จากกรณี สองแม่ลูกหายจากบ้าน ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.65 จนกระทั่งครอบครัวผู้เสียชีวิตไล่กล้องวงจรปิดตามเจอ พบรถเหินพลัดตกลงคลองมะขามเตี้ย บริเวณจุดกลับรถใต้สะพาน
โดยมี น.ส.ณพัชญ์ปภา ทองตะกุก อายุ 37 ปี ที่นั่งคนขับ และนางบรรจง กิตติพงศากร อายุ 66 ปี ผู้เป็นแม่ นั่งที่เบาะโดยสารด้านหน้าเสียชีวิตภายในรถ
ภาพจากกล้องวงจรปิดมุมตรงข้ามถนน ก่อนจุดกลับรถใต้สะพานใน วันที่ 2 ส.ค.65 เวลาเกิดเหตุจริง 21.48 น. มีรถเก๋งฮอนด้าแอ็คคอร์ด สีขาว ทะเบียน กว 2511 สุราษฎร์ธานี ขับมามาด้วยความเร็ว ไม่ได้เปิดไฟหน้ารถ พุ่งตรงไปยังบริเวณจุดกลับรถใต้สะพาน โดยได้แตะเบรกเพียง 1 ครั้ง จะเห็นว่าไฟท้ายรถแดงสว่างขึ้นมา
ภาพจากกล้องวงจรปิด มุมต่อเนื่อง หลังจากรถขับผ่านตรงมายังจุดกลับรถใต้สะพาน จะเห็นว่าใช้ความเร็วค่อนข้างสูงพุ่งตรงเหินเหยียบฟุตพาท และรถลอยตกสะพานจมคลองมะขามเตี้ยไปในทันที
วันที่ 8 ส.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางมายังพื้นที่เกิดเหตุ จุดกลับรถใต้สะพาน ถนนเลี่ยงเมือง ต.มะขามเตี้ย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี เห็นได้ว่ามีเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงสุราษฎร์ธานี ดำเนินการติดตั้งป้ายสะท้อนสัญญาณเตือนทางโค้ง จำนวน 4 ป้าย ติดตั้งเอาไว้บริเวณช่วงทางโค้ง อีกทั้งยังมีการปิดกั้นแบริเออร์พลาสติกสีส้ม ช่วงทางโค้งเอาไว้
เวลา 16.20 น. ครอบครัวผู้เสียชีวิตเดินทางมายังพื้นที่เกิดเหตุ นิมนต์พระสงฆ์ดำเนินการทำพิธีอัญเชิญวิญญาณ จุดกลับรถใต้สะพานที่เกิดเหตุ โดยญาติต่างโศรกเศร้าเสียใจ ได้มีการจุดธูปเทียน และนำอาหารขนมผลไม้ มาทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณ ก่อนจะเตรียมไปรับร่างของผู้เสียชีวิตนำกลับมาทำพิธีทางศาสนา ที่วัดโพธาวาส ต.มะขามเตี้ย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี
นายศิริวัฒน์ แดงทอง อายุ 43 ปี เจ้าของร้านเต็นท์ มันตา คาร์เซ็นเตอร์ ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตนเองไม่ทราบเหตุการณ์เนื่องจากว่าช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาค่อนข้างดึกประมาณ 21.30 น. บริเวณรอบข้างนั้นก็ไม่ได้มีบ้านเรือนประชาชน จึงไม่มีใครทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
กระทั่งทางด้านครอบครัวผู้เสียชีวิตสงสัย จึงได้เดินทางตรวจสอบกล้องวงจรปิด และมาทราบว่ารถของผู้เสียชีวิตได้ขับรถตรงพุ่งไปยังใต้สะพานกลับรถ ในลักษณะขับรถด้วยความเร็วแต่ปิดไฟไม่ได้เปิดไฟหน้ารถ และพุ่งตกลงสะพานจมน้ำ
ส่วนตัวยอมรับว่าพื้นที่จุดกลับรถใต้สะพานนั้นเป็นพื้นที่ค่อนข้างแคบและมีเพียงแค่ป้ายเตือน ระบุเพียงแค่ความสูงของช่วงใต้สะพานเท่านั้น ไม่ได้มีป้ายสะท้อนสัญญาณเตือนว่าเป็นจุดทางโค้งแต่อย่างใด อีกทั้งแสงไฟสองสว่างก็มีไม่เพียงพอเรียกว่าไม่มีแสงไฟสองสว่าง ในจุดกลับรถดังกล่าวเลย
ส่วนตัวใช้รถใช้ถนนเป็นประจำ ล่าสุดเห็นว่ามีการนำแบริเออร์สีส้มและมีการติดป้ายทางโค้งจำนวน 4 ป้ายแล้ว รู้สึกมองว่าอาจจะยังไม่เพียงพอ ต่อการแจ้งเตือนป้องกันอุบัติเหตุ ถ้าหากจะให้ดีกว่านี้ควรมีเหล็กกั้น ในช่วงทางโค้งที่เป็นบริเวณคลองมะขามเตี้ยเพื่อป้องกันรถเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ส่วนตัวนั้นไม่ยอมรับว่าไม่กล้าใช้เส้นทางจุดกลับรถใต้สะพานดังกล่าวในขณะนี้ เนื่องจากจุดกลับรถใต้สะพานค่อนข้างมืดและเปลี่ยว ตนเองยอมขับรถเดินทางไกลอีกหน่อยเพื่อที่จะได้กลับรถในที่ค่อนข้างสว่าง และปลอดภัยมากกว่านี้
นายวิโรจน์ กิตติพงศากร อายุ 75 ปี สามีผู้เสียชีวิต และพ่อผู้เสียชีวิต ระบุว่า ช่วงเวลาประมาณ 20.26 น. ของวันที่ 2 ส.ค.65 ตนเองได้พูดคุยกับภรรยา ผ่านทางไลน์ ภรรยาบอกว่า "ถึงบ้านประมาณ 3 ทุ่ม กว่านะครับ อีฟประชุม" จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. ตนเองได้โทรศัพท์หาอีกครั้ง ถามว่า "ทำไมไม่มาง่าย 3 ทุ่มกว่าแล้ว และภรรยา บอกว่าอีฟยังไม่มาให้ปิดประตูไปก่อน คล้องแม่กุญแจไว้ เดี๋ยวเข้าบ้านเอง มีกุญแจเข้าบ้าน"
ตนเองก็รับทราบ และไปปิดประตูบ้านคล้องกุญแจเอาไว้ และเข้านอนต่อมาประมาณ 22.20 น. ตนเองก็รู้สึกเกรงใจอีกครั้งหนึ่งว่าทำไมภรรยายังไม่กลับมาบ้าน จึงได้โทรศัพท์หา แต่เมื่อโทรหาแล้วร้านก็รับ แล้วก็ได้ลองโทรศัพท์หาลูกสาวก็ไม่รับ ก็เอะใจคิดว่าอาจจะไปนอนบ้านอีกหลัง
ตนเองก็ได้โทรศัพท์ไปหาลูกชายว่าแม่ไปนอนที่นั่นหรือเปล่า ลูกชายรับสายช่วง 06.00 น. ของวันที่ 3 ส.ค. 65 ก็ระบุว่าแม่อาจจะมานอนที่นี่เพียงไม่นาน ลูกชายก็ขึ้นไปดูที่ห้องไม่เจอใคร ไม่เจอแม่และน้อง รถก็ไม่มี จึงได้โทรศัพท์ไปหาแฟนของลูกสาว จนกระทั่งไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการค้นหา จากนั้นดูกล้องวงจรปิดพบว่าลูกสาวขับรถตรงไปยังใต้สะพานไม่เปิดไฟรถ และหายไปเลย
ส่วนตัวลูกสาวนั้นอาจจะดื่มสุรามาเพียงเล็กน้อย เนื่องจากมีงานประชุมที่บริษัทและไปกินเลี้ยงมา ลูกสาวปกติเป็นคนชอบดื่มแต่ไม่ดื่มหนัก และลูกสาวเป็นคนที่ขับรถค่อนข้างเร็ว ไม่ชอบรอไฟแดง ใจร้าน ส่วนตัวมองว่าพื้นที่เกิดเหตุบริเวณจุดกลับรถใต้สะพานนั้นค่อนข้างมืด และไม่มีสัญญาณเตือนหรือมีสิ่งใดที่จะป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ ยอมรับว่าลูกสาวขับรถเร็วและไม่ได้เปิดไฟจึงทำให้ไม่เห็นว่าบริเวณดังกล่าวเป็นทางโค้ง เบื้องต้นยังไม่มีเจ้าหน้าที่การทางหลวงติดต่อเข้าให้การช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวแต่อย่างใด