สาวตาลายโอน 3 แสนผิดบัญชีแบงก์เมินช่วย คนรับถอนซื้อทองอ้างผัวเงินขายที่ (คลิป)

15 พ.ค. 65

จากกรณีแม่ค้าชาวสมุทรสาคร โอนเงินผิดเกือบ 3 แสนบาทไปเข้าบัญชีสาวที่ จ.บุรีรัมย์ ติดต่อทั้งคอลเซ็นเตอร์ธนาคารและสาขา แต่โยนกันไปมา จึงต้องทำตัวเป็นนักสืบเอง พบเงินถูกโอนไปหลายบัญชีตามมาได้ 1.6 แสนบาท ที่เหลือโดนบล็อกเบอร์ จึงอยากให้ธนาคารเอาไปเป็นกรณีศึกษานั้น

366309

วันที่ 15 พ.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ เดินทางไปยังหมู่ 3 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พบกับ น.ส.วรรณ ชวดพงษ์ อายุ 40 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า กรณีที่เกิดขึ้นเริ่มจากตนได้โอนเงินผิดบัญชีเงินไปเข้าบัญชีของหญิงสาวรายหนึ่ง ชาว จ.บุรีรัมย์ แต่ต้องลำบากวิ่งหาสืบสวนเอง เพราะไม่สามารถพึ่งธนาคารให้อายัดเงินไว้ให้ได

207002

เหตุเริ่มจากตนประกอบธุรกิจร้านขายส่งหมูหมักอยู่ภายในพิ้นที่ จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 28 เม.ย.65 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 08.30น. ตนได้ใช้แอปธนาคารโอนเงินค่าเนื้อหมูให้กับคู่ค้าที่เพิ่งค้าขายด้วยกันเป็นครั้งแรก จำนวน 293,439 บาท แต่หลังโอนเงิน ได้ส่งสลิปไปให้คู่ค้าดูกลับได้รับคำตอบว่าใบสลิปไม่ใช่ชื่อของลูกค้าที่ทำการซื้อขายสินค้ากัน เมื่อมาตรวจสอบหมายเลขบัญชีจึงพบว่า ตัวเองกดเลขผิดจากเลข 1 เป็นเลข 7 แล้วเงินไปเข้าบัญชีของ น.ส.วณีย์ จึงรู้ว่าโอนเงินผิด

หลังทราบเรื่องจึงให้สามีซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีเดินทางไปที่ธนาคารในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ทันที ส่วนตนก็รีบติดต่อไปหาคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารโดยคอลเซ็นเตอร์ ระบุว่าไม่สามารถอายัดบัญชีได้ เพราะไม่มีหน้าที่โดยตรงจึงจะต้องไปที่ธนาคารสาขา แต่ทางสามีที่ เดินทางไปธนาคาร ก็ได้โทรศัพท์แจ้งตนว่าธนาคารแจ้งว่าต้องติดต่อคอลเซ็นเตอร์ เพราะรวดเร็วกว่า และให้ไปแจ้งความเอาหลักฐานมายืนยันกับธนาคาร โยนกันไปมา

609944

จากนั้น เวลาล่วงเลยไปถึง 11.03 น. ตนจึงได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อเอาหลักฐานไปแจ้งธนาคาร ให้ช่วยอายัดบัญชีไว้ก่อน แต่ธนาคารให้กลับไปแก้ไขเวลาการแจ้งความกับทางตำรวจอีก เพราะเวลาที่โอนเป็น 08.30 น. แต่เวลาแจ้งความเป็นเวลา 11.03 น. ต้องแก้ให้เป็น 08.30 น. เป็นเวลาแจ้ง ตนก็พยายามทำตามเงื่อนไงแต่สุดท้ายกลับได้รับคำตอบจากธนาคารสาขาว่าไม่สามารถอายัดได้ เพราะจะต้องส่งเรื่องไปที่สำนักงานใหญ่ก่อนตามขั้นตอน ขณะนั้นตนรู้สึกว่าไม่ทันการ จึงให้ทีมงานค้นหาเฟชบุ๊กไปบุคคลตามชื่อของบัญชีปลายทางรับเงิน พบชื่อแต่ไปขอแอดเป็นเพื่อน แต่ไม่รับแอด จากนั้นได้ให้ทีมงานระดมค้นหาบุคคลที่เกี่ยวข้องใกล้ชิด จนกระทั่งไปพบญาติพี่น้องของ น.ส.วณีย์ หลายคนต่อมาได้เบอร์โทรของ น.ส.วณีย์ มาแล้วโทรหาติดแต่เจ้าตัวไม่ยอมรับว่าเป็นผู้ได้เงินไป ก่อนตัดสายทิ้งแล้วปิดเครื่องหนี

820830

จากนั้น ตนสามารถติดต่อลูกสาวของ น.ส.วณีย์ ได้ ก่อนยอมรับว่า น.ส.วณีย์ ผู้เป็นแม่ ได้โอนเงินให้จำนวน 50,000 บาท เอาไปปิดค่างวดรถ 20,000 บาท เหลือเงิน 30,000 บาท จึงขอโอนให้ก่อน ที่เหลือจะผ่อนชำระให้ตนก็ยอม จากนั้นมาทราบต่ออีกว่า น.ส.วณีย์ ยังเอาเงินไปซื้อทองน้ำหนัก 1 บาท และซื้อรถมอเตอร์ไซค์อีก 1 คัน ตนจึงติดต่อตำรวจให้ไปประสานร้านทอง ซึ่งทางร้านทองยอมโอนเงินคืนให้ 30,000 บาท หลังจากตำรวจไปเอาทองจาก น.ส.วณีย์ มาคืนให้ร้านทอง รวมทั้งหมดที่ น.ส.วณีย์ โยกย้ายเงินและไปซื้อสินค้าได้เงินคืนมาแล้ว 160,000 บาท หลังจากตนเอาไปแชร์ในเพจศูนย์แจ้งข่าวบุรีรัมย์ เจ้าตัวโทรกลับมาหาบอกจะโอนเงินคืนให้ 55,000 บาท ที่เหลือจะขอผ่อนชำระ ตนก็ยอมอีก

356674

แต่สุดท้ายเมื่อโทรไปถาม น.ส.วณีย์ กลับตอบว่าใช้เงินหมดแล้ว ที่เหลือไม่มี จะยอมติดคุกแทน สรุปตนได้เงินกลับคืนมาทั้งหมด 160,000 บาท ยังคงค้างยอดอีกจำนวน 133,439 บาท หลังจากนี้ จึงจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะได้แจ้งความเอาไว้แล้ว ความรู้สึกส่วนตัวยอมรับว่าเสียใจ เพราะมองว่า ทำไมคนเราไม่ยึดหลักศีลธรรม เงินไม่ใช่ของตัวเองก็อยากได้ จึงอยากให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าว เพราะเสมือนเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น

พร้อมทั้งอยากฝากถึงธนาคารทุกแห่งว่ากรณีดังกล่าวควรจะเร่งด่วน อย่านิ่งเฉยโยนกันไปมา หากลูกค้าธนาคารยืนยันตัวตนชัดเจน น่าจะดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพราะเป็นเรื่องที่ลูกค้าธนาคารได้รับความเดือดร้อน ควรบริการให้เหมือนที่โฆษณาของธนาคารด้วย

416754

นายบุญชู้ คำพาย อายุ 52 ปี สามีของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ที่เงินเข้าบัญชีมา จำนวน 3 แสนบาท ภรรยาก็คิดว่าเป็นเงินที่พี่สาวโอนมาให้ เนื่องจากขายที่ได้ จึงได้นำเงินไปใช้จ่ายจนหมด ทั้งซื้อทอง ซื้อมอเตอร์ไซค์ กระทั่งเวลาผ่านไป 1-2 วัน ก็มีเจ้าของเงินโทรติดต่อมาว่าโอนเงินมาผิด ซึ่งในตอนนั้นภรรยาใช้เงินจนไม่เหลือแล้ว จึงไม่มีเงินที่จะโอนคืนเขา

ล่าสุด ทางตำรวจได้เรียกไปพูดคุยแล้ว ตนก็ไม่มีเงินที่จะใช้คืน ตอนนี้ภรรยาก็รอแค่หมายศาลมา ทางตนก็จะยอมถูกดำเนินคดีตามกระบวนการ

 

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส