ลูกชายเหยื่อเมาแล้วขับไม่อโหสิกรรมให้ คุกเท่านั้น! ไม่เชื่ออ้างกินเบียร์ขวดเดียว

26 ก.ค. 65

รับศพ 2 สามีภรรยาขายหมูปิ้งเหยื่อฟอร์ดเมาแล้วขับ ลูกชายผู้เสียชีวิตลั่น! ไม่อโหสิกรรมให้ ขอกฎหมายลงโทษอย่างยุติธรรม ไม่เชื่อปมอ้างกินเบียร์ขวดเดียว

 

นายวันเฉลิม โตมา อายุ 23 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะนำร่างของพ่อและแม่กลับไปที่ จ.สุโขทัย ส่วนตัวยังรู้สึกแย่กับเหตุการณ์นี้ ว่าเหตุใดต้องขับรถทั้งที่มีอาการมึนเมา หลังเกิดเหตุยังทำอะไรไม่ถูก ได้แต่คิดเรื่องของพ่อแม่ โดยตนยังไม่ได้หารือกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด หากผู้ต้องหาจะขอโทษหรือขออโหสิกรรม ก็คงไม่ยกโทษให้

 

จากนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วนผู้หญิงที่นั่งรถมากับผู้ต้องหานั้นคาดว่า มีอาการมึนเมาเช่นกัน สำหรับครอบครัวของตนปกติมี 4 คน คือ พ่อ แม่ ตน และน้องชาย ปกติแล้วพ่อและแม่จะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายในบ้าน ส่วนน้องชายอาศัยอยู่ที่ต่างจังหวัด จากนี้ตัวเองต้องดูแลน้องชายต่อไป และยังติดใจว่าเหตุใดตำรวจจึงทำการตรวจแอลกอฮอล์ผู้ต้องหาล่าช้า

 เมาแล้วขับชนร้านหมูปิ้ง

ด้าน นายฉลาด เสือกระจ่าง อายุ 55 ปี ลูกพี่ลูกน้องของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตำรวจควรจะดำเนินการให้รวดเร็วกว่านี้ เพราะหลังเกิดเหตุกลับปล่อยให้ต้องหานั่งอยู่ตามลำพัง ไม่มีตำรวจคอยควบคุมตัว นอกจากนี้ควรปรับปรุงกฎหมายในเรื่องเมาแล้วขับ เพราะไม่เคยมีโทษรุนแรง เกือบทุกครั้งที่เกิดเหตุเมาแล้วขับนั้น เรื่องมักเงียบหายไป โทษก็ไม่หนัก ทั้งที่มีผู้เสียชีวิต อีกทั้งพวกตนทำมาค้าขาย คงไปสู้คดีกับคนที่มีเงินยาก ลำพังต้องหาเช้ากินค่ำ แต่กลับต้องมาเสียชีวิต เป็นเรื่องที่เศร้ามากสำหรับทางญาติ มองว่าเรื่องเหล่านี้ควรเป็นอุทาหรณ์ เพราะมีหลายกรณีแล้วที่เมาแล้วขับ แต่กลับไม่ค่อยมีคนติดคุก

 

ส่วนตัวมองว่ากฎหมายนั้นอ่อนมาหลายปีแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าทางทางผู้หญิงทึ่นั่งมาด้วยคงไม่ได้ตั้งใจยุยงให้ขับรถพุ่งชน แต่คิดว่าคงมีอาการเมาด้วยกันทั้งคู่ สำหรับร่างของผู้เสียชีวิต เบื้องต้นจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดตาลเตี้ย จ.สุโขทัย แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดในเรื่องของระยะเวลาแต่อย่างใด

 

ขณะที่ นายชลอ เสือกระจ่าง เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู รหัสนคร 58 เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตทั้งคู่มีศักดิ์เป็นญาติของตน โดยทั้งสองมีลูกชาย 2 คน คนเล็กเรียนอยู่ชั้นมัธยม ส่วนคนโตเพิ่งเรียนจบ และเพิ่งสึกจากการบวชทดแทนพระคุณพ่อแม่ได้ไม่นาน ปกติแล้วลูกชายคนโตมักจะมาช่วยผู้เสียชีวิตขายของ แต่วันเกิดเหตุได้กลับบ้านพอดี ส่วนผู้เสียชีวิตเองก็เพิ่งกลับมาค้าขายได้ไม่นาน เพราะที่ผ่านมาต้องกลับไปดูแลแม่ที่ป่วย อีกทั้งก่อนหน้านี้ น.ส.รำพึง เคยกล่าวเหมือนมีลางสังหรณ์ว่า เมื่อลูกชายบวชก็ดีใจ และ หมดห่วงแล้ว เมื่อประมาณ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

 


เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 26 กรกฎาคม ที่ ตึกนิติเวชศาสตร์ รพ.จุฬาฯ ญาติของ น.ส.รำพึง เสือกระจ่าง อายุ 52 ปี และนายวิสูตร โตมา อายุ 50 ปี คู่สามีภรรยาผู้เสียชีวิตจากเหตุรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด เอเวอเรสต์ สีดำ หมายเลขทะเบียน 6 กศ 2682 กรุงเทพมหานคร แหกโค้งพุ่งชน ประตูเหล็กของศูนย์อาหารไอซีซี (I SEE SEE) ย่านพระรามสาม เมื่อช่วงเย็น วันที่ 25 กรกฎาคมเดินทางเข้ารับศพผู้เสียชีวิต โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

 

นายวันเฉลิม โตมา อายุ 23 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะนำร่างของพ่อและแม่กลับไปที่ จ.สุโขทัย ส่วนตัวยังรู้สึกแย่กับเหตุการณ์นี้ ว่าเหตุใดต้องขับรถทั้งที่มีอาการมึนเมา หลังเกิดเหตุยังทำอะไรไม่ถูก ได้แต่คิดเรื่องของพ่อแม่ โดยตนยังไม่ได้หารือกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด หากผู้ต้องหาจะขอโทษหรือขออโหสิกรรม ก็คงไม่ยกโทษให้ จากนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วนผู้หญิงที่นั่งรถมากับผู้ต้องหานั้นคาดว่า มีอาการมึนเมาเช่นกัน สำหรับครอบครัวของตนปกติมี 4 คน คือ พ่อ แม่ ตน และน้องชาย ปกติแล้วพ่อและแม่จะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายในบ้าน ส่วนน้องชายอาศัยอยู่ที่ต่างจังหวัด จากนี้ตัวเองต้องดูแลน้องชายต่อไป และยังติดใจว่าเหตุใดตำรวจจึงทำการตรวจแอลกอฮอล์ผู้ต้องหาล่าช้า ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่ากินเบียร์แค่ขวดเดียวนั้น ลูกชายผู้เสียชีวิตระบุว่า ไม่เชื่อ

 วันเฉลิม โตมา

ด้าน นายฉลาด เสือกระจ่าง อายุ 55 ปี ลูกพี่ลูกน้องของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตำรวจควรจะดำเนินการให้รวดเร็วกว่านี้ เพราะหลังเกิดเหตุกลับปล่อยให้ต้องหานั่งอยู่ตามลำพัง ไม่มีตำรวจคอยควบคุมตัว นอกจากนี้ควรปรับปรุงกฎหมายในเรื่องเมาแล้วขับ เพราะไม่เคยมีโทษรุนแรง เกือบทุกครั้งที่เกิดเหตุเมาแล้วขับนั้น เรื่องมักเงียบหายไป โทษก็ไม่หนัก ทั้งที่มีผู้เสียชีวิต อีกทั้งพวกตนทำมาค้าขาย คงไปสู้คดีกับคนที่มีเงินยาก ลำพังต้องหาเช้ากินค่ำ แต่กลับต้องมาเสียชีวิต เป็นเรื่องที่เศร้ามากสำหรับทางญาติ มองว่าเรื่องเหล่านี้ควรเป็นอุทาหรณ์ เพราะมีหลายกรณีแล้วที่เมาแล้วขับ แต่กลับไม่ค่อยมีคนติดคุก ส่วนตัวมองว่ากฎหมายนั้นอ่อนมาหลายปีแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าทางทางผู้หญิงทึ่นั่งมาด้วยคงไม่ได้ตั้งใจยุยงให้ขับรถพุ่งชน แต่คิดว่าคงมีอาการเมาด้วยกันทั้งคู่ สำหรับร่างของผู้เสียชีวิต เบื้องต้นจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดตาลเตี้ย จ.สุโขทัย แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดในเรื่องของระยะเวลาแต่อย่างใด

 

ขณะที่ นายชลอ เสือกระจ่าง เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู รหัสนคร 58 เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตทั้งคู่มีศักดิ์เป็นญาติของตน โดยทั้งสองมีลูกชาย 2 คน คนเล็กเรียนอยู่ชั้นมัธยม ส่วนคนโตเพิ่งเรียนจบ และเพิ่งสึกจากการบวชทดแทนพระคุณพ่อแม่ได้ไม่นาน ปกติแล้วลูกชายคนโตมักจะมาช่วยผู้เสียชีวิตขายของ แต่วันเกิดเหตุได้กลับบ้านพอดี ส่วนผู้เสียชีวิตเองก็เพิ่งกลับมาค้าขายได้ไม่นาน เพราะที่ผ่านมาต้องกลับไปดูแลแม่ที่ป่วย อีกทั้งก่อนหน้านี้ น.ส.รำพึง เคยกล่าวเหมือนมีลางสังหรณ์ว่า เมื่อลูกชายบวชก็ดีใจ และ หมดห่วงแล้ว เมื่อประมาณ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

 

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส