"ใบแดง" สัญลักษณ์แห่งการลงโทษในวงการกีฬา...และอีกหลายวงการ

1 เม.ย. 62
ใบแดง ในวงการฟุตบอลเกิดขึ้นครั้งแรกมาจากผู้ตัดสินฟุตบอลคนหนึ่งชื่อ เคน แอสตัน ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสัญญาณไฟจราจร 3 สี คือ สีแดง (หยุด), สีเหลือง (เตรียมพร้อม), สีเขียว (ไปได้) จึงนำมาใช้ครั้งแรกในฟุตบอลโลก 1970 ที่เม็กซิโก เป็นเจ้าภาพ แต่ทว่ากฎเกณฑ์ดังกล่าวยังมิได้ถูกบรรจุไว้ในกฎกติกาสากลของการแข่งขันฟุตบอลจวบจนกระทั่งปี ค.ศ. 1992 จึงเริ่มมีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ เกณฑ์การแจกใบเหลือง - ใบแดง ใบแดงในกีฬาฟุตบอลนั้น จะแสดงโดยผู้ตัดสินต่อผู้เล่น ไม่ว่าจะอยู่ในสนามหรือผู้เล่นสำรองก็ดี, (หรือแม้กระทั่งผู้จัดการทีม) ที่ทำผิดกฎ กติกาการแข่งขัน โดยใบแดงเป็นสัญลักษณ์ของการไล่ออกจากสนาม ใบแดงนั้นมีรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดไม่ใหญ่นัก (ประมาณว่าสามารถใส่ในกระเป๋าเสื้อได้) ใบแดงจะเป็นกระดาษที่มีสีแดงทั้ง 2 ด้านตามชื่อ เช่นเดียวกับใบเหลืองที่เป็นกระดาษสีเหลืองทั้งสองด้าน วิธีแจกใบแดงของกรรมการคือ ในระหว่างการแข่งขัน ถ้ามีการฟาวล์เกิดขึ้น กรรมการจะเป่านกหวีดโดยหยุดเกมชั่วคราว ถ้ากรรมการเห็นว่าการฟาวล์นั้นเป็นการทำผิดกติกาอย่างจงใจหรือทำฟาวล์อย่างรุนแรง กรรมการจะเรียกนักเตะคนนั้นมาหาตน จากนั้นกรรมการจะชูใบแดงขึ้น ถือว่าผู้เล่นนั้นได้รับใบแดงแล้ว และจะต้องไล่ออกจากสนามแข่งขัน ซึ่ง การได้รับใบแดงนั้น ส่วนมากจะเกิดจากการกระทำผิดรุนแรง เช่น ทำร้ายผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามโดยเจตนา, พยายามเข้าสไลด์หรือสกัดบอลแล้วไม่ถูกลูกบอลแต่ถูกผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามแทน และการสกัดนั้นอาจส่งผลทำให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บอย่างรุนแรง (โดยส่วนมากจะเป็นการสกัดบอลโดยการสไลด์เข้าทางด้านหลังของคู่แข่ง), แต่ถ้าการฟาล์วไม่รุนแรงมากนักกรรมการจะแจกใบเหลืองเป็นการตักเตือน ถ้าผู้เล่นคนเดิมได้ใบเหลือง 2 ครั้งก็ต้องถูกไล่ออกจากสนาม (2 ใบเหลืองมีค่าเท่ากับ 1 ใบแดง) แต่อย่างไรก็ดี มีผู้เล่นบางส่วนที่ได้รับใบแดงโดยที่ไม่ได้กระทำผิดก็มี เช่น ได้รับใบแดงอันเนื่องจากแสดงความดีใจหลังจากที่ยิงประตูได้ด้วยการถอดเสื้อ ทั้งนี้มีทีมาจาก การที่เคยมีนักเตะยิงประตูได้แล้วแสดงความดีใจด้วยการถอดเสื้อ แต่หลังจากที่กรรมการเป่านกหวีดเล่นเกมต่อแล้วนักเตะคนนั้นยังใส่เสื้อไม่เรียบร้อยแล้ววิ่งไล่บอลในสภาพที่มือกำลังถือเสื้ออยู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการถอดเสื้อแสดงความดีใจก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของกรรมการว่าจะแจกเพียงใบเหลืองหรือไม่แจกใบใดๆ เลยก็ได้ ผลกระทบจากใบเหลือง - ใบแดง ถ้าผู้เล่นได้รับใบแดงก่อนการเริ่มเล่น สามารถส่งผู้เล่นสำรองทดแทนได้ แต่หากผู้เล่นถูกไล่ออกหลังจากเกมเริ่มแล้ว จะต้องออกจากสนาม และฝ่ายของผู้เล่นที่ถูกใบแดงจะมีผู้เล่นลดลง 1 คน (คือไม่สามารถส่งผู้เล่นลงแทนผู้เล่นที่ถูกใบแดงได้) หากในทีมๆ หนึ่งมีผู้เล่นได้รับใบแดงเกิน 4 คนจะถูกปรับแพ้ (กติกาของฟุตบอลบัญญัติไว้ว่าในทีมๆ หนึ่งต้องส่งผู้เล่นลงสนามไม่เกิน 11 คน แต่ไม่ต่ำกว่า 7 คน) ในการแข่งขันฟุตบอลลีกทั่วๆ ไป ผู้เล่นที่ได้รับใบแดงในการแข่งขันนัดหนึ่ง จะไม่สามารถลงสนามได้ในอีก 3 นัดถัดไปด้วย (เรียกว่า โทษแบน) ผู้ที่ได้รับใบแดงจะถูกแบน 3 นัด, ผู้ที่ได้รับใบเหลืองจากเกมนัดต่างๆ รวมกันครบ 5 ใบหรือโดนใบเหลือง 2 ใบในเกมเดียวจะถูกแบน 1 นัด ใบเขียว นอกจากใบแดงหรือใบเหลืองแล้ว ยังมีใบเขียวด้วย โดยปรากฏครั้งแรกในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2016 ในการแข่งขันระหว่างวีร์ตุสเอนเตลลา กับ วิเชนซา ซึ่งเป็นการแข่งขันในระดับกัลโชเซเรียบีของอิตาลี โดยผู้ตัดสินให้ใบเขียวแก่ คริสเตียน กาลาโน ผู้เล่นของวิเชนซา ในฐานะผู้เล่นที่มีพฤติกรรมดีเด่นในสนาม ในนาทีที่ 53 โดยเป็นผู้บอกกับผู้ตัดสินว่า ลูกบอลได้ออกหลังประตูไปโดยที่ไม่โดนตัวใครเลย ทำให้ผู้ตัดสินเปลี่ยนคำตัดสินจากให้วิเชนซ่าได้ลูกเตะมุมเป็นผู้รักษาประตูของวีร์ตุสเอนเตลลาเตะเปิดลูกออกมา ถึงแม้ว่าวิเชนซาจะแพ้ไป 4-1 ก็ตาม โดยสมาคมฟุตบอลอิตาลีได้ทำการอนุมัติให้ใช้ใบเขียวเป็นครั้งแรกในปีนี้ [3] แต่ก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไร้สาระ ควรจะยกเลิกโดยเร็วที่สุด

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม