สถานการณ์ที่ชายแดนตาก เกิดการปะทะกันเป็นวันที่ 5 ระหว่างกองทัพเมียนมา กับกองกำลังกะเหรี่ยง ทางทหารเมียนมาได้ส่งเครื่องบินรบ ซู.29 หรือเครื่องบินมิก-29 ล้ำแดนไทย 1 ลำ บริเวณบ้านวาเล่ย์ใต้ และบ้านวาเล่ย์เหนือ ประมาณ 4-5 กิโลเมตร จนมองเห็นใกล้ เครื่องบินอ้อมไปยิงจรวดใส่ที่มั่นฝ่ายกะเหรี่ยง ส่งผลให้ชาวบ้าน 2 หมู่บ้านแตกตื่นหนีตายวุ่น
วันที่ 1 ก.ค. 65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีกองทัพอากาศตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บินล้ำแดนบริเวณ อ.พบพระ จ.ตาก ว่ามีการประสานไปยังเมียนมาแล้ว เขายอมรับแล้วว่ารุกล้ำ พร้อมมีการขอโทษมาแล้ว และระบุว่าไม่ได้ตั้งใจจะมีปัญหา แต่เขาต้องตีวงเลี้ยว จึงล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทยเล็กน้อย ขณะที่เครื่องบินของเราก็ได้ทำการขึ้นบินเผื่อผลักดัน ทุกอย่างก็เป็นไปตามมาตรฐาน
"วันนี้ทูตทหารเองก็ได้มีการพูดคุยกันแล้ว เขาก็ขอโทษมา เครื่องบินรบเมียนมาตีวงเลี้ยวล้ำน่านฟ้า และตัวผมเองก็คุยกันแล้ว นี่เป็นเรื่องที่มองดูอาจเป็นเรื่องใหญ่ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำให้เรื่องใหญ่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกหรือไม่ ซึ่งวันนี้เราก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมีอะไรก็พูดคุยหารือกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือเรามีสมรรถนะพอเพียงที่จะป้องกันอธิปไตยของเราไว้ได้ แต่วันหน้าก็ต้องดูว่าเรามีความเข้มแข็งทันสมัยเพียงพอหรือไม่ในอนาคต ฝากเอาไว้ด้วยแล้วกัน และย้ำว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต"
ทีมข่าวได้วิดีโอคอลกับ นายสายันต์ วงศ์ใจ เจ้าของรถดีแมกซ์ สีส้ม ที่วานนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ตนอยู่ท่ามกลางสงครามการสู้รบกัน รถตนถูกยิงรอบคัน วันนี้นำไปซ่อมที่อู่แล้ว ยังไม่ได้ประเมินราคาซ่อม แม้ว่าจะมีประกันชั้น 1 แต่ไม่รู้ว่าจะจ่ายหรือไม่
เหตุการณ์เมื่อวานนี้เหมือนอยู่ในสงครามรบ ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง ตนอยู่ในรัศมี ประมาณ 1 กิโลเมตร นอกจากนี้ หากเมื่อวานนี้ตนพาลูกชายวัย 4 ขวบไปด้วย ก็ไม่รู้ชะตากรรมจะเป็นอย่างไร เพราะตนต้องให้ลูกรออยู่ในรถ ต้องถูกกระสุนปืนกลแน่นอน เพราะสภาพในรถก็ถูกกระสุนได้รับความเสียหาย
ขณะที่วันนี้สถานการณ์ยังคงมีการสู้รบต่อเนื่องได้ยินเสียงยิง เสียงระเบิด เป็นระยะและเห็นเครื่องบินผ่าน สถานการณ์ยังไม่สงบ ตนจึงไม่ออกไปไหนอยู่แต่ในบ้าน นอกจากนี้ เหตุการณ์เมื่อวานนี้เครื่องบินรบพม่าบินมาทำสงครามแน่นอน ไม่ใช่การบินมาตีวงเลี้ยวเหมือนที่นายกฯ กล่าว เพราะตนคุ้นชิน และรู้ดีว่าการบินต่ำแบบนี้และหย่อนระเบิดเป็นการทำสงครามแน่นอน ตนเห็นกับตาตัวเอง ส่วนชาวบ้านที่นี่ทุกคน ยังคงหลบภัยกันอยู่ในบ้าน หากได้ยินเสียงเครื่องบิน รือเสียงระเบิดก็จะรีบวิ่งเข้าบ้านทันที
ทีมข่าวเองได้ลงพื้นที่ไปสำรวจบริเวณวาเล่ย์ใต้ จุดที่ห่างกับชายเเดนพม่าไม่ไกล เป็นจุดที่ได้ยินเสียงปะทะ หรือเสียงการยิงที่ค่อนข้างชัดเจน จุดดังกล่าวนั้นเป็นพื้นที่หมู่ 2 ต.วาเล่ย์ มีครัวเรือนกว่า 100 ครัวเรือน
นางบัวจันทร์ สายะ อายุ 63 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าเหตุการณ์ว่า เบื้องต้นสถานการณ์ความรุนแรงนั้นเกิดขึ้นมา 5-6 วันแล้ว โดยก่อนหน้านี้เองก็จะได้ยินเสียงเครื่องบินไล่ยิงในชนเผากระเหรี่ยง ที่อยู่ในพื้นที่ติดกับหมู่บ้านของตน อาจจะเป็นเรื่องปกติของคนแถวนี้
แต่เมื่อวานช่วงประมาณเกือบเที่ยง ขณะที่ตนกำลังนั่งดูหน้าบ้าน มีเครื่องบินจากฝั่งพม่าได้บินเข้ามาในเขตไทย ป็นครั้งที่บินข้ามหลังคาบ้านของตนเลนไปทางด้านบ้านวาเล่ย์เหนือ ห่างจากจุดชายเเดนประมาณ 3-4 กิโลเมตร ก่อนจะได้ยินเหมือนว่าเครื่องบินดังกล่าววนไปมาจำนวน 3 รอบ สาดกระสุนลงมาในพื้นที่ใกล้กับวัดวาเล่ย์เหนือ ตอนนั้นเองตนก็ตกใจ และชาวบ้านในพื้นที่ก็แอบตกใจ ถึงขั้นหมอบหลบกระสุนกันกันใต้ถุนบ้าน โดยใช้เวลาที่เครื่องบินลำดังกล่าวบินผ่านไปมาประมาณ 30 นาที พอเหตุการณ์สงบในส่วนของหมู่บ้านตนไม่ได้รับความเสีบหาย ทราบว่าในส่งนของหมู่บ้านวาเล่ย์เหนือมีชาวบ้านที่ได้รับความเสียหาย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นครั้งแรกในหลายสิบปี ที่ทางเครื่องบินของพม่าได้บินเข้ามารุกล้ำในเขตของไทย ส่วนตัวยังงงว่าทำไมทางทหารไทยเองถึงไม่ได้มีการเข้ามาสกัด เพราะพฤติการที่เกิดขึ้นค่อนข้างผิดปกติ โชคดีว่าไม่มีใครบาดเจ็บ ยอมรับว่ามาแบบไม่ทันตั้งตัว และหลบไม่ทันจริง ๆ
ทีมข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านวาเล่ย์เหนือ ซึ่งเป็นจุดที่มีนักเรียนกว่า 100 ชีวิต วิ่งหลบหนีเข้าไปยังอาคารหลบภัยภายในโรงเรียน วันนี้โรงเรียนมีการประกาศหยุดการเรียนการสอนเป็นเวลา 1 วัน ขณะที่ภายในโรงเรียนเองไม่มีครูพักอาศัยอยู่ด้านใน จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่ 1 คน
ทางทีมข่าวได้ให้ทางนักเรียนที่อยู่ในพื้นที่ได้เดินพาสำรวจอาคารหลบภัยที่สร้างอยู่ในโรงเรียน นักเรียนชายและหญิงรายดังกล่าวได้พาไป อาคารหลังดังกล่าวนั้นเป็นตึกชั้นเดียวลึก 10 เมตร กว้าง 20 เมตร สูง 3 เมตร มี 2 โซน ซ้ายและขวา จุคนได้ประมาณ 100-150 คน
โดยสร้างมาเพื่อให้นักเรียนและชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าวได้หลบภัยในช่วงที่มีเหตุความรุนแรง มีเครื่องใช้ของโรงเรียนบางส่วนอยู่ มีไฟ และพัดลม สภาพค่อนข้างมืด นักเรียนขายบอกว่าเมื่อวานได้เข้ามาหลบข้างในประมาณ 30 นาที ก่อนที่จะประกาศให้ทางผู้ปกครองมารับและกลับบ้าน
