เปิดใจ!เหยื่อตร.ตีนโหดถูกทืบกระอักเลือด คาดผวากระสุนร่วงเลยตกใจ เจอภาพลับชุดสืบเก็บกล้อง (คลิป)

21 พ.ค. 65

จากกรณี 3 วัยรุ่นขี่รถ จยย. มาขอความช่วยเหลือจากตำรวจสามพราน หลังถูกคู่อริไล่ทำร้าย กลับถูกจับใส่กุญแจมือ บังคับให้ถอดเสื้อ แถมใช้เท้ากระทืบหัว เตะ ถอดเข็มขัดฟาด ทำเหมือนกับไม่ใช่คน เหยียดหยามความเป็นมนุษย์

423657

จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของคืนวันที่ 30 เม.ย.65 ที่ผ่านมา บริเวณหน้าหมู่บ้านพฤกษาวิลล์ 44 ถนนนบรมราชชนนี ต.บางเตย อ.สามพราน จ.นครปฐม

945673

ล่าสุด บก.ภ.จว.นครปฐม ได้มีคำสั่งให้ ร.ต.อ.ไชยะพจน์ พร้อม ส.ต.ต.พนาดร ช่างเขียน ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ปฎิบัติการป้องกันปราบปราม สภ.สามพราน หยุดปฏิบัติหน้าที่ และไปประจำ ศปก.ภ.จว.นครปฐม โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งออกคำสั่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ในขณะเดียวกัน สภ.สามพราน ติดตามตรวจสอบ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

662634

วันที่ 21 พ.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ย้อนกลับไปที่หมู่บ้านที่เกิดเหตุ มีการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุ ซึ่งปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิดมุมกว้าง จะเห็นสายตรวจ 20 มีลักษณะขับมา ระยะไกล และมีการเปิดสัญญาณไฟสีแดง แต่เมื่อมาถึงบริเวณหน้าหมู่บ้านที่เกิดเหตุ เจอกับรถมอเตอร์ไซค์ของกลุ่มผู้เสียหาย มีพฤติกรรมการเรียกตรวจก่อนที่จะมีการขอให้ถอดเสื้อหาอาวุธ แล้วมีการทำร้ายร่างกายตามที่ปรากฏ โดยที่เด็กไม่ได้มีการต่อสู้

423835

จากนั้น กล้องวงจรปิดจับภาพรถสายตรวจเข้ามาสมทบเพิ่มเติม แต่เป็นเหตุการณ์หลังจากที่มีการทำร้ายร่างกายกลุ่มวัยรุ่นไปแล้ว และจะมีรถของสายสืบสีส้มเข้ามาสมทบ แล้วจะใช้เวลาอยู่สักระยะในการตรวจสอบ ทั้งรถมอเตอร์ไซค์ และเด็กที่นอนคว่ำอยู่บนพื้น ก่อนที่จะมีการเชิญตัวไปที่โรงพัก

508729

ด้านนายไอซ์ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ผู้เสียหาย เปิดใจว่า ในวันนั้นกลุ่มของตนเองตั้งใจที่จะเดินทางเข้าไปที่ปิ่นเกล้าเพื่อไปทำธุระ โดยไม่ได้มีเจตนาที่จะไปมีเรื่องใคร แต่ระหว่างทางที่มีการขับรถผ่านที่หมู่บ้านจุดเกิดเหตุ มีกลุ่มวัยรุ่นจอดรถดักรอ 4 คน และเมื่อผ่านไปได้ไม่ถึง 10 เมตร มีวัยรุ่นอีก 10 คนขับมาดักรอด้านหน้า ระหว่างที่มีการเจรจาก่อนที่จะเริ่มมีเรื่อง นายบีมตะโกนบอกกับกลุ่มที่ไม่รู้จักว่าไม่อยากมีเรื่อง แต่ก็ถูกเข้าประชิดตัวเพื่อเริ่มก่อเหตุ ทำให้ตนเองตัดสินใจบอกกับนายบีและนายเก้า ให้รีบขับรถเข้าไปที่เลนนอก เพื่อย้อนศรหนีเอาตัวรอด

220485

แต่ระหว่างนั้นขับไปไม่ถึง 100 เมตร เจอรถสายตรวจขับผ่านมาตนเองก็เป็นคนที่โบกและขอความช่วยเหลือจากตำรวจ "ช่วยด้วยครับพี่พวกผมโดนไล่แทง" แต่ระหว่างนั้นตำรวจลงจากรถสั่งให้กลุ่มของตนเองยกมือขึ้น แล้วก็เข้ามาใส่กุญแจมือ จากนั้นก็เริ่มมีการตรวจค้น และถอดสายเข็มขัดของตนเองออก ส่วนนายบีมที่มีอาวุธปืนซ่อนอยู่ในกางเกงใน หลังจากที่มีการถอดเข็มขัดออกทำให้กางเกงหลวม ลูกกระสุนปืนจึงหล่นลงมาบนพื้น ตำรวจจึงสั่งหมอบและหาอาวุธปืน ซึ่งตนเองก็เพิ่งรู้ว่านายบีมมีการพกอาวุธปืนมาด้วยตอนนั้นเหมือนกัน

868452

หลังจากที่ถูกตำรวจคุมตัวแล้ว ตนเองก็ได้สอบถามนายบีมว่าทำไมถึงพกอาวุธปืน นายบีมเปิดใจว่าก่อนหน้านี้เวลาที่ขับรถเข้ากรุงเทพก็มักจะถูกดักทำร้าย จึงได้มีการพกอาวุธปืนเป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่คิดว่าจะถูกจับ การพกอาวุธปืนก็เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองแต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะเอาไปก่อเหตุ ดังนั้นตนเองจึงยืนยันว่าในวันนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายบีมมีการพกอาวุธปืนไปด้วย

ภายหลังถูกนำตัวไปที่โรงพัก ตนเองถูกทำร้ายจนกระทั่งจุกอก ประกอบกับเริ่มกระอักเป็นเลือด ตำรวจจึงส่งตัวไปโรงพยาบาล เมื่อไปถึงตำรวจได้บอกกับตัวเอง ให้แจ้งกับทางพยาบาลว่าโดนกลุ่มวัยรุ่นทำร้าย และอาการกระอักเลือดอาจเกิดจากการดื่มน้ำท่อมเกินขนาด แต่ตนเองก็ไม่ได้พูดตามที่ตำรวจแนะนำ บอกกับพยาบาลเหมือนเดิมว่าถูกตำรวจกระทืบ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับน้ำกระท่อมหรือยาเสพติด เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็พยายามเล่าความจริงให้พ่อแม่ฟัง ซึ่งทุกคนก็ได้แต่รับรู้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐาน และไม่กล้าที่จะออกมาเปิดเผยแล้วสู้กับตำรวจ จึงยอมที่จะปล่อยให้เรื่องเงียบ จนกระทั่งเมื่อช่วงวานนี้มีสื่อเริ่มนำคลิปมาเผยแพร่ ตนเองก็ขอบคุณสำหรับพลเมืองดีและสื่อที่มีการนำเสนอข้อเท็จจริง จนทำให้กลุ่มของตนเองได้รับความเป็นธรรม

590301

นายเก้า อายุ 17 ปี ผู้เสียหาย และเป็นคนที่ถูกกลุ่มอริไม่ทราบฝ่ายทำร้ายร่างกาย ถูกแทงเข้าที่แขนขวา แต่ลักษณะแทงไม่เข้าเป็นรอยพกช้ำ เปิดเผยว่า ในคืนวันเกิดเหตุหลังจากที่ออกจากหอพักของแฟนรุ่นพี่ คือ นายบีม อายุ 20 ปี กลุ่มของตนเองก็ตั้งใจที่จะเดินทางเข้าไปในกรุงเทพฯ ในพื้นที่ปิ่นเกล้า แต่ระหว่างทางเลยจากหน้าหมู่บ้าน จุดที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้าย ห่างไม่ถึง 100 เมตร มีกลุ่มวัยรุ่น 4 คน ลักษณะดักรอเพื่อจะหาเรื่อง ในตอนนั้นกลุ่มของตนเองก็ตัดสินใจหยุดรถ เพื่อที่จะสอบถามแต่กลับกลายว่าฝั่งของวัยรุ่นที่ดักรอกำลังหาเรื่อง ในตอนนั้นก็ไม่ได้อยากจะมีเรื่องอะไรกับกลุ่มดังกล่า วเพราะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว และไม่รู้จักกันมาก่อน จึงได้ตัดสินใจที่จะเลี้ยวรถเพื่อที่จะมุ่งหน้าต่อเข้ากรุงเทพฯ แต่จังหวะนั้นกลุ่มวัยรุ่นเข้ามาเพิ่มอีกจำนวน 10 คน ลักษณะปิดหัวปิดท้ายไม่ให้ขับไปต่อ

นายบีมตัดสินใจที่จะตะโกนบอกว่า ”ไม่อยากมีเรื่อง” แต่ก็ถูกกลุ่มที่ไม่รู้จักเริ่มใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกาย โดยตนเองถูกแทงเข้าที่แขนขวาแต่โชคดีที่แทงไม่เข้า มีแค่รอยช้ำ ส่วนด้านหลังก็ถูกมีดฟันแต่ก็ไม่เข้าอีกเช่นเดียวกัน ทำให้ในตอนนั้นทุกคนจึงกระโดดขึ้นรถเพื่อที่จะขับย้อนศรหนีเอาตัวรอด สุดท้ายไปเจอกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังขับรถมา จึงได้ไปขอความช่วยเหลือ และถูกทำร้ายอย่างที่ปรากฏอยู่ตามคลิป อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยืนยันว่าในวันนั้นทุกคนตั้งใจที่จะไปทำธุระ ไม่ได้ที่จะไปมีเรื่องอะไรกับใคร ส่วนเรื่องของการพกอาวุธปืนของนายบีม ทุกคนก็มารู้พร้อมกันในตอนที่ถูกจับ แต่ก็เชื่อว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้ตั้งใจจะมีเรื่องกับใคร เพราะถ้าหากตั้งใจไปมีเรื่องก็คงใช้อาวุธปืนก่อเหตุไปแล้ว

546894

ทีมข่าวได้มีการลงพื้นที่ย้อนกลับไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณจุดที่กลุ่มผู้เสียหายให้การว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้าย จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด คืนวันที่ 30 เม.ย. 65 เวลาประมาณ 01.05 น. กล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุจับภาพรถกลุ่มมอเตอร์ไซค์แว้น ซึ่งคาดว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามของกลุ่มวัยรุ่นผู้เสียหาย ขับลักษณะขับแข่งกัน จำนวน 9 คัน ขับมุ่งหน้าไปที่หน้ามหาวิทยาลัยมหิดล

จากนั้นเวลาประมาณ 01.07 น. จะเห็นว่ารถมอเตอร์ไซค์ของวัยรุ่น 3 คน ที่เป็นผู้เสียหายขับนำคันแรก ทิ้งระยะห่างประมาณ 20 เมตร จากนั้นมีกลุ่มวัยรุ่นคาดว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามขับประกบด้านหลังตามมาติดอีก 4 คัน

815826

เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้เดินทางมาร่วมติดตามการประชุม เกี่ยวกับสรุปความคืบหน้า ใช้เวลาการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะต้องมีการว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย โดยเฉพาะการกระทำผิดที่เค้าขายเรื่องของโทษอาญา และโทษทางวินัย ซึ่งตอนนี้หากมีการสอบปากคำผู้เสียหายครบถ้วนแล้ว ก็สามารถที่จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาตามการกระทำผิดของตำรวจได้ แต่ถ้าหากพบว่าเป็นการกระทำผิดร้ายแรง ก็อาจถึงขั้นพ้นจากราชการ ซึ่งการกระทำทั้งหมด ยังคงยืนยันว่า ในฐานะผู้บังคับบัญชา รู้สึกต่อการกระทำของตำรวจนายดังกล่าว แต่เบื้องต้นได้รับคำสั่งจากทางด้านของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าหากพบการกระทำผิด ที่เปรียบเสมือนนิ้วไม่ดีหากพบนิ้วไหนก็ให้ตัดทิ้ง ดังนั้นก็ยืนยันว่ายังคงให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

สำหรับยุทธวิธีการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่ปรากฏอยู่ในคลิปวงจรปิดนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ยุทธวิธีที่ถูกต้อง การที่ให้ผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหานอนเพื่อรับการตรวจสอบบนพื้นถือว่าเป็นวิธีการปกติ แต่การทำร้ายร่างกายโดยการกระทืบหรือใช้ความรุนแรงนั้นไม่เคยถูกฝึก ฉะนั้นจึงจะมีการป้องปราม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้น

144598

พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.จว.นครปฐม กล่าวว่า ยอมรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจากการกระทำได้มีการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดแล้ว มีบางส่วนที่เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย โดยหนึ่งในนั้นคือตำรวจที่กำลังจะเกษียณ แต่ที่ผ่านมาได้มีการกำชับเป็นอย่างดี เรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งเรื่องของระเบียบการตรวจค้นและการกระทำต่อผู้ต้องสงสัย ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะปรากฏเป็นเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น หลังจากที่มีคลิปถูกเผยแพร่ ส่วนตัวก็ได้มีการสั่งย้ายให้ขาดจากโรงพักเดิม และให้มีการดำเนินการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ส่วนเรื่องของการจะทำผิดนั้นก็ให้ว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนเรื่องของระเบียบวินัย และการปฏิบัติหน้าที่ หากพบการกระทำผิดก็ต้องให้ออกจากราชการ รวมทั้งตำรวจที่กำลังจะเกษียณก็อาจจะไม่ได้รับบำนาญ และส่วนตัวอยากจะขอโทษสังคมต่อภาพที่ไม่เหมาะสม ซึ่งยังคงยืนยันว่าตำรวจยังคงเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน และส่วนใดที่ผิดพลาดก็ขอยอมรับต่อการกระทำ

ส่วนข้อเท็จจริง ทราบว่าในวันนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการออกตรวจ และได้รับแจ้งเกี่ยวกับการกวดขันเรื่องเด็กแว้น เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมักจะมีเด็กแว้นมาประลองความเร็วกันบ่อยครั้ง แต่เมื่อทราบว่ามีวัยรุ่นขับรถผิดกฎการจราจรโดยการย้อนศร จึงได้มีการทำการขอตรวจ จนกระทั่งพบว่ามีเรื่องของอาวุธ แต่การกระทำก็อาจจะไม่เหมาะสมจริง เพราะมีคลิปที่ปรากฏเห็นชัด โดยหลังจากนี้ ก็จะต้องมีการสอบปากคำกลุ่มของผู้เสียหาย พร้อมกับตั้งข้อกล่าวหาสำหรับผู้ที่กระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นฝั่งของผู้เสียหายหรือฝั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยจะไม่มีการละเว้น และสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ฝากขอโทษสังคม แต่ก็ยังยืนยันว่าตำรวจเป็นคนยึดมั่นเพื่อดูแลและบริการประชาชน สำหรับตำรวจ 2 นายที่มีการกระทำผิด ตอนนี้ก็ได้มีการเรียกสอบเพิ่มเติม เพื่อที่จะมีการเอาผิดในข้อหาเรื่องของการทำร้ายร่างกาย ตอนนี้ก็ไม่ได้มีการหลบหนี ซึ่งอยู่ในการดูแลของชุดสอบสวน

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ชมชวิณ กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 เม.ย. และทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายเดินทางเข้าไปเพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดล่วงหน้า แต่ไม่ได้มีการรายงาน เบื้องต้นทราบจากทางโรงพักต้นสังกัดว่ามีการเข้าไปดำเนินการตรวจสอบเพื่อที่จะดูเกี่ยวกับการจะทำผิด เพราะรับแจ้งว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายประชาชน แต่เพียงแค่อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบ แต่เมื่อปรากฏเป็นคลิปสู่โลกออนไลน์จึงได้มีคำสั่งเพื่อที่จะดำเนินการโดยทันที และการเข้าไปของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวก็ได้รับคำยืนยันจากทางผู้กำกับ สภ.สามพราน ว่ามีการส่งให้ชุดสืบสวนเข้าไปทำการตรวจสอบจริง และยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการเข้าไปทำลายหลักฐานหรือเป็นการลบข้อมูล เป็นเพียงไปนำหลักฐานออกมาทำการตรวจสอบเพื่อยืนยันการกระทำผิดเท่านั้น

193785

ทีมข่าวยังได้จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม เห็นกล้องบริเวณภายในห้องนิติบุคคลของหมู่บ้าน โดยกล้องตัวดังกล่าว จับภาพได้ในวันที่ 3 พ.ค. 65 เวลา 17.07 น. ซึ่งจะมีญาติของฝั่งผู้เสียหายจำนวน 3 คน เดินทางมาพร้อมกับใบแจ้งความ จากนั้นก็ได้เข้าไปติดต่อกับทางนิติบุคคล เพื่อที่จะขอดูกล้องวงจรปิดชุมวันเกิดเหตุ ทางนิติได้รับเรื่องและมีการประสานงานกับทางคณะกรรมการนิติเพื่อขออนุญาต จากนั้นจึงจะส่งไฟล์ให้ครอบครัวภายหลัง

และกล้องวงจรปิด วันที่ 7 พ.ค. 13.45 น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 3 นาย ได้เดินทางเข้าไปที่นิติบุคคล เผื่อไปแสดงตัว แล้วขอตรวจสอบกล้องวงจรปิด โดยอ้างกับทางนิติบุคคลว่า ขอดูกล้องวงจรปิดช่วงระหว่างวันที่ 29 เม.ย. - 1 พ.ค. เพื่อที่จะมีการตรวจสอบเกี่ยวกับการกระทำเรื่องเด็กแว้น ตำรวจมีการแสดงบัตรว่าเป็นชุดสืบจากตำรวจสามพราน และที่สำคัญกลัองวงจรปิด สามารถจับเสียงการพูดคุยได้ทั้งหมดว่า "เป็นตำรวจชุดสืบ สภ.สามพราน หากไม่มั่นใจให้ประสานโรงพักได้" และช่วงหนึ่งที่มีการเปิดดูกล้องปรากฏว่าจะได้ยินเสียงพูดแทรกว่า "โห กล้องเก็บได้ตั้ง 2 เดือน"

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส