ทนายตั้มเดือดแม่แตงโมหลงกลมิจฉาชีพ ส่อซวยร่วมกันทำผิด แนะสางปมตายให้ฟ้องศาล (คลิป)

25 พ.ค. 65

วันที่ 25 พ.ค. 65 นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของแม่แตงโม ได้ออกมาแถลงเกี่ยวกับเรื่องโทรศัพท์ของแตงโม เปิดเผยว่า แม่ยอมรับส่งมือถือแตงโมให้ "บังแจ็ค" ทางไปรษณีย์ ปลายทางเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา คุณแม่เป็นคนจัดการด้วยตัวเองทั้งสิ้น ซึ่งก่อนหน้านี้บังแจ็คติดต่อคุณแม่บ่อย จนกลายเป็นเพื่อนสนิท

364181

ซึ่งแม่แตงโมก็เกิดความทุกข์ใจเกี่ยวกับเรื่องการตายของแตงโม ซึ่งในระหว่างนั้นบังแจ็คก็ติดต่อเข้ามา รวมถึงอ้างว่ามีพยานหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าแตงโมถูกฆ่าตายเป็นคดีฆาตกรรม คุณแม่จึงหลงเชื่อว่าจะคุ้ยข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคดีแตงโมได้ ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าส่งไปเมื่อไร แต่น่าจะเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน

807343

เมื่อถามว่าจุดประสงค์ของบังแจ็คที่บอกแม่แค่ต้องการจะไปหาความจริง หรือบอกแม่ก่อนว่าจะเอาข้อมูลมาโพสต์เฟซบุ๊ก ทนายเดชาตอบเรื่องนี้ว่า "เท่าที่คุณแม่แตงโมได้ให้ข้อมูลมาว่า บังแจ็คบอกคุณแม่ว่าจะค้นหาพยานหลักฐานมาช่วยคุณแม่ คุณแม่เลยหลงเชื่อ เลยส่งมือถือแตงโมไป

804485

เฟซบุ๊ก "ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ" โพสต์ข้อความถึงความเคลื่อนไหวในคดีของแตงโม ระบุว่า

"แม่แบบไหนกันครับ ที่สามารถขายมือถือของลูกสาวให้กับมิจฉาชีพที่มีคดีมากมายในไทย โดยให้เครดิตคนๆนั้น บอกสังคมว่าอย่าไปว่าเลย แม่เห็นเขาเป็นคนดีเพราะเขาพูดเพราะ จนทำให้ข้อมูลส่วนตัว ของลูกสาวที่เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมแสนเศร้า ต้องหลุดออกไปอย่างไม่น่าให้อภัย ชาตินี้ก็พอนะครับ อย่าขอไปถึงชาติหน้าเลย สงสารน้องแตงโม"

311932

นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เปิดเผยว่า กรณีการโพสต์ข้อความดังกล่าว ตนเองก็ต้องการที่จะสอบถามกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และอยากจะรู้ว่าแม่คิดอะไรอยู่หรือแม่กำลังเป็นอะไรอยู่ เพราะวันนี้มีโซเชียลฯ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นหลายประเด็น แต่พูดลักษณะประโยคคล้ายกัน ดังนั้นก็คงเป็นการขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแม่ เพราะการที่แม่เอาโทรศัพท์ไปให้ใคร ก็เสมือนเป็นมรดกหรือทรัพย์ที่แม่ได้มา แม่สามารถที่จะกระทำการใดก็ได้ แต่เพียงแค่เป็นการส่งผิดไปให้มิจฉาชีพที่มีคดีความมากมายเท่านั้น คนดังกล่าวก็ไม่ได้มีความน่าเชื่อถือ แต่กลับกลายเป็นการนำภาพที่ไม่เหมาะสม หรือเป็นการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับคนตาย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสำนวนคดี แต่เป็นคลิปและภาพที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นก็ถือว่าเป็นการส่งข้อมูลบางอย่างไปให้ผิดมือ ผิดคน

หลังจากนี้ก็เชื่อว่าแม่จะไม่มีการเอาผิดใคร ตำรวจก็จะมีการออกโรงดำเนินการแทน และจะมีการดำเนินการกับกระบวนการทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้ก็คงจะได้เห็นการทำงานของตำรวจ และที่สำคัญหากบังแจ็คหรือบุคคลที่ได้มือถือแล้วนำไปเผยแพร่ มีการซัดทอด หรือมีการพาดพิงถึงบุคคลที่เอามือถือไปให้ เช่นมีการกล่าวถึงตัวแม่ ก็อาจจะกลายเป็นมีความผิดเรื่องการสนับสนุนทำให้เกิดการกระทำผิด รวมทั้งอาจจะมีความผิดเรื่องของการนำเข้าสู่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ก็ขึ้นอยู่กับว่าบุคคลที่ได้มือถือเครื่องนั้นไปจะมีการซัดทอดหรือไม่

กรณีการแถลงข่าวของทนายเดชาในวันนี้ ตนเองก็ได้ติดตามรับฟัง และก็ได้มีการติดต่อพูดคุยกันมาโดยตลอด ซึ่งก็รู้ว่ามีการส่งมือถือไปให้กับใคร ตัวเองถึงกล้าที่จะออกมายืนยันว่ามีการกระทำอย่างเป็นกระบวนการ แต่สิ่งที่เพิ่งจะรู้เพิ่มเติม ก็คือเรื่องเงินที่มีค่าต่างตอบแทนเกิดขึ้น แต่ถามว่าในมุมของคนเป็นแม่ที่เป็นเจ้าของมรดกหรือทรัพย์สิน ถ้าหากมองโดยทั่วไปก็ไม่ได้มีความผิด เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำได้ แต่สิ่งที่มันผิดก็คือการที่มือถือตกไปอยู่ในมือของมิจฉาชีพ

อย่างไรก็ตาม สำหรับบุคคลที่อ้างว่า มีข้อมูลเด็จ มีข้อมูลสำคัญ มีข้อมูลที่จะเอาผิดบุคคลบนเรือว่าเป็นคดีฆาตกรรมนั้น ส่วนตัวก็เชื่อมาโดยตลอดว่าคดีนี้ไม่ปกติ และพยายามหาคำตอบ แต่ในเมื่อมีคนออกมาพูดแล้วว่ามีข้อมูลเด็ด ตนเองก็อยากจะแนะนำให้นำมาเปิดเผยว่าอะไรคือฆาตกรรม ทำให้สังคมเข้าใจและร่วมรับรู้ไปพร้อมกัน ไม่ใช่นำไปลงแต่สื่อออนไลน์และในช่องของตัวเอง เป็นการหวังเพียงยอดไลก์ และแนวทางที่สามารถจะทำได้แม้ว่าจะอยู่ในชั้นของอัยการแล้วก็ตาม คือให้นำข้อมูลทั้งหมดไปมอบให้กับแม่ พร้อมกับแต่งตั้งทนาย แล้วมีการดำเนินการเปิดหลักฐานสำคัญที่เรามองว่าเป็นฆาตกรรม ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป แต่ถ้าหากในตอนนี้ไม่ทำอะไร แล้วอัยการไม่ได้มีการสั่งให้สอบเพิ่ม แต่กลับกลายเป็นการสั่งฟ้อง ตามสำนวนที่ตำรวจมีการส่งไปก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าไม่สามารถกระทำการอะไรได้ เนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอก็เสมือนตำรวจ ดังนั้นในเมื่อผ่านขั้นตอนของตำรวจไปแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะย้อนกลับไปจุดเดิมได้ สิ่งที่จะทำได้ตอนนี้คือนำข้อมูลมาเปิดเผย หรือนำไปให้กับแม่นางสาวแตงโม ตั้งทนายความ แล้วดำเนินการให้คลายข้อสงสัยว่าไม่ใช่ประมาทแต่เป็นฆาตกรรม

228673

ส่วนกรณีเรื่องของความสัมพันธ์ ระหว่างทนายเดชา กลับแม่ของนางสาวแตงโม ส่วนตัวก็เชื่อว่าแม้จะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หรือแม้แต่เมื่อวานนี้มีการโยนกันไปมาว่ามือถืออยู่กับใคร จนกระทั่งความจริงปรากฏว่ามือถือมีการส่งไปให้ใครบางคนที่ต่างประเทศ เรื่องที่เกิดขึ้นก็เชื่อว่าอาจจะไม่เกิดจากความสั่นคลอน ระหว่างแม่กับทนายเดชา เพราะทนายเดชาก็ถือว่าร่วมดำเนินการทางคดีจับแม่มา และทนายเดชาก็รู้อะไรในหลายเรื่อง ส่วนแม่ก็รู้ดีว่าทนายเดชาเป็นผู้ที่กุมความลับเอาไว้หลายอย่าง ดังนั้นก็เชื่อว่ายังคงต้องพึ่งพากันต่อไปในฐานะทนายความและลูกความ แต่หากหลังจากนี้ แม้จะมีการเปลี่ยนในเรื่องของความ โดยแม่เชื่อว่าเป็นฆาตกรรม ส่วนทนายเดชาก็ยังเชื่อมั่นว่าเป็นเรื่องของการประมาท แต่สุดท้ายเมื่อลูกความมีความคิดที่เปลี่ยนไปเป็นเรื่องของฆาตกรรม ตัวของทนายเดชาก็ต้องมีการหาความจริง และหาข้อมูลให้กับแม่นางสาวแตงโมต่อไปในฐานะทนายความ

 

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส