ตำรวจออกหมายเรียกสาวรับเงินโอน 3 แสน หลังหายตัวเงียบคืนแค่บางส่วน

16 พ.ค. 65

สาวชาวบุรีรัมย์รับเงินโอนร่วม 300,000 บาท หายตัวเงียบ เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียก ด้านเจ้าของวอนมาเจรจา ไม่อยากให้เป็นคดี ขอเพียงแค่คืนเงิน

วันที่ 16 พ.ค.65 จากกรณี น.ส.วิราวรรณ ชวดพงษ์ อายุ 40 ปี อยู่เลขที่9/229 หมู่3 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ร้องผู้สื่อข่าวว่าได้โอนเงินร่วม 3 แสนบาทผิดบัญชี เงินไปเข้าบัญชีของหญิงสาวชาวจังหวัดบุรีรัมย์และต้องลำบากเพราะติดต่อประสานงานกับธนาคารทั้งใช้วิธีโทรผ่านคอลเซ็นเตอร์

และไปติดต่อธนาคารสาขา แต่กลับโยนกันไปมาสุดท้ายได้แค่รับเรื่องไว้ไม่มีการอายัดเงินไว้ให้ได้ ต้องวิ่งหาสืบสวนข้อมูลเองจนสามารถได้เงินกลับคืนมา 160,000 บาทที่เหลือสาวเจ้าของบัญชีปลายทางบอก "หมดแล้วยอมติดคุก"

หลังจากปรากฏเป็นข่าวและมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 142 ม.8 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านของน.ส.เสาวณีย์ อายุ 44 ปี เจ้าของบัญชีที่มีเงินโอนเข้าพบว่า บ้านยังปิดเงียบเหมือนเดิมมีเพียงนายบุญชู อายุ 52 ปี สามีของ น.ส.เสาวณีย์ อยู่ภายในบ้าน เมื่อผู้สื่อข่าวเคาะประตูบ้านสามีนางเสาวณีย์ได้ออกมาจากบ้านแต่ไม่ยอมพูดกับผู้สื่อข่าวตอบสั้นๆ ว่า "ภรรยาได้หนีไปอยู่ในเมืองแล้ว" ไม่สามารถติดต่อได้แล้วล็อคประตูบ้านเดินหนีออกจากผู้สื่อข่าวไป

นางสุวรรณา วรรณโฆษิต อายุ 50 ปี แม่ค้าขายของชำในหมู่บ้านซึ่งอยู่ติดกับบ้านของน.ส.เสาวณีย์เล่าว่า ปกติไม่ค่อยเห็นหน้านานๆ จะมาซื้อของ ไม่ค่อยมาสุงสิงกับใครรู้เพียงว่าทำงานอยู่ในห้างชื่อดังแห่งหนึ่งที่มีสาขาทั่วจังหวัดบุรีรัมย์

ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2565 เวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สภ.เมืองสมุทรสาคร โดยได้พบกับนางสาววิราวรรณ ชวดพงษ์ ซึ่งเป็นผู้เสียหายในกรณีที่โอนเงินผิดบัญชีไปยังนางเสาวณีย์ ขอสงวนนามสกุล

ภายหลังจากที่นางสาววิราวรรณ และสามีเดินทางมาเข้าพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการออกหมายเรียกตัวนางสาวเสาวณีย์ พร้อมกับจัดเป็นเอกสารส่งไปยังบุคคลดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะช้าหรือเร็วนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่สามารถระบุได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของเอกสารที่จะไปถึงมือผู้รับ แต่ถ้าจะให้เร็วกว่านี้คือตนจะต้องเดินทางเพื่อนำเอกสารไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ด้วยตัวเอง ซึ่งตนนั้นก็ไม่สะดวกจึงมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจแม้อาจจะต้องใช้ระยะเวลานานสักหน่อยแต่ก็พร้อมที่จะรอ ขอเพียงให้มีความคืบหน้าทางคดีก็เพียงพอแล้ว

นางสาววิราวรรณ กล่าวอีกว่าสำหรับส่วนตัวนั้นยังยืนยันคำเดิมคือเพียงแค่ต้องการเงินคืนเท่านั้น ไม่ต้องการให้เป็นคดีความแต่อย่างใดทั้งสิ้น หากคู่กรณีติดต่อขอเจรจาตนเองก็พร้อมที่จะเจรจาเพื่อให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี จากยอดเงินที่โอนผิดบัญชีจำนวนทั้งหมด 293,439 บาท ตอนนี้ได้คืนกลับมาแล้วรวม 160,000 ยังคงค้างอีกจำนวน 133,439 บาทอีกทั้งยังต้องการให้ทางธนาคารฯ มาเจรจาพูดคุยกันบ้างไม่ใช่ทำเหมือนไม่สนใจลูกค้าเลย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-แม่ค้าโอนเงินผิดเกือบ 3 แสน คนรับเอาไปใช้เพลิน คืนให้ไม่ครบขอยอมติดคุก

-สาวโอนเงินผิด 3 แสน เจอเจ้าของบัญชีแอบกดใช้

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส