วันที่ 16 พ.ค. 65 หลังจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมนายเฉลิมพล หงษ์ยนต์ ประธานสมาคมกู้ภัยทางน้ำกาญจนบุรี ภาค 7 และพร้อมทีมนักประดาน้ำ ลงดำน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเก็บข้อมูล 3 จุด ในคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม” เริ่มดำน้ำตั้งแต่ช่วงเวลา 10.30 น. ที่ผ่านมา
การทำงานเริ่มต้นเวลา 10.30 น. นักประดาน้ำ เริ่มด้วยการใช้เครื่องซาวน์เดอร์ สแกนผิวน้ำ วางทุ่น และส่งชุดประดาน้ำจำนวน 2 คน ลงดำน้ำค้นหาวัตถุใต้น้ำ และใช้ท่อพีวีซีเก็บตัวอย่างชั้นดิน ทราย เลนโคลน หินใต้น้ำ
จากนั้นได้ใช้เครื่องสแกนวัตถุใต้น้ำทำการสแกนเก็บข้อมูลใต้ผิวน้ำ ล่าสุดเวลา 12.00 น. ได้กำเนินการเสร็จสิ้น โดยใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงในการเก็บหลักฐาน
การเก็บข้อมูลใต้น้ำที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งจะมีการลงดำน้ำเก็บข้อมูล 3 จุด โดยจุดแรก เป็นจุดที่คาดว่าแตงโมตกเรือ จุดที่สองเป็นจุดที่พบศพ และจุดที่สาม เป็นจุดที่นายอัจฉริยะคาดว่าจะเป็นจุดที่แตงโมตกเรือจริง ๆ
เนื่องจากพบคนบนเรือไปจอดเทียบที่ท่าทราย ทำการเคาะทราย ทั้งนี้ ลักษณะการทำงานเป็นการลงไปถ่ายรูปใต้น้ำ และเก็บตัวอย่างทั้งทราย ดินเลน และขี้โคลน โนใช้เครื่องแสกนตรวจดูโลหะและอาวุธต่าง ๆ โดยจะมีการนำมาวิเคราะห์ว่าเกี่ยวข้องหรือไม่
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ทีมนักประดาน้ำที่มาในวันนี้เป็นทีมที่มีประสบการณ์ และเคยผ่านการผ่านการปฏิบัติภารกิจที่ถ้ำหลวงมาแล้ว สิ่งที่ต้องการเจอในวันนี้คือ ผ้าขาวของแตงโม แก้ว และโดยเฉพาะมีดพับที่ต้องสงสัย ซึ่งจะใช้นำมาเป็นหลักฐานในการตรวจ DNA ด้วย
ทั้งนี้ จุดสำคัญของวันนี้ในการตรวจสอบ คือจุดที่ 3 บริเวณท่าทราย ที่คาดว่าจะเป็นจุดที่ตนเองคาดว่าแตงโมตกเรือ เนื่องจากเป็นจุดที่กล้องวงจรปิดปรากฏภาพคนบนเรือแวะที่ท่าทรายแห่งนี้ เพื่อเก็บหลักฐานให้กับ DSI โดยจะมีการไปมอบให้ในวันที่ 18 พ.ค. นี้
โดยคาดหวังว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอธิบดี DSI จะเห็นจะเห็นความตั้งใจของตน และทีมงาน ที่อยากให้มีการรับเป็นไว้เป็นคดีพิเศษ และนับหนึ่งใหม่ในการพิสูจน์หาการฆาตรกรรมอำพราง
นายเฉลิมพล หงษ์ยนต์ ประธานสมาคมกู้ภัยทางน้ำกาญจนบุรี ภาค 7 และพร้อมทีมนักประดาน้ำ ลงดำน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเก็บข้อมูล 3 จุด นายเฉลิมพล กล่าวว่า การเก็บข้อมูลใต้น้ำที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของแตงโมซึ่งจะมีการลงดำน้ำเก็บข้อมูล 3 จุด จุดที่คาดว่าแตงโมตกเรือ จุดที่เป็นจุดที่พบศพ และจุดเที่นายอัจฉริยะคาดว่าจะเป็นจุดที่แตงโมตกเรือจริง ใช้อุปกรณ์หลักได้แก่ ท่อ PVC เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เก็บตั้งแต่ชั้นทราย ชั้นหิน ชั้นเลน ชั้นโคลน โดยจะเป็นลักษณะจองการแทงลงไปในชั้นดินที่กล่าวข้างต้น โดนจะเก็บทั้ง 3 จุ
นอกจากนี้มีอุปกรณ์ที่ใช้วัดความลึก หรือซาวเดอร์โซนาร์ ตรวจสภาพน้ำ อุณหภูมิของน้ำ จะอ่านค่าเป็นสามมิติ โดยจะเป็นเป็นการสแกนจากผิวน้ำลงไป ซึ่งมีความละเอียดจะมีการวางแผนว่าแต่ละจุดมีความลึกเท่าไรจากนั้นจะทิ้งทุ่นลงไป ซึ่งอุปกรณ์ชนิดนี้สามารถสแกนโลหะใต้น้ำลึกได้ถึง 60 เมตร หากเจอโลหะจะหยิบขึ้นมาทุกชิ้น และวิเคราะห์ว่าสิ่งที่เจอคาดว่าน่าจะตกน้ำตั้งแต่เมื่อไร มีลักษณะอย่างไร สามารถใช้เป็นอาวุธได้หรือไม่
นอกจากนี้ ในส่วนของน้ำตื้นจะใช้ตัวโซนาร์ ลงสแกนโลหะอีกเครื่อง ซึ่งจะมาสามารถแยกประเภทโลหะได้ ซึ่งจะมีการอ่านค่าเป็นตัวเลข เช่น ถ้าเป็นเหล็ก ตัวเลขจะขึ้นที่อยู่ 50 ซึ่งเครื่องดังกล่าวนี้จะวัดน้ำลึกได้แค่ 5 เมตร และย้ำว่าวัตถุที่พบได้น้ำวันนี้ไม่ว่าจะเป็นผ้า หรือลักษณะโลหะใด ๆ จะนำมาวิเคราะห์ทั้งหมด
โดยภายหลังปฏิบัติกทรค้นหาหลักฐาน นายอัจฉริยะให้สัมภาษณ์ว่าการเก็บข้อมูลวันนี้ พิสูจน์ได้ว่าจุดที่ตำรวจคาดแตงโมตกเรือ ที่คิดว่าอาจจะมีโคลน กลับมีแต่ทราย และพบว่าน้ำลึกถึง 15 เมตร และผิวทรายหนากว่า 1 ฟุต ซึ่งเป็นไปไม่ได้ว่าจะเป็นจุดที่แตงโมตกเรือ เช่นเดียวกับจุดที่ 2 ห่างท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ระยะ 160 เมตร การเก็บตัวอย่างก็พบแต่ทราย และน้ำมีความลึกตั้งแต่ 17-19 เมตร
ส่วนจุดที่ 3 เป็นจุดสำคัญ ที่จะนำหลักฐานมอบให้ รมว.ยุติธรรม และ DSI เพราะพบว่าจุดนี้ไม่มีทราย พบเพียงโคลนและน้ำตื้นที่สุด ซึ่งมีความลึกประมาณ 7 เมตรเท่านั้น จึงคาดการว่าจุดนี้เป็นจุดที่แตงโมตกเรือ เพราะสอดคล้องกับที่ผลการชันสูตรศพว่าพบโคลนในปอดของแตงโม อีกทั้งมีภาพหลักฐานกล้องวงจรปิดบริษัทเอกชนว่ามีผู้ต้องสงสัยผ่านม่าเทียบเรือที่ท่าทรายและจอดเรือบริเวณนี้
สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ถือเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เพราะพบหลักฐานสำคัญตามที่กล่าวข้างต้น ส่วนหลักฐานอื่น ๆ ที่เป็นวัตถุ เช่น มีดพับ K2 ตามที่แพทย์ศัลยกรรมออกมาพูด และสาธิตรอยบาดแผลกับหมู มีความใกล้เคียงกับแผลที่บริเวณต้นขาขวาของแตงโม รวมถึงมีการสาธิตควงมีด เปรียบเทียบกับหนึ่งในคนบนเรือ ถือมีดลักษณะเดียวกันอยู่บนเรือ ซึ่งเป็นการกระทำเหมือนกัน และแม้ว่าจะไม่พบพยานหลักฐานขิ้นนี้ แต่เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องค้นหาความจริง
ส่วนผ้าขาวของแตงโม มีรายงานวว่าพบที่ท่าช้าง จากพยานบุคคลที่เก็บได้ เชื่อว่าผ้าชิ้นนี้ลอยมาจากที่เกิดเหตุ ซึ่งพยานจะมาพบตน และนำข้อมูลส่วนนี้นำส่งให้ DSI เช่นเดียวกัน ส่วนกรณีอัยการนนท์ ออกมาให้ข้อมูลมีบุคคลส่งคล้ายหมายศาล และคาดว่าไม่ใช่เอกสารจริงจะเป็นการแอบอ้าง ตนยืนยันว่าจะไม่เดินทางไปพบอัยการนนท์ และขอให้ทำคดีอย่างซื่อสัตย์
ขณะเดียวกันทางด้าน "สิตางศุ์ บัวทอง" เดินทางเข้ามาให้กำลังใจทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยนักประดาน้ำ เปิดเผยว่า ตนเองเดินทางมาให้กำลังทีมงานทุกคนที่มาร่วมช่วยเหลือในการค้นหาหลักฐานต่าง ๆ ให้กับแตงโม โดยตนเองเต็มใจที่จะมาร่วมให้กำลังใจ ซึ่งถ้าตนเองว่างก็มาไม่ว่างก็จะลัดคิวงานมาทันที
ซึ่งวันนี้ตนเองขอไม่พูดถึงภารกิจเจ้าหน้าที่ลงพื้นมี่ตรวจสอบในแม่น้ำเจ้าพระยาวันนี้ แต่ขอย้อนพูดถึงเรื่องคดีแตงโม ที่ตนเองไม่มีความคาดหวังอะไรทั้งสิ้น ตนเองหมดความเชื่อถือ แต่ตอนนี้เหลือหน่วยงานกรมสอบสวนพิเศษ หรือ DSI ที่ตนเองหวังไว้ว่าจะต้องมีความคืบหน้ามากขึ้น ซึ่งทราบดีว่าวันนี้นักประดาน้ำต้องดำน้ำลงไป ลงไปมุดนำเอาทรายมาตรวจสอบ มีความยากลำบาก ซึ่งตนเองระบุว่าทรายในมือทุกคนรู้ ไม่มีใครกำทรายใต้น้ำอย่างแน่นอน
ตอนนี้ตนเองอยากจะให้กำลังใจทีมนักประดาน้ำที่มาในวันนี้เป็นทีมที่มีประสบการณ์ และเคยผ่านการผ่านการปฏิบัติภารกิจที่ถ้ำหลวงมาแล้ว ตนเองก็ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ ขอบคุณที่ประเทศนี้มีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม, นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ เต้ 007 ที่ได้ช่วยติดตามค้นหาความจริงให้กับแตงโม ตอนนี้ไม่ว่า ผลจะเป็นอย่างไรตนเองไม่รู้เช่นกัน ไม่ได้หลับ อดหลับอดนอนมานาน แต่ตนเองก็ไม่หยุดที่จะตามหาความจริง