จากกรณีทีมข่าวได้รับการประสานจากนายบุญ (นามสมมติ) พ่อของเด็กชายนนท์ อายุ 14 ปี โดยมีการส่งภาพบางช่วงบางตอนของคลิปวงจรปิด เห็นว่ามีการเข้าควบคุมตัวเด็กผู้ชาย ลักษณะผอม แต่จากเหตุการณ์ดังกล่าวเหมือนมีตำรวจ 3 นาย เข้าทำการระงับเหตุ
โดยภาพที่เห็นจะมีลักษณะคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการทำร้ายร่างกายเด็กชายคนดังกล่าว ก่อนที่จะให้ลุกขึ้นและไปนั่งลงอยู่บริเวณท้ายรถกระบะบริเวณถนน โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 เม.ย.65 เวลาประมาณ 01.00 น. ในพื้นที่อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี
ล่าสุด วันที่ 22 พ.ค. 65 ทีมข่าวได้เดินทางมาที่ จ.สิงห์บุรี เเละได้พบกับนางจิ (นามสมมติ) อายุ 57 ปี เเม่ของน้องนนท์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น แต่ลูกชายก็ได้เล่าให้ฟังว่าลูกไม่ผิด คืนวันเกืดเหตุเเค่เพียงไปส่งเพื่อนเท่านั้น ที่สภ.ค่ายบางระจัน เเต่พอกลับมากับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ก็เจอตำรวจขับรถไล่ เเต่ด้วยความที่ลูกชายไม่ได้สวมเเมสก์ หมวกกันน็อก เเละไม่มีใบขับขี่ จึงได้ขับรถหนีตำรวจไป เพราะกลัวตำตรวจจะยึดรถ
เเต่สุดท้ายลูกชายก็ถูกตำรวจคุมตัว โดยที่ไม่ได้พูดคุยอะไร ก็กระชากคอเสื้อน้องลงจากรถเเละรุมทำร้ายร่างกาย ก่อนจะเอาตัวเด็กขึ้นรถไป เเละทำร้ายร่างกายเด็กในรถอีก เมื่อพามาที่โรงพัก ก็ให้เหตุผลว่าจับรถเเต่ง ไม่มีใบขับขี่ เเละพ.ร.บ.
แต่ถ้าตำรวจโทรหาตน ตนก็จะได้เอาเอกสารทุกอย่างไปให้ดู ซึ่งสุดท้ายเเล้วตำรวจก็ปล่อยตัวลูกชาย ก่อนโทรหาให้เพื่อนไปรับกลับบ้านเพื่อน เเละพาไปหาหมอ จนเพื่อนส่งคลิปวงจรปิดมาให้ตนดู พอตนโทรไปถามลูกชาย ก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นอะไร บอกเเต่ว่าอยู่โรงพยาบาลเเล้ว มีบาดแผลรอยเเตกที่ปาก รอยช้ำที่หน้าท้อง
ในวันที่ได้ไปเจอตัวตำรวจคู่กรณี ตนก็ได้สอบถามถึงสาเหตุที่ต้องทำร้ายร่างกายลูกชายของตน เเต่เขาก็ไม่ตอบ ตนยืนยันว่า หากลูกชายของตนผิดจริง มีการขับรถเเต่ง หรือท่อดัง ตนก็จะยอมเสียค่าปรับให้ เเต่ทำไมจะต้องทำร้ายร่างกายลูกชายตนด้วย โดยที่ไม่โทรหาผู้ปกครองของเด็ก ตนเองก็ไม่ทราบว่าตอนนั้น ตำรวจรู้หรือไม่ว่าเด็กอายุเเค่ 14 ปีเท่านั้น
เเต่หลังจากที่ได้มีการพูดคุยกับตำรวจคู่กรณี ก็อยากจะให้ยอมความ เเละจะให้เงินจำนวน 30,000 บาทเพื่อจบเรื่อง เเต่ตนไม่ยอมรับเงิน
นางจิ เปิดเผยต่ออีกว่า ตอนนี้ลูกชายของตัวเองอยู่ที่ จ.หนองบัวลำภู ซึ่งตนเป็นคนส่งลูกไปเอง เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 12 พ.ค.65 เวลาประมาณ 22.00 น. ได้มีเพื่อนโทรมาหาลูกชายของตน บอกน้ำมันรถหมดให้ออกไปช่วยถีบรถ ตนก็พยายามห้ามลูกชายไม่ให้ออกจากบ้านตอนดึกเเล้ว เเต่ลูกไม่ฟัง บอกว่าไปไม่ไกล
พอลูกชายกลับมาถึงห้อง ก็บอกว่าถูกหลอกให้ออกไปข้างนอก เพื่อลวงไปกระทืบ ซึ่งถามจากเพื่อนของลูกชายว่าใครเป็นคนสั่ง ก็ไม่ยอมบอก บอกเเค่ว่า "หากหลอกน้องนนท์ออกไปไม่ได้ ก็จะโดนกระทืบเเทน" ตนเห็นว่าลูกชายไม่ปลอดภัยเเล้ว วันที่ 13 พ.ค.65 จึงได้ให้สามีพาลูกชายไปอยู่ที่ บ้านญาติที่ จ.หนองบัวลำภู
ส่วนตำรวจคู่กรณี ก็ควรจะเเสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ตนได้คุยกับผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรค่ายบางระจันเเล้ว ท่านเองก็บอกว่าตำรวจแบบนี้จะปล่อยไว้ไม่ได้ จะจัดการลูกน้องให้
ด้านคนเห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย.65 ช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ตนนอนหลับอยู่ได้ยินเสียงรถเบรกดังมาก เเละได้ยืนเสียงรถ จยย. ขับหนีอะไรสักอย่าง ตนจึงชะโงกออกไปดู ก็เห็นว่ามีรถ จยย.กำลังขับหนีรถกระบะตำรวจ มีการขับมาจากทาง สภ.ค่ายบางระจัน มุ่งหน้าไปทางตัวเมือง ก่อน รถ จยย.จะขับวนรอบคลองน้ำ 3 รอบ ก่อนจะขับออกมาจากถนนใหญ่โดยมีรถตำรวจไล่ตาม ก่อนรถ จยย.จะไปจอดหน้าร้านขายเเบตเตอรี่ เเละพูดกับตำรวจว่า “ยอมเเล้ว” ซึ่งประโยคนี้ตนได้ยินเองกับหู เเละเด็กก็ไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนีเเล้ว ตนเห็นท่าไม่ดี จึงเปิดประตูออกไปถ่ายคลิป เเต่ไม่เห็นตอนทำร้ายร่างกายเพราะรถกระบะบังไว้ พอตำรวจเห็นว่าตนกำลังถ่ายคลิป ซึ่งตนตั้งใจให้เห็นเพื่อที่จะได้หยุดทำร้ายเด็ก
พ.ต.อ.จอมพล รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สภ.ค่ายบางระจัน ให้ข้อมูลถึงกรณีที่เกิดขึ้น คุณพ่อของเด็กได้เข้ามาเเจ้งความไว้ที่ สภ.ค่ายบางระจันเเล้วว่าลูกชายถูกตำรวจ 3 นายทำร้ายร่างกาย หลังจากนั้นก็ได้ให้พรักงานสอบสวนสอบปากคำพ่อของเด็ก ต่อมามีการพาตัวเด็กชายไปที่อัยการจังหวัดสิงห์บุรี เพื่อสอบปากคำร่วมกับนักสังคมสงเคราะห์เเละสหวิชาชีพ ก่อนจะมีการส่งตัวเด็กไปตรวจร่างกายที่ รพ.ค่ายบางระจัน ในขณะนี้ก็ยังรอผลใบเเพทย์อยู่
ส่วนตำรวจทั้ง 3 นาย ยืนยันว่าเป็นตำรวจของ สภ.ค่ายบางระจัน จริงเเละได้มีการเรียกตัวจตำรวจทั้ง 3 นาย มาเขียนรายงานชี้เเจง เเละบันทึกคำให้การเเล้ว เเละจะมีการส่งให้กับคณะกรรมการป้องกันเเละปรามปราบการทุจริตแห่งชาติเพื่อตรวจสอบต่อไป
เเต่จากคำให้การของตำรวจทั้ง 3 นาย เผยว่า มีการควบคุมตัวของเด็กชายไว้จริง เนื่องจากมีการขับรถออกตรวจในช่วงเวลา 01.00 น. ก็พบวัยรุ่น 2 คน ขับขี่รถจยย. จึงได้เรียกให้หยุดเพื่อตรวจค้น เเต่วัยรุ่นกลับขับรถหลบหนี อยู่นานประมาณ 10 นาที ซึ่งตอนนั้น ไม่ทราบว่าเป็นเยาวชน โดยในที่สุดตำรวจสามารถควบคุมตัวไว้ได้ ก่อนจะตรวจยึดรถ จยย. ซึ่งในวันรุ่งขึ้น พ่อเเม่เด็กก็ได้นำหลักฐานเอกสารรถมาเเสดงเพื่อนำรถกลับไป โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นายยืนยันว่าไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเด็กเเต่อย่างใด แค่ทำตามยุทธวิธีในการควบคุมตัวเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่ได้มีการเเจ้งข้อหาใดกับตำรวจทั้ง 3 นาย เพราะจะต้องรอผลใบเเพทย์ตรวจร่างกายเด็ก รวมถึงรอผลการตรวจสอบจาก ป.ป.ช.ก่อน