สาวยัวะคนจี้เลเซอร์แยงวงจรปิด บุกเคลียร์โดนทืบน่วม ข้างบ้านฉุนกล้องส่องตา (คลิป)

กรณีเพจ "อยากดังเดี๋ยวจัดให้" โพสต์คลิปวิดีโอกล้องวงจรปิด พร้อมระบุข้อความที่ได้รับร้องเรียนมาจากผู้เสียหายว่า “พี่ค่ะ เเม่หนูโดนผู้ชายทำร้าย เค้าเอาเรเซอมาส่องที่บ้าน เเร้วที่บ้านมีเเต่ผู้หญิงเคยมีเรื่องกันก่อนหน้านี้เเต่ที่บ้านเงียบมาตลอดเรยไม่เคยไปพูดยุ่งกับใคร เเร้วเคยเอามาส่องเเบบนี้ ตอน3-4ทุ่มนอนกันหมดเเร้ว เเร้วก็มารอบนี้เเม่หนูไม่ยอม เลยไปถามเค้า ก็เลยเป็นเเบบในภาพค่ะ พี่ช่วยหน่อยนะคะ ตำรวจทำอะไรไม่ได้เรย ช่วยหน่อยนะคะพี่ ที่บ้านอยุ่กับความระเเวงมาสักพักเเล้ว”

วันที่ 11 พ.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางมาที่หมู่บ้านอาภาภร อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวตั้งเรียงกัน โดยที่กำแพงกั้น ซึ่งบ้านของผู้เสียหาย และผู้ก่อเหตุตั้งอยู่ติดกัน

นางสาวอาริสา อยู่มา อายุ 45 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 18.00 น. ตนกำลังนั่งอยู่ในบ้าน เมื่อตนหันไปมองที่หน้าจอซึ่งปรากฏภาพกล้องวงจรปิด ตนก็เห็นว่านายนัฐพงษ์ เพื่อนข้างบ้านได้ส่องแสงเลเซอร์มาที่กล้อง ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้เคยส่งจนกล้องพังเสียหายมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากกล้องวงจรปิดหากมีแสงเลเซอร์แรงมากระทบ จะทำให้ตัวกล้องมีปัญหา

ตนเลยเดินออกไปกล่าวเตือนนายนัฐพงษ์ แต่อีกฝ่ายกลับพูดทำนองว่า "ยิงแล้วตำรวจจับหรอ" และกล่าวต่อว่าจนนางสาวปลา ภรรยาของนายนัฐพงษ์เดินมาบอกให้ตนเข้าบ้านไป แต่พอตนหันหลัง เจ้าตัวก็อาศัยจังหวะนั้นปรี่เข้ามาจิกหัวตบ ตนพยายามป้องกันตัว และแม่ของตนก็พยายามเข้ามาช่วย แต่นายนัฐพงษ์ก็กันไม่ให้ใครเข้ามาห้าม

ล่าสุด ตนได้แจ้งความแล้ว และเมื่อเช้านี้เพิ่งจะไปพบแพทย์เพื่อขอใบรับรองแพทย์ และหลังจากนี้จะต้องรอไปเอกซเรย์อีก เนื่องจากตนรู้สึกปวดหลังมาก ก่อนหน้านี้เพื่อนข้างบ้านพยายามจะก่อกวนบ้านของตนอยู่หลายครั้งแล้ว ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่ถูกกัน เพราะก็เป็นญาติพี่น้องกันหมด

กระทั่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ลูกหลานที่มาบ้านได้จอดรถขวางถนนจนนายนัฐพงษ์เข้ามาโวยวายให้ตนขยับรถ ทั้งที่เจ้าของรถกำลังเข้าห้องน้ำอยู่ ทำให้มีปัญหากันอยู่เรื่อยมา แต่ตนก็พยายามไม่เข้ามาวุ่นวาย ช่วงเวลาใกล้เคียงกันหลานที่เคยอยู่บ้านของตน แต่ภายหลังตนไม่ได้ให้อยู่ที่บ้าน จะไปอยู่ที่บ้านของนายนัฐพงษ์มากกว่า เพราะเมื่อก่อนแม่ของนายนัฐพงษ์เป็นคนแก่อยู่บ้านคนเดียว ได้ไปก่อเหตุขโมยของ แต่เรื่องนี้ตนยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเคยแจ้งความเรื่องที่ยิงเลเซอร์เข้ากล้องวงจรปิดไปแล้ว แต่ยังเกิดเหตุซ้ำ ตนจึงอยากจะได้รับความเป็นธรรม เพราะบ้านของตนมีแต่ผู้หญิง และเด็กที่อยู่บ้าน เกรงว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้อีก

นายนัฐพงษ์ แก้วใสแสง อายุ 47 ปี คู่กรณีที่เป็นคนยิงเลเซอร์ เผยว่า เมื่อวานนี้ตนกำลังนั่งกินข้าวอยู่หน้าบ้าน และแสงจากกล้องวงจรปิดได้สาดมาโดนตาตน ตนเลยนำเลเซอร์มายิงเข้าไปที่กล้องวงจรปิด เพราะก่อนหน้านี้เคยยิงเข้าไปแล้ว นางสาวอาริสาได้ยอมหมุนกล้องไปทางอื่น แต่หลังจากที่ยิงแสงเลเซอร์ไปนั้น นางสาวอาริสาได้เดินเข้ามาโวยวายด่าทอใส่ตนด้วยคำหยาบคาย ทั้งที่ตนมีศักดิ์เป็นพี่ชาย กระทั่งเริ่มด่าทอถึงแม่ของตน ทำให้ภรรยาของตนบันดาลโทสะปรี่เข้าไป ก่อนที่ทั้ง 2 คนจะผลัดกันตบอย่างชุลมุน

ส่วนตัวกลัวว่าคนอื่นจะโดนลูกหลงเลยเอามือกันไว้ กระทั่งเห็นว่าเริ่มบานปลายแล้ว เลยหาจังหวะเข้าไปห้าม ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตามเข้ามาระงับเหตุ และไปเจรจากันที่โรงพัก ซึ่งจากกล้องวงจรปิด หากดูดี ๆ จะเห็นว่าฝั่งของนางสาวอาริสาเป็นฝ่ายเข้ามายั่วยุทางตนก่อน ทั้งที่ภรรยาของตนพยายามบอกให้กลับไปแล้ว

ส่วนกรณีเรื่องที่จอดรถขวางหน้าบ้าน ส่วนตัวเคยเข้าไปกล่าวเตือนให้ขยับรถจริง แต่ก็พูดประมาณว่า "น้อง ๆ ขยับรถหน่อย" เพราะเห็นว่าขวางถนนทางเข้าออกซอย แต่อยู่ดี ๆ อีกฝ่ายก็พูดจาไม่ดีใส่ ทั้งนี้ ตนไม่เคยไปหาเรื่องทางผู้เสียหายมาก่อน หลังจากนี้ คงจะรอไปเจรจากันที่โรงพัก และให้ทางเจ้าหน้าที่เป็นผู้ตัดสินว่าใครถูกหรือผิดดีกว่า เพราะทุกคนเป็นญาติกัน อยากจะให้เลิกแล้วกันไป