เถียงลั่นซอย มนุษย์ป้าปล่อยแก๊งหมากัดเด็กอ้างดีลนายพลช่วย เพื่อนบ้านฉะโชว์สื่อ (คลิป)

มีผู้ได้รับความเดือดร้อนร้องเรียนมายังอมรินทร์ทีวี มีเพื่อนบ้านที่เลี้ยงสุนัขและแมวรวมกว่า 10 ตัว ในลักษณะแบบปล่อย แล้วชอบส่งเสียงร้องดังทั้งวันทั้งคืน รบกวนการนอนหลับของคนอื่น บางครั้งก็ออกมาวิ่งไล่เห่า ไล่งับชาวบ้านจนต้องหนีกระเจิง แถมอึและฉี่ก็ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ซึ่งเป็นแบบนี้มาตลอดเกือบ 2 ปีแล้ว

ชาวบ้านผู้ที่เดือดร้อนพยายามเจรจาแล้วหลายครั้ง แต่เจ้าของสุนัขกับแมวกลับไม่แก้ปัญหา หนักสุดคือเห็นสุนัขตัวเองวิ่งไล่งับชาวบ้านที่ขับรถผ่านไปมา แล้วยืนหัวเราะ บอกว่าใครเดือดร้อนก็ให้แก้ปัญหาเอาเอง มีหลักฐานคลิปวิดีโอ กลุ่มสุนัขประมาณ 5-6 ตัววิ่งไล่งับชาวบ้านที่ขับจักรยานยนต์ผ่านในช่วงเวลากลางคืน รวมถึงคลิปที่สุนัขส่งเสียงเห่าจนสร้างความรำคาญ

ล่าสุดวันที่ 6 ก.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านที่ถูกร้องเรียน หมู่บ้านอมรชัย 3 ถ.บรมราชชนนี เขตทวีวัฒนา กทม. เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้นของนางอ้อย อายุ 70 ปี เจ้าของสุนัขและแมวที่รบกวนชาวบ้าน มีสุนัขประมาณ 6 ตัววิ่งออกมา ส่งเสียงเห่า รวมถึงเมื่อมีชาวบ้านเดินผ่านก็จะวิ่งไล่เห่าใส่ชาวบ้านตามที่ผู้ร้องเรียนให้ข้อมูล

เจอซากอึของสุนัขตามหน้าบ้านอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงรองเท้าชาวบ้านที่สุนัขไปคาบมาจากที่อื่น แล้วเอามาทิ้งไว้ในซอย ชาวบ้านก็เอาไปแขวนไว้ที่รั้วบ้านที่ไม่มีคนอยู่ เผื่อเจ้าของรองเท้าจะผ่านมาเห็นและมาเอาคืนไป

นางอ้อย เจ้าของสุนัขและแมวที่รบกวนชาวบ้าน บอกว่า ที่บ้านมีสุนัขพันทางสีน้ำตาล 4 ตัว สีดำ 2 ตัว รวมทั้งหมด 6 ตัว อายุเฉลี่ยประมาณ 11 เดือนถึง 1 ปี เป็นเพศเมีย 3 ตัว เพศผู้ 3 ตัว ทั้งหมดถูกทำหมันหมดแล้ว และมีแมวบ้านเพศเมีย 3 ตัว ทำหมันหมดแล้วเช่นกัน ทั้งหมดชื่อหมูอ้วน ยอมรับว่าเป็นคนเลี้ยงทั้งสุนัขและแมวทั้งหมดด้วยตนเอง เอาเงินที่ญาติส่งเสียเลี้ยงดูมาซื้ออาหารให้ เพราะตัวเองไม่มีรายได้ ไม่มีสามี

ส่วนกับความเดือดร้อนที่ชาวบ้านร้องเรียนนั้น ขอชี้แจงว่าสุนัขมักจะชอบออกไปไล่งับรถจริง ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน แต่ไม่เคยกัดใคร หากไปอึไว้ตรงไหนตนก็จะตามไปกวาดให้ตลอด ซึ่งชาวบ้านก็บอกให้ตนขังไว้ในบ้านตลอด 24 ชั่วโมง ตนก็พยายามทำแล้ว แต่ก็อดสงสารไม่ได้ กลัวว่าสุนัขจะเครียด ก็เลยต้องปล่อยออกมาบ้าง ตอนนี้อยู่ระหว่างประสานให้คนรู้จักเป็นตำรวจยศนายพล เข้ามารับสุนัขไปเลี้ยงที่อื่น แต่ถ้าถามว่าเมื่อไรถึงจะย้ายไปได้ ตนก็ตอบไม่ได้

ทั้งนี้ เมื่อทีมข่าวบอกว่าจะประสานให้ทางเขตทวีวัฒนา กทม. เข้ามารับสุนัขทั้งหมดไปดูแล เจ้าตัวก็ค้านขึ้นมาทันทีว่า "ไม่เอา ไม่ต้อง เราก็เลี้ยงของเรามานาน" ตนไม่อยากให้สุนัขไปอยู่กับคนอื่นที่ไม่รู้จัก เพราะตัวเองเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด เป็นของรักของหวง จากนั้นเมื่อทีมข่าวถามซ้ำว่าจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการร้องเรียนอย่างไร เจ้าตัวก็พยายามนึกด้วยสีหน้าเครียดอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็หาทางออกไม่ได้ บอกว่าจะประสานเอา 2 ใน 6 ตัวฝากไว้ที่บ้านน้องอีกหลังในหมู่บ้านเดียวกัน แต่ก็ไม่รับปากว่าจะทำได้ไหม พร้อมกับสัญญาว่าหลังจากนี้จะเอาเข้าไปเลี้ยงในบ้านตลอด ไม่ปล่อยออกมาแล้ว ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ขออย่างเดียวคือไม่อยากให้ใครมาเอาสุนัขตนไปไหนทั้งนั้น

ระหว่างที่ทีมข่าวสัมภาษณ์นั้น มีชาวบ้านประมาณ 3-4 คนที่ได้รับความเดือนร้อนเดินเข้ามาและบอกว่าที่นางอ้อยอ้างจะเอาสุนัขไว้ในบ้าน ไม่เปิดให้ออกมานั้น ยืนยันว่าไม่สามารถทำได้จริง เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี 2565 เจ้าหน้าที่เขตทวีวัฒนาเข้ามาจัดการเจรจาแล้ว 3 รอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทวีวัฒนา อีก 2 รอบ ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายพอเจ้าหน้าที่กลับนางอ้อยก็แอบปล่อยสุนัขให้ออกมาข้างนอกอยู่ดี

นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านอีกราย เดินเอารูปมูลนกที่อยู่บริเวณระเบียงชั้น 2-3 ของนางอ้อยมาให้ดู แล้วถามว่าจะจัดการยังไงกับสิ่งนี้ ซึ่งส่งกลิ่นเหม็นแก่ชาวบ้านที่อยู่ติด ๆ กัน แล้วนางอ้อยก็ตอบเชิงประชดประชันว่า "รู้จ้า เดี๋ยวจะไปกวาดเดี๋ยวนี้เลย"

นายบี อายุ 40 ปี อยู่บ้านฝั่งตรงข้าม ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของนางอ้อย ถึงกับพูดออกมาประมาณว่าถ้ายังปล่อยไว้แบบนี้ ตนจะเอาวางยาเบื่อให้หมด เพราะแม่ตนวัย 84 ปี ป่วยเป็นพากินสันอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงสุนัขเห่าทั้งคืน นอนไม่หลับเลย แถมยังคุ้ยขยะเพ่นพ่าน ตนบอกว่า "รักหมาชอบหมาไม่มีใครว่า แต่ต้องอยู่บนความรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้เดือดร้อนชาวบ้านแบบนี้" และยังบอกอีกว่าถ้าหมาไม่ไป ให้เจ้าหน้าที่มาเอาป้าไปแทน ซึ่งนางอ้อยก็สวนกลับไปว่า "เอากูไปทำไมล่ะ"

นางอ้อยยืนยันว่าไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่มาเอาสุนัขไปเด็ดขาด เหมือนทำหูทวนลมกับสิ่งที่นายบี พยายามพูดและบอกว่าจะจัดการเอง จากนั้น นายบีพูดว่า "เย็นนี้ฉันจะมาเฝ้า ถ้าป้าปล่อยออกมาฉันตี ห้ามโทษกันนะ" ซึ่งนางอ้อยก็หัวเราะ แล้วบอกว่า "ห้ามได้ไงวะ ฉันขังไว้แล้ว"

จากนั้นนายบีเดินไปนำแท่งเหล็กมาถือไว้ในมือ แล้วก็บอกว่า "ขยะที่หมาคุ้ยจะทำยังไง" นางอ้อยก็สวนกลับไปว่า "ฉันกวาดหมดนะ"ทำให้นายบีสวนกลับไปว่า "จ่ะ แม่พระ" และนางอ้อยตอบกลับว่า "เออขอบใจ พระจริงนะ ไม่ใช่พระปลอม โถ ใครจะทำได้อย่างเรา" ส่วนนายบีก็สวนกลับอีกว่า "เขาเรียกว่าพระโรคจิต" ทั้งคู่ก็มีการโต้เถียงกันเรื่อย ๆ รวมแล้วระยะเวลา 1 ชั่วโมงเต็ม ตั้งแต่ 11.00-12.00 น. ถึงจะแยกย้ายกันไป

นางขวัญเรือน จุณรัน อายุ 52 ปี ผู้เดือดร้อน บอกว่าเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา หลานสาวตนอายุ 10 ขวบ ถูกสุนัขประมาณ 4-5 ตัวของนางอ้อยไล่กัดเข้าที่ขาขวา ขณะขับจักรยานออกจากบ้าน แต่โชคดีที่ไม่ล้ม ซึ่งหลังเกิดเหตุตนก็พาพลานไปฉีดยาทั้งหมด 4 เข็ม โดยใช้สิทธิ์บัตรทอง ไม่มีค่าใช้จ่าย ปัจจุบันยังมีรอยแผลเป็นอยู่เลย

อย่างไรก็ตาม ตนพยายามบอกนางอ้อยให้จัดการเอาสุนัขไว้ในบ้านให้หมด แต่นางอ้อยก็เพิกเฉย ไม่มีการมาเยี่ยมหลานหรือขอโทษใด ๆ สักคำ กลับกันคือตนยังโดนด่ากลับมาอีกต่างหากว่า "ทำไมกูจะเลี้ยงหมาไม่ได้ คนอื่นยังเลี้ยงได้เลย" ทั้ง ๆ ที่ในซอยนี้ไม่มีใครเลี้ยงนอกจากเขา ตอนนี้จากเดิมที่หลานเป็นคนรักสุนัข ชอบเลี้ยงสุนัข เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ส่งผลกระทบต่อจิตใจหลานไปโดยปริยาย หลานกลายเป็นคนกลัวสุนัข เห็นหรือได้ยินเสียงเห่าก็จะสั่นไปหมดทั้งตัว ใจเต้นแรง เพราะหวาดระแวง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาเอาสุนัขทั้งหมดไปดูแลที่อื่นทั้งหมด เพราะต่อให้นางอ้อยขังไว้ในบ้าน มันก็ส่งเสียงรบกวนอยู่ดี

ข้อมูลคืบหน้า ฝ่ายสิ่งแวดล้อมสำนักงานเขตทวีวัฒนา กทม. จึงทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ได้เคยเข้าตรวจสอบแล้วจริง ตั้งแต่เดือน พ.ค. 65 และได้ออกคำสั่งไปตั้งแต่ตอนนั้นให้มีการแก้ไขระงับเหตุรำคาญภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันสร้างคำสั่ง แต่ก็ยังมีชาวบ้านร้องเรียนมาเรื่อย ๆ ดังนั้นตอนนี้จึงอยู่ในขั้นตอนของการส่งดำเนินคดีไปที่ สน.ธรรมศาลา ข้อหาไม่ปฎิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้แก้ไขระงับเหตุรำคาญตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข หลังจากนี้ก็จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมจะต้องไปกล่าวโทษร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อส่งดำเนินการต่อในชั้นศาลฯ

ซึ่งแนวโน้มทางคดีก็จะขึ้นอยู่กับอำนาจการตัดสินของศาลว่าจะให้จัดการกับสุนัขที่รบกวบชาวบ้านอย่างไร แต่โดยทั่วไปจะเป็นโทษทางอาญา สูงสุดคือจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ