ท้าสาบานกันวุ่น! นายก อบจ.โต้คลิปว่อนไม่ได้บิดหู แค่โบกทักทาย - สท.ยันเจ็บจริงแถมขู่เตรียมเป็นศพ (คลิป)

จากกรณี นายปราโมทย์ บุญมี อายุ 58 ปี สมาชิกสภาเทศบาลตำบลดอนเกาะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ร้องผ่านสื่อฯ โดยนำกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุ เดินทางเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉิมพลี อ้างว่าถูกขู่ทำร้ายจาก นายก อบจ. เกี่ยวกับเรื่องการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าถูกบิดหูทำร้ายร่างกาย

วันที่ 7 เม.ย. 62 นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้ถูกกล่าวหา เปิดเผยว่า วันเกิดเรื่องตามคลิปวงจรปิด เป็นวันเลือกตั้ง ส.ส. วันที่ 24 มี.ค. 62 ซึ่งเป็นวันที่ตนว่าง จึงไปดูสถานการณ์เลือกตั้งตามหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ ตนเดินทางไปทั้งหมด 3 คน จนกระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุ

ตนเห็นมีนักการเมืองท้องถิ่น กำนัน อดีต สจ. ซึ่งเป็นคนที่ตนรู้จักอยู่ในพื้นที่ ไปพูดคุยปกติ เมื่อไปถึงตนเห็นคู่กรณี ซึ่งเป็น สท.ในพื้นที่ และเคยเห็นหน้าเห็นตากัน เนื่องจาก สท.รายนี้เคยมาของบประมาณสนับสนุนถ้วยรางวัล สำหรับจัดกิจกรรมของชุมชนอยู่บ่อยครั้ง ก็ทักทายตามประสาคนรู้จักกัน จึงทักทายและโบกมือ 1 ครั้ง ซึ่งอาจจะไปโดนหู หรือร่างกายของเขา แต่ตนยืนยันว่าไม่ได้มีการบิดหู กระชาก หรือดึงหูแต่อย่างใด จากนั้น คุยกันเพียงไม่กี่นาทีก็แยกย้าย ยืนยันว่าไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง ตามที่ข่าวนำเสนอ ระบุว่า ตนวานให้ สท.รายดังกล่าว มาช่วยหาเสียงให้ลูกชาย ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง พร้อมยกมือไหว้สาบานว่า "หากตนพูดโกหก ขอให้มีอันเป็นไป" อีกทั้ง ลูกชายของตนเป็นว่า ส.ส. จึงไม่มีเหตุผลที่จะไปข่มขู่คู่กรณี อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหมายเรียก เชิญตัวตนไปสอบปากคำ ตนพร้อมให้ความร่วมมือแสดงความบริสุทธิ์ใจ

ด้านนายปราโมทย์ บุญมี สมาชิกสภาเทศบาลตำบลดอนเกาะกา ผู้ร้องทุกข์ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ วันเลือกตั้ง ตนถูกนายกิตติกระชากหู 2 ครั้ง นายกิตติพูดจาข่มขู่ ระบุว่า "หลังเลือกตั้งเตรียมตัวเป็นศพได้เลย" ซึ่งตนพร้อมสาบานขอให้ตกจากศาสนาอิสลาม หากตนไม่พูดความจริง ส่วนเหตุที่ตนเพิ่งเดินทางมาแจ้งความหลังจากเกิดเรื่องแล้วกว่า 10 วัน เนื่องจากวันที่ 1 เม.ย. มีชายชุดดำมาสอบถามชาวบ้าน ถามหาบ้านตน ด้วยความกลัวไม่ปลอดภัย ตนจึงตัดสินใจไปแจ้งความ หลังเกิดเหตุ ตนมีอาการบาดเจ็บที่หู แพทย์ระบุว่าแก้วหูฉีกขาดเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม จะดำเนินเรื่องให้ถึงที่สุด และยืนยันว่าไม่ใช่เกมการเมือง