ลุงพิการย่องฆ่าหลานเมาหลับมีดฟัน - ค้อนทุบ เผยสุดทนคนทรพีปาขี้กระทืบ (คลิป)

1 มิ.ย. 65

เมื่อเวลา 23.15 น. ของวันที่ 31 พ.ค. 65 เกิดเหตุสลดภายในบ้านหมู่ที่ 1 บ้านดอกคำใต้ ต.แม่ตีบ อ.งาว จ.ลำปาง เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อ นายอนุสรณ์ เครือวงค์ อายุ 42 ปี อยู่บริเวณประตูหน้าบ้าน สภาพศพนอนคว่ำหน้า มีบาดแผลถูกฟันคอและศีรษะหลายแผลจนเละ เลือดไหลกองท่วมพื้นจำนวนมาก

304575

บริเวณบนโต๊ะใกล้กับศพมีอาวุธมีดพร้าเปื้อนเลือดยาวประมาณ 40 ซม. วางอยู่ และที่ขอเกี่ยวตรงหน้าต่างใกล้กัน พบค้อนแขวนอยู่ด้วย ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นลุงของผู้ตาย คือ นายสำราญ สีตื้อ อายุ 66 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ และอยู่ร่วมกันกับผู้ตายมาโดยตลอด หลังเกิดเหตุก็ยืนรอมอบตัวอยู่ภายในบ้าน

923753

จากการสอบปากคำในที่เกิดเหตุ นายสำราญให้การว่า ที่ผ่านมานายอนุสรณ์ หลาน ชอบทำร้ายร่างกายตนเองเป็นประจำ โดยเฉพาะเวลาเมาก็จะขู่ข่มเหง ทุบตีตนโดยไม่มีเหตุผล แล้วตนเองซึ่งเป็นผู้พิการขาไม่แข็งแรง เดินไปไหนมาไหนไม่สะดวก จึงไม่เคยตอบโต้กลับ เพราะสู้แรงหลานไม่ไหว กลัวว่าจะโดนทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต

789511

เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. ขณะที่ตัวเองนั่งนอนหลับอยู่ในห้อง ด้านนายอนุสรณ์กลับมาบ้านด้วยสภาพที่เมาได้ที่ แล้วเปิดประตูห้องตนเข้าไป จากนั้นก็ใช้เท้าเหยียบหน้าอก ก่อนจะออกมาข้างนอก แล้วพอผ่านไปไม่นาน ตนลุกขึ้นออกมา ก็เห็นหลานลงไปนอนฟุบอยู่ตรงประตูทางเข้าบ้านแล้ว เนื่องจากเมาเดินต่อไม่ไหว ด้วยความที่ตนฝังใจมาตลอดว่าหากหลานเมาแล้วรู้สึกตัว กลับมาบ้านจะต้องทำร้ายตนแน่ ๆ ตอนนั้นได้ทีเห็นว่าหลานเมาแล้วหลับ จึงนำเอาอาวุธมีดพร้าที่เก็บไว้ในห้องนอนเพื่อป้องกันตัว ออกมาฟันที่บริเวณศีรษะของหลานหลายครั้ง ก่อนจะใช้ค้อนทุบไปที่ศีรษะอีกหลายครั้งเช่นกัน เจตนาจะให้หลานตาย แล้วตนจะได้ไม่ถูกทำร้ายข่มเหงอีก จากนั้น เมื่อแน่ใจว่าหลานเสียชีวิตแล้ว จึงเดินไปเรียกญาติที่อยู่บ้านใกล้กันให้มาดู มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

cg-1

เบื้องต้น นายสำราญ ผู้ก่อเหตุถูกคุมตัวไปสอบปากคำที่ สภ.งาว จ.ลำปาง ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมถูกแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และเจ้าตัวให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา

106032

ล่าสุดวันที่ 1 มิ.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุ ครอบครัวและชาวบ้านต่างพากันมาช่วยจัดงานศพ แต่เนื่องจากผลการตรวจ ATK ของผู้ตายเป็นบวก ติดเชื้อโควิด-19 ทางเจ้าหน้าที่และครอบครัวจึงนำร่างไปฌาปนกิจศพที่สุสาน ตั้งแต่ช่วงเที่ยงที่ผ่านมาแล้ว

867965

จุดเกิดเหตุเป็นบริเวณประตูทางเข้าบ้าน ทางครอบครัวได้ชำระล้างคราบเลือดไปหมดแล้ว นายธนงศักดิ์ ดวงดาว อายุ 42 ปี น้องเขยผู้ตายและเป็นคนที่ผู้ก่อเหตุไปเรียกให้มาดูศพหลานคนแรก เนื่องจากพักอยู่บ้านติดกัน เจ้าตัวบอกว่าผู้ก่อเหตุป่วยเป็นโปลิโอตั้งแต่กำเนิด ขาอ่อนแรง เดินไม่สะดวกต้องใช้ไม้เท้า และพออายุเยอะขึ้นก็เป็นโรคหูตึงร่วมด้วย

ส่วนผู้ตายเพิ่งจะเข้ามาอยู่กับผู้ก่อเหตุได้แค่ 1 ปีกว่า ที่ผ่านมายืนยันว่าผู้ตายมีพฤติกรรมเมาแล้วเอะอะโวยวายจริง สร้างความรำคาญให้บ้านใกล้เรือนเคียงตลอด ถึงขนาดที่ว่าตนต้องทำกำแพงสังกะสีกั้นระหว่างบ้าน 2 หลัง เพราะเดิมทีบ้านตนกับบ้านที่ผู้ก่อเหตุอาศัยอยู่เป็นบ้านหลังเดียวกัน แต่พอผู้ตายเข้ามาอยู่ด้วย แล้วชอบเมากลับมาดึกดื่น ทำลายข้าวของ ตนก็กลัวว่าจะได้รับความเดือดร้อนจึงกั้นไว้ บวกกับที่บ้านมีคนแก่ซึ่งป่วยหลายโรค

305587395194

นอกจากนี้ ผู้ก่อเหตุยังเคยมาบ่นกับตนประจำ รวมถึงบางครั้งก็เห็นกับตาว่าเวลาที่ผู้ตายเมา มักจะอาละวาดเสียงดัง ทุบตีผู้ก่อเหตุด้วยมือ ด้วยเท้า ใช้อาวุธค้อนทุบขาผู้ก่อเหตุจนเขียวช้ำประจำ หนักกว่านั้นคือผู้ตายมักมีนิสัยขี้เกียจ ขนาดปวดอุจจาระก็ไม่ยอมเดินไปห้องน้ำ ชอบอุจจาระใส่ถังขยะหน้าบ้านแล้ววันดีคืนดีก็เอาไปราดใส่ผู้ก่อเหตุที่นอนอยู่ในห้องนอน เหมือนกับแกล้งให้สะใจ ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดมาจากการที่ผู้ตายขอเงินจากผู้ก่อเหตุไปซื้อเหล้า แล้วผู้ก่อเหตุไม่มีให้ ขู่บังคับให้ผู้ก่อเหตุทำกับข้าว ขู่เอาของกิน แล้วผู้ก่อเหตุไม่มีแรงลุกขึ้นมาทำให้ ผู้ตายก็เลยหงุดหงิด ขัดใจจึงทำร้าย

754403

ที่ผ่านมาตนเคยห้ามปรามผู้ตายตลอดว่าอย่าทำแบบนี้ แต่ก็ไม่เป็นผล ส่วนผู้ก่อเหตุเองตนก็เคยชวนผู้ก่อเหตุไปอยู่ด้วยแล้ว แต่เขาบอกว่าไม่อยากทิ้งหลาน ยังรักหลานอยู่ เพราะเวลาหลานไม่เมาหลานก็ปกติดี ตนก็เลยปล่อยตามใจและคอยดูอยู่ห่าง ๆ

จนกระทั่งเมื่อคืนตอนประมาณ 22.40 น. หลังจากตนกลับจากที่ทำงานแล้วกำลังจะเข้านอน ผู้ก่อเหตุก็ตะโกนเรียกข้ามรั่วสังกะสีมาว่า "เอก ๆ มาดูอนุสรณ์หน่อย มันตายแล้ว" ตนก็ชะเง้อข้ามรั้วมาดู ปรากฏว่านายอนุสรณ์นอนจมกองเลือด และผู้ก่อเหตุก็ยืนถือมีดพร้าอยู่ใกล้ศพ ตนก็เลยบอกให้ใจเย็น ๆ พร้อมกับโทรแจ้งผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนถามผู้ก่อเหตุว่าทำแบบนี้ทำไม เขาก็ยอมรับว่าเพราะเก็บกดและอัดอั้นตันใจมานานแล้วที่ถูกหลานทำร้าย แถมก่อนเกิดเหตุยังเอาเท้าไปเหยียบหน้าอกอีก จึงรั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่

เบื้องต้น คุยกับครอบครัวไว้แล้วว่าจะยื่นประกันตัวผู้ก่อเหตุ ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารและหลักทรัพย์ เพราะสงสารไม่อยากให้เข้าไปอยู่ในคุก เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าต้องใช้หลักทรัพย์ประมาณไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท

976151

ส่วนด้านของนายจรัส สีตื้อ อายุ 67 ปี พี่ชายของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า จากที่ได้คุยกับครอบครัวแล้วก็ไม่มีใครติดใจ แต่จะเป็นความรู้สึกสะเทือนใจมากกว่า ไม่คิดไม่ฝันว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นในครอบครัว เพราะน้องชายถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง ป่วยเป็นโรคโปลิโอตั้งแต่กำเนิด เพิ่งจะลุกขึ้นเดินได้ก็ตอนอายุ 6 ขวบแล้ว ไม่มีภรรยา ไม่มีลูก ทุกวันนี้ก็อาศัยเบี้ยเลี้ยงคนพิการประทังชีวิต  ด้วยเหตุผลนี้จึงขอยื่นประกันตัว เพราะไม่อยากให้เข้าไปลำบากอยู่ในคุก หวั่นว่าจะไม่มีใครดูแล

ในขณะที่ผู้ตายก็เพิ่งจะมาอยู่กับผู้ก่อเหตุได้ปีกว่า เพราะก่อนหน้านี้เขามีแฟนอยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วมีปัญหากัน จนกระทั่งฝ่ายหญิงขอเลิกรา แต่เขาไม่ยอมเลิก บุกไปที่บ้านฝ่ายหญิง ทำให้ถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุก จำคุกประมาณ 1 เดือน และถูกคุมประพฤติอยู่ประมาณ 1 ปี พอครบกำหนดก็มาอยู่กับผู้ก่อเหตุ

แต่เท่าที่ตนเห็น ผู้ตายก็จะดื่มเหล้าจนเมาตลอดจริง ๆ ตนสั่งสอนให้เลิกนิสัยดื่มหนักประจำ แต่ไม่สำเร็จ วันนี้มาเสียชีวิตก็ไม่รู้จะบอกอะไรเหมือนกัน ก็คงขอให้ไปสู่สุคติ ส่วนนายสำราญหลังจากประกันตัว ก็ตั้งใจจะให้กลับมาอยู่บ้านที่เกิดเหตุเหมือนเดิม แต่ต้องให้ญาติดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ทั้งร่างกายและจิตใจ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส