แม่ร้องไห้ข้ามวันตรอมใจตาย รู้ข่าวลูกรถชนดับ พูดแปลก "จะเอาไปอยู่ด้วยกัน" (คลิป)

5 ก.ค. 65

จากกรณีเหตุการณ์สลดของสองแม่ลูกที่เสียชีวิตตามกันภายในเวลาไม่ทันข้ามวัน ศพแรกคือนางสาวนฤมล นิ่งนุกูล อายุ 55 ปี ลูกสาว ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนเสียชีวิตเมื่อเวลา 09.19 น. ของวันที่ 3 ก.ค.65 ขณะนั่งรถสามล้อเครื่องไปกับน้องชาย นายไพโรจน์ นิ่งนุกูล กลับจากขายผลไม้ที่ตลาดใน อ.ไชโย จ.อ่างทอง เพื่อไปหานางสัมฤทธิ์ รักเจ้าไทย อายุ 84 ผู้เป็นแม่ ที่ตั้งร้านขายของอยู่ที่บ้าน ริมถนนสายโพธิ์พระยา-ท่าเรือ หมู่ที่ 5 ต.ศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง

237188

แต่ระหว่างทางบริเวณหมู่ 1 ต.ป่างิ้ว อ.เมือง จ.อ่างทอง ก่อนถึงบ้านประมาณ 270 เมตร คาดว่ารถสามล้อน่าจะเสียหลักแล้วพุ่งข้ามเกาะกลางถนน จากนั้นก็ถูกรถพิกอัปชนประสานงาเข้าอย่างจัง จนทำให้นายไพโรจน์ ผู้ขับได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนนางสาวนฤมล เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

590077

ซึ่งหลังจากนางสัมฤทธิ์รับรู้ว่าตัวเองได้สูญเสียลูกสาวไป ก็เศร้าโศกเสียใจอย่างหนัก ไม่ยอมกินข้าว ร่างกายอ่อนแรง บวกกับอายุเยอะแล้ว เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ของวันที่ 4 ก.ค. 65 ได้สิ้นใจตามลูกสาวไปอย่างน่าสงบ

967647

ล่าสุดวันที่ 5 ก.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังวัดไผ่ล้อม ต.ป่างิ้ว อ.เมือง จ.อ่างทอง สถานที่บำเพ็ญกุศลศพของสองแม่ลูก บรรยากาศก็จะเป็นลักษณะโลงคู่จำลองบนล่าง ด้านบนเป็นโลงจำลองของแม่ ส่วนด้านล่างเป็นโลงจำลองของลูกสาว ประดับด้วยดอกไม้

622244

นางสาวอนัน โอ้โถง อายุ 65 ปี หลานของนางสัมฤทธิ์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า นางสมฤทธิ์สูญเสียสามีไปตั้งแต่ปี 2520 ด้วยโรคความดัน และทั้งคู่มีลูกด้วยกันทั้งหมด 3 คน คนโตคือนางสาวนฤมล ผู้เสียชีวิต คนกลางชื่อนางจำลอง กลัดค้าม อายุ 50 ปี และคนสุดท้อง นายไพโรจน์ ผู้บาดเจ็บ อายุ 47 ปี  หลังเกิดเหตุยังคงนอนรักษาอยู่ในโรงพยาบาลอ่างทอง สมองได้รับความกระทบกระเทือน ยังจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นและจำคนครอบครัวไม่ได้ มีอาการปวดหัว กรามซ้ายหัก มีแผลฉกรรจ์บริเวณหน้าผาก ขาหักทั้ง 2 ข้าง และเดิมทีมีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันร่วมด้วย จึงทำให้ฟื้นตัวยาก ญาติจึงยังไม่บอกว่าแม่และพี่สาวเสียชีวิตแล้ว

ส่วนนางสาวนฤมลก็สูญเสียสามีไปตั้งแต่ปี 2542 ด้วยอุบัติเหตุขับรถ จยย. ไปชนกับเสาไฟ ทั้งคู่มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันอายุ 27 ปี อยู่ในเรือนจำคดีเสพยาเสพติด ตั้งแต่เดือน เม.ย. 63 และจะพ้นโทษเดือน ธ.ค. 65 หลังจากตัวเองได้รับข่าวจากน้องสะใภ้ว่านางสาวนฤมลประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตคาที่ ส่วนนายไพโรจน์บาดเจ็บสาหัส ตอนแรกก็ช่างใจอยู่นานว่าจะบอกนางสัมฤทธิ์ดีไหม เพราะยายอายุเยอะ และป่วยหลายโรค ทั้งเบาหวาน ความดัน ไขมันในเส้นเลือด หัวใจ เคยทำบอลลูนมาแล้วรอบหนึ่งด้วย

539854

แต่ด้วยความที่มองว่าต่อให้ไม่บอก แล้วถ้าทั้ง 2 คนไม่กลับมาบ้าน ยายก็ต้องถามอยู่ดีว่าลูก 2 คนไปไหน จึงตัดสินใจบอกไปในตอนเที่ยงของวันนั้นว่า "ยาย รู้เปล่าว่าลูกโดนรถชน" นาทีที่ยายรู้ข่าวก็ร้องไห้โฮออกมา พร้อมกับถามแล้วมันเป็นยังไงบ้าง ตนก็ต้องทำใจบอกความจริงว่า "ไอแมวมันตายค่าที่" แล้วยายก็ร้องไห้หนักขึ้นไปอีก บอกว่า "มันถึงขั้นนั้นเลยเหรอ แล้วกูจะอยู่ยังไง ใครจะหาให้กูกิน ใครจะเลี้ยงกู" ตนก็พยายามปลอบใจเรื่อย ๆ แต่ยายยังร้องไห้เรียกหาลูกตลอด ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน ตั้งแต่เที่ยงจนประมาณ 18.00 น. ถึงจะหยุดร้องไห้ จากนั้น 19.00 น. ใกล้พระสวดอภิธรรมศพนางสาวนฤมล ตนก็ชวนยายไปวัด แต่ยายก็ไม่ไป พร้อมกับเริ่มบ่นปวดท้อง ปวดหัว อาเจียน สลับกับร้องไห้ ตนก็เอายาพาราเซตามอลให้กิน อาการดีขึ้นแล้วก็หลับไป

ต่อมาประมาณ 05.00 น. ของวันที่ 4 ก.ค. 65 ตนตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงยายร้องไห้อยู่แล้ว พร้อมกับบ่นว่า "กูไม่ไหวแล้ว กูเหนื่อย กูลุกขึ้นไม่ไหว" จึงโทรเรียกรถพยาบาลให้มารับ พอไปถึงโรงพยาบาลหมอก็ทำการรักษา ทราบอีกทีตอน 08.00 น. ว่ายายหยุดหายใจชั่วขณะ หมอก็พยายามปั๊มหัวใจ ยายก็มีสติขึ้นมาครู่หนึ่ง หมอก็ฉีดยาแก้อาเจียนกับแก้ปวดท้องให้ และบอกว่าหลังจากนี้ถ้ายายไม่อาเจียน ก็สามารถพากลับบ้านได้เลย ผ่านไปไม่นาน 09.00 น. กว่า ๆ ยายก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาล เนื่องจากภาวะหัวใจขาดเลือด

ส่วนตัวเชื่อว่าส่วนหนึ่งที่ยายเสียชีวิตเป็นเพราะทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียนางสาวนฤมลไปกะทันหัน เนื่องจากที่ผ่านมาทั้งคู่สนิทและรักกันมาก ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันเลย หนำซ้ำนางสาวนฤมลยังมีประกันสังคมที่ทำไว้สมัยทำงานโรงงาน พอลาออกก็ส่งเงินต่อเรื่อย ๆ แล้วเขียนชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นแม่ของเขาด้วย อีกทั้ง 1 วันก่อนเกิดอุบัติเหตุ นางสาวนฤมลมาขอตะไคร้ที่บ้านตน เพื่อจะเอาไปทำต้มยำปลาทับทิมให้แม่กิน ตนก็ตัดไปให้ 2-3 กำแล้วเขาก็เอาไปต้มยำให้แม่กินเป็นมื้อค่ำ คาดว่าคงจะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของทั้งคู่ที่ได้กินด้วยกัน

เหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น ตนก็ไม่กล้าตัดสินใจว่ามีคู่กรณีหรือเปล่า รู้แค่ว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก แล้วมันมีลางสังหรณ์อยู่อย่างหนึ่งคือคืนวันที่ 2 ก.ค. 65 มีชาวบ้านได้ยินเสียงนกแสกบินและร้องอยู่เหนือหลังคาบ้านของผู้ตายทั้ง 2 คนประมาณ 5 นาทีแล้วก็เงียบไป ชาวบ้านก็เอะใจว่าหรือจะมีคนตายเร็ว ๆ นี้ แล้วสุดท้ายเช้าของอีกวันนางสาวนฤมลก็มาเสียชีวิต

649062

นางจำลอง กลัดค้าม อายุ 50 ปี ลูกสาวคนกลางของนางสัมฤทธิ์ หลังจากเจ้าตัวไปเดินเรื่องขอใบมรณบัตรของแม่เสร็จ ก็เดินทางกลับมาที่วัด แล้วก็มีการจุดธูปบอกดวงวิญญาณของแม่และพี่สาวว่า "แม่กับพี่ ตอนนี้กำลังรอความยุติธรรมให้อยู่นะ ไม่ต้องห่วงนะ"

จากนั้นก็ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่าช่วงกลางวันของวันที่ 2 ก.ค. 65 ก่อนเกิดเหตุ ตนทราบว่าพี่สาวบ่นลอย ๆ กับเพื่อนที่ตลาดว่า "เบื่อว่ะ อยากตาย ถ้ากูตายไป กูจะเอาแม่กูไปด้วย" แต่ตอนนั้นเพื่อนเขาก็ไม่ได้บอกใคร ตนมารู้อีกทีคือหลังเกิดเหตุแล้ว ส่วนตัวคาดว่าที่พี่สาวบ่นแบบนั้นเพราะเครียดเรื่องค้าขาย เนื่องจากช่วงนี้ขายผลไม้ไม่ค่อยได้ กังวลว่าจะไม่มีเงินมาเลี้ยงดูแม่ เพราะพี่สาวกับแม่สนิทกันมาก มีอะไรก็ปรึกษากันตลอด

บวกกับพี่สาวมีโรคประจำตัวเป็นเส้นเลือดในสมองตีบมา 3 ปีแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยได้เข้ารับการรักษา เพราะอาการไม่รุนแรง เป็น ๆหาย ๆ มาตลอด แล้วพี่สาวคงคิดว่าหากเขาตายไป จะไม่มีใครเลี้ยงดูแม่ จึงพูดแบบนั้นออกมา แต่ส่วนตัวเชื่อว่านั่นไม่ใช่สาเหตุของการเสียชีวิต เพราะต่อให้พี่สาวจะพูดแบบนั้นออกมาจริง ตนก็เชื่อว่าพี่คงไม่ได้อยากให้แม่ต้องเสียชีวิต มองว่าน่าจะเป็นเคราะห์ของทั้ง 2 คนมากกว่า ตอนนี้สิ่งเดียวที่ตนทำได้คือจัดงานศพให้ทั้ง 2 คน และขอให้ทั้ง 2 คนไปสู่สุคติ ไปสู่ภพภูมิที่ดี เพราะที่ผ่านมาทั้งคู่เหนื่อยมามากพอแล้ว

555264

ทีมข่าวเดินทางลงไปยังจุดเกิดเหตุ ถนนสายโพธิ์พระยา-ท่าเรือ หมู่ที่ 1 ต.ป่างิ้ว อ.เมือง จ.อ่างทอง พบว่าเป็นถนน 2 เลน มีรถสัญจรค่อนข้างเร็วทั้งคู่ บริเวณที่เกิดเหตุยังพบคราบเลือด เศษผลไม้ เศษตะกร้าใส่ผลไม้ตกอยู่ส่วนหนึ่ง

ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เวลา 09.18 น. (เวลากล้องไม่ตรง) ของวันที่ 3 ก.ค.65 จะเห็นว่ารถผู้เสียชีวิตขับไปบนถนน โดยมีนายไพโรจน์เป็นคนขับ และมีนางสาวนฤมลนั่งในพ่วงข้าง ขับคร่อมเส้นขาวริมถนนฝั่งซ้ายไปเรื่อย ๆ และมีรถบรรทุก 6 ล้อขับตามมาในระยะห่างกันประมาณ 2 เมตร แล้วก็ขับไปประกบข้าง แต่ไม่ได้มีการเบียด ประชิดหรือแซง

มีรถบรรทุก 6 ล้อได้ขับแซงหน้ารถของผู้เสียไปแล้ว โดยจากภาพไม่เห็นว่ามีการเบียดหรือปาดหน้าแต่อย่างใด จากนั้นทิ้งระยะห่างประมาณ 4-5 เมตร รถของผู้ตายก็ขับตามมา ก่อนจะเสียหลักกะทันหัน โดยจะเห็นว่ารถหักเลี้ยวขวา พุ่งไปชนเกาะกลางทันที ทำให้ร่างของนายไพโรจน์กระเด็นหลุดไปกระแทกกับเกาะกลาง รถก็พุ่งต่อไปด้านหน้า ข้ามไปอีกฝั่งของถนน ทำให้ร่างของนางสาวนฤมลติดอยู่ในพ่วงข้าง กระเด็นหลุดออกมาขณะที่พ่วงข้างพลิกคว่ำ ระหว่างนั้นมีรถกระบะ 4 ประตูมีหลังคา สีบรอนซ์ทองขับมาพอดี จึงต้องเบรกกะทันหัน แล้วร่างของนางสาวนฤมลก็กระเด็นมาติดอยู่ที่ล้อด้านหลังของรถคนดังกล่าว

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส