รวมตัวเลขสุดเซอร์ไพรส์ จากนโยบายโค้งสุดท้ายของ พปชร. อาชีพไหนจะได้อะไรบ้าง

15 มี.ค. 62
วันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรการเคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค แถลงนโยบายโค้งสุดท้ายของพรรคพลังประชารัฐก่อนการเลือกตั้ง 2562 ดร.อุตตม กล่าวว่า ประเทศไทยต้องรวยด้วยพลังประชารัฐ ขอโอกาสให้เราได้เข้ามาทำงาน โดยรวยอย่างไรบ้าง 1.รวยความสงบ 2.รวยความสุข และ3.รวยด้วยความหวัง ซึ่งต้องรวยอย่างยั่งยืน ดร.อุตตม กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐจะทำให้พี่น้องเกษตรกรรวยอย่างมั่นคง รวยอย่างยั่งยืน โดยดูแลข้าวเจ้า 12,000 บาทขึ้นไป/ตัน, ข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทขึ้นไป/ตัน, อ้อย 1,000 บาทขึ้นไป/ตัน, ยางพารา 65 บาทขึ้นไป/กิโลกรัม, มันสำปะหลัง 3 บาทขึ้นไป/กิโลกรัม และปาล์ม ราคาเป้าหมาย 5 บาท/กิโลกรัม ส่วนพี่น้องที่ใช้แรงงานค่าแรงต้องเพิ่มเพราะ 7 ปีที่ผ่านมา ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นเพียง 25บาท โดยที่ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าหลายเท่าตัว พรรคพลังประชารัฐจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400-425 บาท เงินเดือนเด็กจบใหม่สายอาชีวะ 18,000 บาทและปริญญาตรี 20,000 บาท ต่อเดือน ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐ เราจะดูแลทั้งภาคเกษตรและผู้ใช้แรงงาน ทั้ง 14.6 ล้านคน อย่างรอบคอบเพื่อกินดีอยู่ดีแบบยั่งยืน ดร.อุตตม กล่าวต่อว่า สำหรับมนุษย์เงินเดือน ลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของคนไทยร้อยละ 10 โดยคนไทยรายได้ต่ำกว่า 2 แสนบาท ไม่ต้องเสียภาษี โดยคนที่จะเสียภาษีคือต้องมีรายได้ 2 แสนบาทเท่านั้น และจะเสียลดลง ส่วนเด็กจบใหม่ต้องทำให้เขามีความหวังและตั้งตัวได้ เสนอยกเว้นภาษี 5 ปี และเสนอยกเว้นภาษีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ 2 ปี สำหรับผู้ประกอบการ SME ต้องถึงทุน ถึงเทคโนโลยี ถึงตลาด เช่นกัน โชห่วยก็จะโตด้วยดิจิทัล พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายช่วยโชห่วยยกขีดความสามารถในการค้า โดยทำให้โชห่วยสามารถสั่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิตเพื่อลดต้นทุน โดยจะทำให้โชห่วยทุกตำบล ทำโชห่วยดิจิทัล โชห่วยประชารัฐ โดยให้ทุน 1 ล้านบาท/โชห่วยประชารัฐ ทั้งนี้ เมื่อรายได้ประชาชนเพิ่มรายได้ประเทศก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย โดยรายได้ประเทศจะสร้างเศรษฐกิจในทุกด้านอย่างยั่งยืน และเพื่อเพิ่มรายได้ประเทศเป็น 19 ล้านล้านบาท ในปี 2565 เราจะปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลให้มีรายได้ 2 ล้านล้านบาท เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 4.5 ล้านล้านบาท และทำให้รายได้เศรษฐกิจฐานรากเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาท จากนี้เราจะปฏิรูปการบริหารจัดการทรัพย์สินของประเทศ เช่น ธนารักษ์ ปฏิรูปกระบวนการบริหารงานหน่วยงานรัฐโดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้าง โครงการเอกชนร่วมทุนขนาดใหญ่ PPP ลดภาระงบประมาณ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน TFF ลดภาระงบประมาณ กองทุนรวมเพื่อสังคม SIF ลดภาระงบประมาณ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ