เปิดนาทีผัวคลั่งปืนจี้หัวง้อเมียคืนดี เพื่อนหลอนถูกจับร่วมชะตากรรมหวั่นลั่นไกฆ่า (คลิป)

5 ส.ค. 65

จากกรณีวันที่ 4 ส.ค. 65 รายงานข่าวด่วนที่ จ.ลพบุรี เกิดเหตุชายคลั่งใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า ข่มขู่ภายในร้านหมูกระทะ จ.ลพบุรี ริมถนนสายตรีทางหลวงหมายเลข 3017 ลพบุรี-วังม่วง ต.พัฒนานิคม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ซึ่งมีการจับภรรยาเป็นตัวประกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พัฒนานิคม ทั้งในและนอกเครื่องจำนวนกว่า 20 นาย พร้อมอาวุธและโล่ เข้าควบคุมสถานการณ์ปิดกั้นพื้นที่ ซึ่งตำรวจได้ให้พ่อและแม่มาเจรจา โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชม.

133205

วันที่ 5 ส.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ บริเวณลานจอดรถหน้าร้านหมูกะทะธนพลหมูกะทะ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี

881818

นายตั้ม (นามสมมติ) ผู้เห็นเหตุการณ์ บอกกับทีมข่าวว่าช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. เห็นผู้ก่อเหตุ ขับรถอีซูซุมิวเซเว่น สีดำ มาจอดที่ร้าน ซึ่งทราบว่าภรรยามาทานหมูกระทะที่ร้าน ซึ่งตนได้ยินเสียงตะโกนด้วยความโมโห บอกให้ผู้หญิงลงจากรถ แล้วใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าประมาณ 2 นัด แต่ภรรยาไม่ยอมลงจากรถ จึงยิงอีก 1 นัดที่กระจกรถ แต่ภรรยาก็ยังไม่ยอมลงมาคุย จากนั้นจับตัวภรรยาเป็นตัวประกัน โดยใช้อาวุธปืนขู่ภรรยาอยู่หน้ารถ ส่วนภรรยาก็ยังนั่งอยู่ในรถ

423301

ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า 20 นาย ระดมกำลังมาที่จุดเกิดเหตุ โดยประสานไปยังผู้เป็นแม่ของฝ่ายชาย ให้เข้ามาเกลี้ยกล่อม โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชม. ถึงยอมวางปืน ส่วนตัวรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่โชคดีที่เหตุการณ์นี้ไม่มีใครได้รับอาการบาดเจ็บ

868704

นางสาวดาว (นามสมมติ) ผู้เสียหาย บอกกับทีมข่าวว่า นางสาวชนิชา ภรรยาผู้ก่อเหตุ เป็นเพื่อนร่วมงานที่ จ.ลพบุรี แต่ได้ย้ายไปทำสาขาที่กรุงเทพมหานครประมาณ 1 เดือนแล้ว ซึ่งกลับมาตรวจงานพร้อมกับหัวหน้าชาวต่างชาติ แต่เจ้านายติดภารกิจด่วน จึงให้ตนดูแล โดยพานางสาวชนิชา ภรรยาผู้ก่อเหตุไปส่งที่พัก ซึ่งในระหว่างทางที่นั่งขับรถมา นางสาวชนิชา ภรรยาผู้ก่อเหตุก็เล่าให้ฟังว่าถูกสามีชวนทะเลาะ และถูกทำร้ายร่างกายด้วยการบีบคอ และขังอยู่ในบ้าน จนประสานไปยังตำรวจให้ช่วยพาตัวออกจากพื้นที่

572798

แต่ในระหว่างเดินทาง นางสาวชนิชา ภรรยาผู้ก่อเหตุอยากกินหมูกระทะ จึงจอดกินที่ร้านจุดเกิดเหตุ ยังไม่ทันจะได้กิน นายธีรภัทร์ ผู้ก่อเหตุ ก็เข้ามาในร้านและเข้ามาพูดคุยกับนางสาวชนิชา ภรรยาผู้ก่อเหตุ โดยมีใจความว่าบังเอิญที่มาเจอ อยากให้มาคุยปรับความเข้าใจกัน เพราะหายออกจากบ้านไปเป็นเดือน แต่ทางนางสาวชนิชา ภรรยาผู้ก่อเหตุ ไม่คุยและขอให้กลับไป จากนั้นมาเค้นถาม ว่าตนจะพานางสาวชนิชา ภรรยาผู้ก่อเหตุไปที่ไหน และบอกว่ารู้จักบ้านของตนนะ

871803

ตอนนั้นตนเห็นท่าไม่ดี จึงรีบเช็กบิล และเดินออกจากร้านรีบไปขึ้นรถเก๋ง ซึ่งจังหวะที่ถอยรถกำลังจะออก นางสาวชนิชา ภรรยาผู้ก่อเหตุ ก็วิ่งมาขึ้นรถ โดยนั่งข้างคนขับ พอตนจะขับรถออก นายธีรภัทร์ ผู้ก่อเหตุ ก็มายืนขวาง และบอกให้นางสาวชนิชา ภรรยาผู้ก่อเหตุลงจากรถ แต่ภรรยาไม่ยอมลง จากนั้นนายธีรภัทร์ เดินไปที่รถมิวเซเว่นสีดำที่จอดอยู่ แล้วเดินถืออาวุธปืนมาจ่อหน้ารถ

ซึ่งพยายามให้ภรรยาลงจากรถ แต่นางสาวชนิชา ภรรยาผู้ก่อเหตุกำลังโทรแจ้งตำรวจ จากนั้นนายธีรภัทร์ ผู้ก่อเหตุ ยิงปืนขึ้นฟ้าประมาณ 2 ครั้ง แล้วเรียกให้ภรรยาลงจากรถ แต่ภรรยาก็ไม่ยอมลง แล้วพยายามโทรหาใครสักคนให้หยุดนายธีรภัทร์ ซึ่งก็เดินถือปืนวนรถอยู่นานกว่าตำรวจจะมา ตนจึงมีการแอบถ่ายคลิปไว้ช่วงจังหวะนั้น เพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกยิง

934097

จังหวะที่ตำรวจสายตรวจมาถึงแล้ว นายธีรภัทร์ ผู้ก่อเหตุ ได้พูดว่าเหลือกระสุนอีกแค่ 2 นัด ให้โอกาสภรรยาลงมา ไม่งั้นจะยิงให้ตาย พร้อมกับยิงตัวเองตาย ยิ่งทำให้ตนยกมือไหว้และขอชีวิต ตอนที่ผู้ก่อเหตุบอกให้ลงจากรถมา ตนก็ไม่กล้าลงเพราะไม่รู้จักนิสัยส่วนตัวเขา และกลังจะถูกยิง พอตำรวจเริ่มมากันเยอะขึ้น นายธีรภัทร์ ผู้ก่อเหตุ เดินอ้อมจากหน้ารถ มาเบาะข้างหลังประตูท้ายด้านซ้ายของรถ แล้วเหมือนพยายามจะทุบกระจกแต่ไม่แตก จึงใช้ปืนยิงกระจกรถ 1 นัด จังหวะนั้นตนวิ่งลงจากรถแบบไม่คิดชีวิต แล้วก็ไปหลบอยู่หลังร้าน นานกว่า 3 ชม. ที่แม่ของเขามาเกลี้ยกล่อมจนกว่าจะยอมวางปืน

ส่วนตัวรู้สึกตกใจอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้ก็ยังผวาหวาดกลัว เพราะตนยืนยันจะแจ้งความเอาผิด กลัวว่านายธีรภัทร์จะโกรธแค้นมาเอาคืน เพราะทราบมาว่าเขาได้รับการประกันตัวแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาจะชดใช้ค่าเสียหายรถอย่างไรบ้าง ทางตำรวจก็ไม่ได้เอารถตัวเก๋งตัวเองไปไว้ที่โรงพัก และตอนนี้ก็ติดต่อนางสาวชนิชาไม่ได้แล้ว

ตนมองว่าถ้าจะง้อคืนดี ทำไม่ง้อตั้งแต่ตอนอยู่ในร้านหมูกระทะ เพราะก่อนหน้าที่ช่วงวันที่นางสาวชนิชาย้ายไปทำงานที่ กทม. ตนเห็นนายธีรภัทร์มายืนถือป้ายง้ออยู่ด้านหน้าบริษัท แต่นางสาวชนิชาไม่ได้อยู่แล้ว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส