อึ้งไอ้ปานคลั่งชิงรถสะบัดคนตาย ที่แท้เมียหนีขายฟืนเข้ากรุงตามหา ลูกเชื่อสุดตรอมใจ (คลิป)

 วันที่ 20 พ.ค. 65 สืบเนื่องจากกรณีเหตุการณ์ที่มีชายเมาคลุ้มคลั่ง ไปก่อกวนที่ร้านอาหารบุหลันดั้นเมฆ แล้วใช้ขวดเบียร์ตีศีรษะ นายนพดล พิมพ์ดี อายุ 30 ปี พนักงานร้านได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะชิงรถแท็กซี่ขณะที่คนขับจอดปัสสาวะ บริเวณปากซอยพระราม 3 ซอย 60 ถนนพระราม 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร หลบหนี โดยพนักงานร้านอาหารที่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้าย ได้กระโดดเกาะรถตามไปด้วย ก่อนที่ร่าฃจะพลัดตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ไปจอดรถบนสะพานพระราม 3 แล้วกระโดดลงแม่น้ำเจ้าพระยา และได้รับการช่วยเหลือถูกนำส่งโรงพยาบาลตำรวจในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือ นายปาน กรวิรัตน์ อายุ 39 ปี เป็นคนในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการกระโดดลงมาจากสะพาน ซึ่งตำรวจได้อายัดตัวไว้ดำเนินคดี จ่อฟัน 2 ข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และทำร้ายร่างกายผู้อื่น

ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเกิดของ นายปาน กรวิรัตน์ ชายคลั่งคนดังกล่าวในพื้นที่ ม.1 ต.บ้านเขือง อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด โดยทันทีที่ทีมข่าวเดินทางไปถึง ได้มีโอกาสเจอกับทางด้าน น้องเกษ หรือ น.ส.เกษรินทร์ กรวิวัตน์ ลูกสาวของนายปาน คนก่อเหตุ โดยทางเจ้าตัวได้เปิดใจทั้งน้ำตา พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องต้นวันที่ 12 พ.ค. ทางด้านคุณพ่อได้ไปร่วมสังสรรค์ที่งานศพของญาติในหมู่บ้าน และไก้มีการดื่มสุราไป พอกลับมาถึงบ้านทำให้พ่อเองมีอาการเมา ประจวบกับเครียดเรื่องงาน เลยทะเลาะกับทางเเม่

ก่อนที่รุ่งเช้าของวันที่ 13 พ.ค. แม่ของตนได้หนีไปอยู่บ้านญาติ แต่ไม่ทราบว่าที่ไหน พ่อกับตนก็เลยพยายามตามหาแต่ก็ไม่เจอ ทางพ่อบอกว่าเขาอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแม่ เลยตัดสินใจไปขายฟีนที่ในตัวเมือง เพื่อหาเงินค่ารถเพื่อจะนั่งรถโดยสารไปตามหาแม่ที่บ้านญาติในกรุงเทพฯ ในวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งตนเป็นคนไปส่งพ่อที่ บขส. ก่อนจะให้เงินตนเองไว้ 3,000 บาท บอกว่าไว้เป็นค่าไปโรงเรียน

กระทั่งช่วงบ่ายของวันที่ 18 พ.ค. ก่อนเหิดเหตุ ทางพ่อของตนได้โทรมาลักษณะคล้ายฝากฝั่งประมาณว่า "ตั้งใจเรียนนะลูก พ่ออยากเห็นลูกใส่ชุดพยาบาลมารักษาและดูแลพ่อ ลูกอยากได้อะไรลูกบอกพ่อนะ" ก่อนที่พ่อจะตัดสายไป ซึ่งในตอนนั้นตนเองไม่ได้คิดว่ามันคือลางสังหรณ์ เพราะปกติตนกับพ่อจะคุยแบบนี้กันเป็นปกติอยู่แล้ว เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากความเครียดสะสมของพ่อ ประจวบกับอาการเมาสุรา และเรื่องของยาเสพติด เลยทำให้เกิดการอาละวาด ซึ่งก่อหน้านี้พ่อก็เคยอาละวาดแบบนี้มาแล้วในหมู่บ้าน แต่ไม่ได้อาละวาดทำร้ายคนอื่น จะลงที่แม่เป็นหลัก

"เสียใจที่พ่อทำแบบนี้ ตนเองไม่คิดว่าพ่อจะคิดสั้น วินาทีที่ทราบข่าวตนเองตกใจ ยิ่งตอนนี้ทราบว่าพ่อเองเข้าห้องไอซียู อาการสาหัสก็ยิ่งอดเป็นห่วงไม่ได้ หนำซ้ำตนเองก็ไม่มีเงินหรือมีญาติที่ยะไปเยี่ยมพ่อ ในใจอยากจะเจอหน้าพ่อและอยากไปดูแลพ่อ แต่ทำได้แค่ติดตามทางข่าว ขณะที่ในส่วนของสังคมที่โจมตีหาว่าพ่อของตนเป็นต้นเหตุทำให้คนอื่นเสียชีวิต ในส่วนนี้ตนอยากจะขอโทษและแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ในใจตอนนั้นพ่อเองก็คงไม่อยากให้เกิดเรื่องราวดังกล่าว แต่ด้วยความเครียดและอาการคลั่งเลยทำให้พ่อทำไปโดยไม่คิด"

นางละออ ญาตินายปาน เปิดใจว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากที่ทางนายปานทะเลาะกับทางภรรยา ก่อนที่ทางภรรยาจะหนีออกไปอยู่บ้านญาติ แต่ทางนายปานเข้าใจผิดคืดว่าหนีไปหาญาติที่กรุงเทพฯ เลยนั่งรถโดยสายไปตาม แต่พอไปถึงกลับไม่เจอ ประจวบกับทางญาติของภรรยาที่กรุงเทพฯ เองก็ได้ให้ค่ารถกลับมา 500 บาท บอกให้เขากลับบ้าน แต่ทางนายปานไม่รู้คิดอะไรถึงได้ตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว ทางครอบครัวและญาติก็รู้สึกผิด หลังมาทราบว่าเขาเองเป็นคนก่อเหตุ ทำให้มีคนเสียชีวิต ตนเองก็อยากขอโทษ และแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย

ตนอยากจะบอกว่าจริง ๆ แล้วทางนายปานเคยมีอาการป่วยสมัยเด็ก ทำให้สมองไม่ดี ประจวบกับเขาเองมักจะดื่มเหล้า แล้วเวลาเมาจะอาละวาดเดินทั่วหมู่บ้าน ตะโกนด่า แต่ไม่เคยทำร้ายใคร จะมีเเค่ไปลงกับทางภรรยาเขา ถามว่าตอนนี้อาการน่าเป็นห่วง ตนเองก็อดห่วงไม่ได้ รวมไปถึงพ่อของนายปานเอง ตอนนี้ถึงขั้นจะเอาที่นาไปจำนอง เพื่อต้องการหาค่ารถไปเยี่ยมลูก