วันที่ 5 ส.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ถึงปรากฎการณ์ที่เมื่อใกล้เข้าสู่การเลือกตั้ง มีพรรคการเมืองทยอยเปิดตัว ซึ่งล่าสุดมีการมองว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์ สาขา 2 และยังมีข่าวอดีต ส.ส. หรือสมาชิกพรรคย้ายพรรค ว่า พอใกล้โหมดเลือกตั้ง ปรากฎการณ์การย้ายพรรคของผู้แทนราษฎร หรือผู้สมัครรับเลือกตั้ง มันก็จะเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย มันไม่ได้เกิดสมัยนี้ แล้วก็มีเข้ามีออกทุกพรรค ไม่มียกเว้นหรอก ถ้าเราติดตามเราก็จะเห็นสถานการณ์ หรือปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้น สำหรับประชาธิปัตย์นั้น ตนมั่นใจว่าเราได้มีการเตรียมการเดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งมาในระยะเวลาที่นานพอสมควร และได้เตรียมการไว้ครบถ้วนแล้วตั้งแต่ผู้สมัคร นโยบาย ยุทธศาสตร์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง การที่จะนำผลงานจาก 3-4 ปี ตอนร่วมรัฐบาลไปบอกกับพี่น้องประชาชนว่า ในช่วงที่ผ่านมานั้น ประเทศได้อะไร ประชาชนได้อะไร ทุกอย่างไม่มีสูญเปล่า
สำหรับการทำงานของประชาธิปัตย์นั้น ตนก็เชื่อว่าหากพิจารณาด้วยใจเป็นธรรม ก็จะเห็นว่ามีผลงานปรากฎชัดเจนกับประชาชนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร ผู้บริโภค ผู้พิการ ผู้สูงอายุ เด็กแรกเกิด อสมท. คนจนที่ไม่มีบ้านที่อยู่อาศัย ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง บ้านพอเพียง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ปรากฎผลงานเป็นรูปธรรม รวมทั้งการแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรผ่านกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร
.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลใจหรือไม่กับการที่มีพรรคใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว หรือพรรคการเมืองอื่นๆ ประกาศยกจังหวัดในภาคใต้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ทุกพรรคก็มีสิทธิ์ฝัน และทั้งหมดผู้ให้คำตอบก็คือพี่น้องประชาชน สำหรับประชาธิปัตย์ไม่มีอะไรหวั่นไหว เราก็เตรียมพร้อมไว้ คนที่ยังแน่นเหนียวอยู่กับพรรคก็มีมาก มีเยอะ และเลือดใหม่ก็เข้ามาเยอะ มีคุณภาพคับแก้วทั้งนั้น เพราะเราต้องการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เป็นทางเลือกกับพี่น้องประชาชนในการเสนอตัวเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์
.
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงเรื่องการพิจารณากฎหมายลูก หรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ต่อจากครั้งที่แล้ว เพื่อให้แล้วเสร็จภายใน 180 วันว่า ประชาธิปัตย์จะเข้าประชุมตามปกติ และจะไม่เข้าไปร่วมกระบวนการที่จะทำให้ที่ประชุมล่ม เราเดินหน้าไปตามกระบวนการรัฐสภา ที่เราเห็นว่าเหมาะสม ส่วนผลจะออกมาอย่างไรนั้น ก็ขอให้เป็นไปตามมติของที่ประชุมรัฐสภา ประชาธิปัตย์พร้อมสำหรับการเลือกตั้งทุกรูปแบบ
