วันที่ 25 พ.ค. 65 นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของแม่แตงโม ได้ออกมาแถลงเกี่ยวกับเรื่องโทรศัพท์ของแตงโม เปิดเผยว่า แม่ยอมรับส่งมือถือแตงโมให้ "บังแจ็ค" ทางไปรษณีย์ ปลายทางเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา คุณแม่เป็นคนจัดการด้วยตัวเองทั้งสิ้น ซึ่งก่อนหน้านี้บังแจ็คติดต่อคุณแม่บ่อย จนกลายเป็นเพื่อนสนิท
ซึ่งแม่แตงโมก็เกิดความทุกข์ใจเกี่ยวกับเรื่องการตายของแตงโม ซึ่งในระหว่างนั้นบังแจ็คก็ติดต่อเข้ามา รวมถึงอ้างว่ามีพยานหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าแตงโมถูกฆ่าตายเป็นคดีฆาตกรรม คุณแม่จึงหลงเชื่อว่าจะคุ้ยข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคดีแตงโมได้ ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าส่งไปเมื่อไร แต่น่าจะเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน โดยมีค่าส่ง 2,000 กว่าบาท
ทนายเดชา ยังบอกอีกว่า กรณีเรื่องการซื้อโทรศัพท์แตงโมในราคา 300,000 จริงหรือไม่นั้น ตนยังไม่ได้ถามถึงว่าซื้อจริงหรือไม่เพราะแม่แตงโมไม่ได้พูด ยังไม่ชัดว่าได้อะไรตอบแทนหรือไม่ บอกเพียงว่าหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรีมาแล้ว แม่เองก็อยากจะรู้ว่าในมือถือแตงโมมีอะไรบ้าง อยากค้นหาความจริงว่าลูกสาวเสียชีวิตจากอะไร หรือตายจากการถูกฆาตกรรมจริงหรือไม่
แต่คุณแม่เปิดมือถือแตงโมไม่เป็น จึงได้ไปติดต่อ บริษัท แอปเปิลประเทศไทย ให้เปิดให้และกู้ข้อมูล กู้ภาพต่าง ๆ ทั้งภาพปกติและภาพลับการแต่งกายที่ไม่เหมาะ แต่บริษัทแอปเปิลไม่สามารถดำเนินการให้ได้ ขณะเดียวกันแม่ก็ไม่ไว้วางใจบริษัท แอปเปิล รวมถึงไปหลงเชื่อบังแจ็คว่าสามารถดำเนินการได้ จะกู้ภาพได้ และสามารถหาสาเหตุการตายแตงโมได้ว่าเป็นคดีฆาตกรรม
เมื่อถามว่าจุดประสงค์ของบังแจ็คที่บอกแม่แค่ต้องการจะไปหาความจริง หรือบอกแม่ก่อนว่าจะเอาข้อมูลมาโพสต์เฟซบุ๊ก ทนายเดชาตอบเรื่องนี้ว่า "เท่าที่คุณแม่แตงโมได้ให้ข้อมูลมาว่า บังแจ็คบอกคุณแม่ว่าจะค้นหาพยานหลักฐานมาช่วยคุณแม่ คุณแม่เลยหลงเชื่อ เลยส่งมือถือแตงโมไป ส่วนเรื่องใครไปจ่ายค่าโทรศัพท์แตงโมนั้น ยังไม่มีข้อมูล"
บังแจ็ค หรือ นายราชา ไฮเดอร์ เปิดเผยในรายการทุบโต๊ะข่าวว่า ตนได้โทรศัพท์ของแตงโมมาไม่ถึง 1 สัปดาห์ แต่ที่ตอนแรกไม่กล้าเปิดเผย เพราะกลัวว่าโทรศัพท์จะไม่ปลอดภัย เมื่อได้มือถือแล้วตนก็บอกแม่แตงโมว่าควรบอกกับสื่อฯ ซึ่งการได้มานั้นไม่มีการโอนเงินเกิดขึ้น ตนไม่ได้ให้ 300,000 บาทตามที่เป็นกระแสข่าว
ก่อนหน้าที่แม่ของแตงโมได้รับโทรศัพท์มาจากตำรวจ ได้โทรศัพท์มาหาตนบอกว่าจะไปรับหลักฐานโทรศัพท์และสิ่งของอื่น ๆ สร้อย ต่างหูที่โรงพัก แม่บอกว่าเครียดที่ได้รับจดหมายจากกระติก อีกทั้งแม่ใช้โทรศัพท์ไม่เป็น และมีข้อความในโทรศัพท์เขียนว่า "ว่ามามึงว่าอะไรไอกระติก" แม่บอกว่าอยากได้ข้อมูลจึงจะส่งโทรศัพท์ไปที่ศูนย์แอปเปิลประเทศไทย แต่ไม่ไว้ใจ จึงคุยกันตนแล้วจะส่งมาให้ตรวจสอบแทน
ทั้งนี้ ทนายเดชารับรู้มาโดยตลอด แต่บอกแม่ของแตงโมว่าอย่าไปใส่ใจในหลักฐานในโทรศัพท์ ตนคิดว่าทนายเดชารับรู้ว่าแม่จะส่งโทรศัพท์มาให้ตน แม่แตงโมบอกตนอีกว่าหลัง ๆ ทนายเดชาไม่ค่อยใส่ใจคดีแตงโม แต่ใส่ใจคดีของตัวเองที่จะไปฟ้องคนโน่นคนนี้มากกว่า
นอกจากนี้ มีช่วงที่ตนโทรวิดีโอคอลไปหากระติกแล้วเปิดภาพไม่เหมาะสมของแตงโม ตนมองว่ากระติกผิดที่ปล่อยให้มีการถ่ายภาพกลางวงสื่อได้ อีกทั้งภาพไม่เหมาะสมนั้นมีของกระติกด้วย ยืนยันได้ว่าไม่ได้แค่มีการเที่ยวบนเรืออย่างเดียว ทุกการกระทำของตนมีการขออนุญาตแม่แตงโมแล้ว รวมถึงภาพที่ไม่เหมาะสมนั้น แม่ของแตงโมเห็นมาก่อนทั้งหมดแล้ว แม่บอกว่า "โอเค ให้กระติกรับรู้เลย" เพราะกระติกก็เป็นผู้หญิงและสนิทกับแตงโมมาเป็น 10 ปีแล้ว ก็คงเคยเห็นมากกว่านี้อยู่แล้ว
ส่วนในโทรศัพท์ของแตงโม มีภาพที่ตนกู้กลับคืนมาได้ 35,500 กว่าภาพ และมีที่ค้างไว้ที่ 10,000 กว่าภาพ และมีภาพ 100,000 กว่าภาพทั้งหมดในไอคลานด์ ส่วนบนเรือที่ถ่ายไว้มีทั้งหมด 1,000-1,5000 ภาพเท่านั้น ส่วนภาพท้ายเรือของแตงโมเป็นภาพสุดท้ายที่เครื่องของแตงโมถ่ายไว้ นอกจากนี้ ภาพบนเพจเฟซบุ๊กปลอมมีการตัดต่อบ้าง ยืนยันว่าไม่ใช่ตนเอง
