตัวเอง ให้โอกาสตัวเรา ตนออกจากเรือนจำก่อนเปิดร้านอาหาร ทางครอบครัวก็ได้มีการทดสอบว่าสิ่งที่เราพูดหรือคิดใช่จริงหรือไม่ พิสูจน์ตัวเองโดยการรับของจิปาถะตามที่ต่าง ๆ มาขายในตลาด ตั้งแต่เช้ายันเย็น ทำแบบนี้มานานกว่า 7 เดือน ช่วงที่ตนโดนดำเนินคดีสมัยนั้นยอมรับมีเงินเยอะ แต่สุดท้ายก็เหลือเป็นศูนย์ โดนยึดทรัพย์ทั้งตนเองและภรรยา ไม่เหลืออะไรเลย
โชคดีที่มีครอบครัวอย่างพ่อและแม่ที่คอยซัพพอร์ต กระทั่งครอบครัวของตนตามที่บอกเขาเองเห็นความตั้งใจ และเชื่อมั่นในตัวของเราเองได้ให้โอกาสอีกครั้ง ให้เงินทุนกับตนเองมาเปิดร้านอาหารซูซิร้านนี้ ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนที่รู้จัก ตอนนี้เปิดมาได้ 1 ปี 7 เดือน ยอมรับว่าสิ่งที่ตนตั้งใจทำ ส่งผลให้ตนรู้สึกภูมิใจและประสบความสำเร็จ
นรายได้ตอนนี้เงินหมุนเวียนต่อเดือนละ 400,000-500,000 บาทต่อเดือน พร้อมกับดูแลพนักงานลูกน้องจำนวน 9 คน คนละ 15,000 บาท ตลอดจนมีเงินดูและทางภรรยาและลูก 2 คนได้ นอกเหนือจากเงินทองแล้วสิ่งหนึ่งที่ตนภูมิใจมากกว่าคือการกลับใจเป็นคนดี แล้วทำให้ลูกสาวอายุ 25 ปี กับลูกชายอายุ 22 ปี สามารถตอบเพื่อนได้ว่าพ่อฉันทำงานอะไร
อยากจะฝากบอกกับทุกคนว่าหากใครเห็นตนในวันนี้ อยากให้คิดและทบทวน ทุกสิ่งทุกเส้นทางล้วนมาจากตัวเรา ไม่มีใครสามารถมายัดเยียดสิ่งไม่ดีหรือความผิดไม่ดีได้ อย่าโทษสังคม อย่าโทษเพื่อนฝูง หากพลาดแล้วให้มองกลับมาที่ตน แล้วให้โอกาสตนเอง ไม่ต้องกลัวว่าสังคมจะไม่ให้โอกาส เพราะตนเป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว
