"โอ๊ต ปราโมทย์" ไม่ได้ปิดเรื่องรัก แต่หวงพื้นที่ส่วนตัว! เผยช่วงหลังมักร้องไห้คนเดียวบ่อยมาก

4 ส.ค. 65

โอ๊ต ปราโมทย์ เปิดเรื่องรักครั้งแรกแบบหมดเปลือก ไม่ได้ปิดเรื่องความรัก อยากเป็นคนที่ถูกรัก แต่เพราะเป็นคนหวงแหนพื้นที่ส่วนมาก

 

"โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน" นักร้องและดีเจอารมณ์ดีที่เรียกได้ว่ายิ่งมุกออกมาทีไรเป็นได้ฮาทุกครั้ง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้วหลังเวทีเขาเป็นคนที่นิ่งมาก พร้อมเปิดเรื่องรักครั้งแรกแบบหมดเปลือก ว่าตนเองไม่ได้ปิดเรื่องความรัก อยากเป็นคนที่ถูกรัก แต่เพราะเป็นคนหวงแหนพื้นที่ส่วนตัวแบบสุดๆ และช่วงหลังมักร้องไห้คนเดียวบ่อยมาก สาเหตุมาจาก โรคแพนิก (Panic disorder) ที่กำลังเผชิญอยู่ ทั้งหมดนี้ในรายการ WOODY FM

 340207

ความรักของคุณตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?

โอ๊ต : โสดครับพี่ เพิ่งโสด จริงๆ ก่อนหน้านี้ก็มีเริ่มคุย เริ่มเปิดใจ ลองกลับมามีความสัมพันธ์ที่เป็นแบบใช้คำว่าแฟนจริงๆ พอไปไม่ได้ก็ต้องแยกย้าย ตอนนี้ก็โสด ไม่ได้ปิดตัวเอง แต่ว่าผมทำงานทั้งวัน วันหนึ่ง 8-9 ชั่วโมง หรือวันหนึ่งมี 4 งาน ผมก็เลยถ้าคุยแล้วไม่โอเค หรืออยู่ด้วยแล้วรู้สึกอึดอัด ผมจะแบบขอเราอยู่คนเดียว

ให้เวลาดูใจกันประมาณหนึ่งไหม หรือแค่ดูไปต่อถ้าไปต่อไม่ได้แล้วค่อยคุย ?

โอ๊ต : ผมไม่ได้ไปจำกัดว่ามันจะนานหรือช้า บางคนถ้ามันใช่คลิกเดียวมันก็ใช่ แต่คนมาอยู่ในพื้นที่ของเรายากมั้ง ผมเป็นคนน่าเบื่อ ผมดูเป็นคนสนุกนะ แต่ผมโคตรน่าเบื่อ เราอายุจะ 40 แล้ว เวลาจะคุยหรือคบผมมองอนาคต ถ้าจะคบคือเป็นคู่ชีวิต มันคือช่วงจังหวะแลนดิ้งของเราแล้วนะ เราก็ต้องการคนที่มั่นคงด้วย

หมายถึงว่าต้องมองไปในทิศทางเดียวกัน มีแพชชั่นกับอะไรบ้างอย่าง ทำอะไรไปด้วยกัน หรือถ้าไม่มีทุนทรัพย์เราสามารถให้ได้ แต่เธอต้องทำอะไรเป็นของตัวเอง ผมรู้สึกว่าคนที่ทำอะไรบางอย่างมันมีเสน่ห์

 dsc00437

ได้เรียนรู้อะไรกับตัวเองบ้างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์ ?

โอ๊ต : ไม่ชอบตัวเองเลยเวลามีความรัก งี่เง่า เช่น อยากให้เขาเชื่อในตัวเรา แววตาที่เขามองเรา อยากให้เขาเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำ แต่ความไม่น่ารักของผมคือผมเป็นคนไม่พูด พลีสทุกอย่างทำทุกอย่าง แต่พอสิ่งที่เราได้กลับมาไม่เท่ากับสิ่งที่เราทำ จะเก็บไม่พูดถึงเวลาระเบิด เฮ้ย! เราพอแล้วมันไม่ได้แล้ว มันไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว มันจะเสียใจทั้ง 2 ฝ่ายแน่ๆ หยุดดีกว่า ไม่ใช่ไม่รักนะ

ตอนนี้มีคนเข้ามาคุยด้วยหรือยัง ?

โอ๊ต : มีคนเข้ามาคุยกับผมตลอดอยู่แล้วครับ คนแนะนำมาบ้าง เพื่อนของเพื่อนบ้าง แต่ว่าผมเริ่มกลัว เป็นคนหวงพื้นที่ส่วนตัวมากๆ โอเคมันอาจจะมีคนที่แวะเวียนมาแล้วออกไป แต่เขาได้แค่นั้นจริงๆ แต่คนที่จะแบบมาลองอยู่ด้วยกันจริงๆ โหน้อยมากพี่วู้ดดี้ แล้วก็หวงพื้นที่ตัวเองคือไม่ได้หวงกับการให้เขานะ ให้เขาได้ แต่ต้องเข้ามาแล้วกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของเรา

เอาจริงๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยพูดเรื่องความรัก เพราะเอาจริงๆ คนเบะหน้าก็เยอะพอพูดถึง โอ๊ต ปราโมทย์ แบบพี่โอ๊ตเหรอเจ้าชู้นะ ใช่ผมเจ้าชู้ผมก็ยอมรับ สองเวลาผมพูดคนจะรู้สึกว่าพี่โอ๊ตพูดแต่ความต้องการตัวเอง ทำไมไม่ถามผู้หญิงบ้างว่าต้องการอะไร คือเราไม่ได้มีโอกาสอธิบายให้ทุกคนฟัง มันไม่ใช่ผมไม่เปิดใจ ผมเปิดใจนะในวันที่ผมให้คนอื่นมากๆ เชื่อเหอะพี่ผมอยากเป็นคนที่ถูกรักเหมือนกัน อยากเป็นคนที่ถูกกอด

 โอ๊ต ปราโมทย์

แต่ว่าในวันที่เราถูกรักเหมือนกัน คำว่ารักอย่างเดียวก็ไม่พอไง ผมดูแลคนเยอะ ผมรับผิดชอบคนเยอะ คนเข้ามาอยู่ข้างๆ เราต้องมองไปทางเดียวกับเรา เพราะผมเป็นคนแอคทีฟมาก ผมทำงานตลอดเวลา ฉะนั้นคนที่อยู่ข้างๆ ผมอยากให้เขาทำไปด้วยกัน

หรือส่งเสริมเรา พัฒนาสิ่งต่างๆ ไปด้วยกัน ไม่ใช่เพื่อใครเลยเพื่อตัวเขา เพื่อเรา เพื่อพนักงาน รวมไปถึงถ้าวันหนึ่งเรามีลูก ผมก็อยากมีลูกที่โตมาในครอบครัวที่ขยัน ทำงาน โหยหาความสำเร็จตลอด

เพราะว่าผมมาจากที่ไม่มีอะไรเลยมาก่อน ผมเป็นคนที่ไม่ได้ถูกใครสนใจเลย กว่าจะขวนขวายหาพื้นที่ตัวเองนิดหนึ่งได้ในวงการมันยากมากสำหรับผมเป็น 10 ปี ฉะนั้นผมอยากให้ลูกผมดูพ่อเป็นตัวอย่างสู้ขนาดไหน ฉะนั้นจะสำเร็จไม่สำเร็จไม่เป็นไรแต่ขอให้ได้สู้

 340208

แล้วถ้าจะต้องเลือกแฮปปี้มีลให้กับตัวเอง เราจะให้เป็นอะไรดี ?

โอ๊ต : คือที่ผ่านมาความสุขเรา เป็นความสุขที่เห็นคนอื่นมีความสุข มันไม่ใช่แค่คนดูนะ แต่หมายถึงลูกน้องด้วย กับคนรอบตัวเราทุกคนมีความสุขเราแฮปปี้ แต่เพิ่งจะมามีคำถามกับตัวเองเมื่อไม่กี่สัปดาห์นี้ว่าเราอยู่หลังเวทีแล้วเรานิ่งจังเลย ทำงานเยอะจนรู้สึกว่า เราต้องการขนาดนั้นเลยเหรอ เลยในวันนี้ผมยังตอบไม่ได้ว่าแฮปปี้มีลของผม คืออะไรหาไม่เจอ แต่หน้าที่เรารับผิดชอบมันได้เต็มที่ แต่ว่าข้างในเรายังหาอยู่ว่าอะไรที่มันจะเป็น Happymeal ให้เรา

 เรื่องโซเชียลคุณรู้สึกอย่างไรบ้างตอนนี้ ?

โอ๊ต : จริงๆ ผมถอยตัวเองออกมาเยอะครับ ไม่ค่อยเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง ที่เรารู้สึกว่าจะเห็นอะไรที่เป็นเนกาทีฟ หรืออะไรที่เรารู้สึกไม่ค่อยชอบ เราก็จะถอยตัวออกมาเยอะมากขึ้น

 โอ๊ต ปราโมทย์

อ่านแล้วมันยังรู้สึกทุกครั้งใช่ไหม ?

โอ๊ต : ถ้าตอนนี้ผมจะเฉยๆ มากแล้ว แต่ว่าถ้าย้อนไปสัก 3 ปีก่อน อันนั้นอ่านทุกวัน อ่านแล้วอ่านซ้ำอีก กด Like ให้ด้วยอันไหนด่าเรา พอโตขึ้นเริ่มรู้สึกว่าคำด่าพวกนั้นไม่ค่อยส่งผลอะไรกับเราแล้ว เพราะว่าเรารู้หน้าที่ตัวเอง หน้าที่ของเราคือทำงาน แล้วก็แบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่นรอบตัวของเรา

โดยที่ไม่ต้องไปนั่งบอกคนอื่นว่าเราทำอะไรบ้าง พอมันออกมาได้ชำระสิ่งเหล่านั้นออกไปได้ เราหันไปมองคำด่าต่างๆ แล้วก็ตั้งคำถามว่าเราเป็นแบบนั้นจริงๆ เหรอ เราไม่เคยคุยกันคุณจะรู้จักเราได้แบบนั้นจริงๆ เหรอ แต่เมื่อก่อนไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เมื่อก่อนโมโห บางคนเขียนเหมือนนั่งอยู่ข้างๆ เราทุกซีนที่เกิดขึ้น คนที่ควรจะรับรู้อย่างเช่น ครอบครัว หรือเลขาเรา เขายังไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย ทำไมเราถึงปล่อยให้คนอื่นมาตัดสิน พอเราถอยออกมามันดีขึ้นเยอะเลย

 โอ๊ต ปราโมทย์

เป็น โอ๊ต ปราโมทย์ ร้องไห้บ่อยไหม ?

โอ๊ต : ร้องไห้ยากมาก แต่เชื่อไหมพี่หลังจากที่ผมเป็น โรคแพนิก (Panic disorder) หลังจากนั้นผมร้องไห้ง่ายมากเลย แปลกมากเหมือนมันทำลายกำแพงความรู้สึกที่ผมกลั้นเอาไว้ออกไป หลังจากนั้น ดูการ์ตูนเศร้าๆ ก็น้ำตาไหล อ่อนไหวมากขึ้นกว่าเดิม ดูอะไรที่กระทบจิตใจหรือยินดีกับอะไรจะร้องไห้ง่าย

แต่ผลพวงที่ตามมาคือเวลาไปเล่นคอนเสิร์ตแล้วเหนื่อยมากๆ ขึ้นรถมาแล้วร้องไห้ เพราะความเหนื่อยพอทำงานเยอะๆ แล้วรู้สึกว่าเราทำเพื่อใคร ต้องการเองจริงๆเหรอ แล้วพอรู้สึกว่าไม่มี ทำไมเราไม่ทำเพื่อตัวเองบ้าง พอขึ้นรถมารู้สึกว่างเปล่า ในความเป็น โอ๊ต ปราโมทย์ จริงๆ เวลาผมไม่ทำงาน ผมเป็นคนนิ่งมาก มีกรอบ มีพื้นที่ส่วนตัวสุดๆ

แม้กระทั่งก่อนผมเล่นคอนเสิร์ตพี่เชื่อไหมผมไปหลังเวที ผมนั่งแม้กับวงผมยังไม่ค่อยคุยเลย พอเดินขึ้นไปร้องสวิตช์ตัวเองเป็นคนสนุกลงจากเวทีถ่ายรูปถอดหูฟังใส่แมสขึ้นรถนั่งน้ำตาไหลบ่อยมาก เพราะว่าสิ่งที่อยู่บนเวทีให้ไปหมดแล้ว ผมเอา Happymeal มาเสิร์ฟ พอขึ้นรถหมดว่างเปล่า

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส