โจ๋ 19 ทุบดับรุ่นลุงบุกบ้าน ยัวะมองหน้าถี่แฉพกค้อนบีบคอ เมียโอดแค่นี้ต้องฆ่า (คลิป)

8 พ.ค. 65

จากกรณีเมื่อช่วงเวลา 18.55 น. พ.ต.ต.อาทิตย์ แย้มกลิ่น สารวัตสอบสวน สภ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ รับแจ้งมีการทะเลาะวิวาทจนมีผู้เสียชีวิต จึงเดินทางไปยังที่เกิดเหตุอยู่ในซอยรจนา อยู่ฝั่งตรงข้าม สภ.ตาคลี ประมาณ 400 เมตร บริเวณหน้าบ้านพบศพ ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นายรัชตพันธ์ สุวรรณดี อายุ 42 ปี นอนเสียชีวิตบนพื้นปูน

232213

วันที่ 8 พ.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ ซอยรจนา ในพื้นที่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ให้เช่า 1 ชั้น ซึ่งจุดที่ผู้เสียชีวิตนอนตายอยู่บริเวณหน้าประตูบ้าน ใกล้กันพบกองไม้เก่าที่ผู้ก่อเหตุใช้ก่อเหตุนายรัชตพันธ์ ผู้เสียชีวิต

639537

นางสาวรัญชนา อายุ 18 ปี ภรรยาผู้ก่อเหตุ บอกว่า ช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. ตนกลับบ้านจากที่ทำงาน ซึ่งกำลังอุ้มลูกสาววัย 1 ขวบ นายรัชตพันธ์ ผู้เสียชีวิต ซึ่งรู้จักแค่ว่าอยู่ในซอยบ้านพี่สะใภ้ แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวและก็ไม่เคยพูดคุยกันขับรถจักรยานยนต์มาจอดบริเวณหน้าบ้าน จากนั้นตะโกนถามหาสามีของตนซึ่งอยู่ในบ้าน ขณะนั้นตนสังเกตเห็นว่าในมือของนายรัชตพันธ์ ผู้เสียชีวิตถือค้อนเข้าไปด้วย จึงรีบฝากลูกสาวไว้กับเพื่อนบ้าน และวิ่งตามเข้าไปในบ้าน

458660

จากนั้น ก็มีการโต้เถียงกัน ซึ่งนายรัชตพันธ์ ผู้เสียชีวิตก็พยายามกล่าวหาว่านายธีรยุทธ สามีของตนว่าชอบไปมองหน้าหาเรื่อง ตอนนั้นตนเห็นท่าไม่ดี จึงใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปช่วงที่มีการโต้เถียง แต่นายรัชตพันธ์ ผู้เสียชีวิตเห็นว่าตนถ่ายคลิปมือถือก็ใช้มือปัดมือถือตกพื้น แล้วพุ่งตัวเข้ามาบีบคอตน

352586

นายธีรยุทธ สามีของตนจึงวิ่งออกไปหยิบไม้บริเวณหน้าบ้าน เข้ามาตีนายรัชตพันธ์ ผู้เสียชีวิตจนหลุดออกจากตน หลังจากนั้นตนก็จำอะไรไม่ค่อยได้ เพราะยังอยู่ในอาการตกใจอย่างมาก ภายหลังที่ได้สติก็เห็นว่านายรัชตพันธ์ ผู้เสียชีวิตนอนแน่นิ่ง ถึงเข้าใจว่าเมาหมดสติ เพราะว่าได้กลิ่นเหล้าแรงมาก พอเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาถึง จึงทราบว่าเสียชีวิตแล้ว

ส่วนตัวรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน ส่วนสาเหตุที่นายรัชตพันธ์ ผู้เสียชีวิต กล่าวหาว่านายธีรยุทธ ผู้ก่อเหตุ มองหน้านั้น คาดว่าน่าจะเป็นเพราะเรื่องที่ตนต้องไปส่งลูกสาวให้พี่สะใภ้เลี้ยงก่อนไปทำงาน และไปรับกลับบ้านหลังเลิกงาน ซึ่งเส้นทางไปบ้านพี่สะใภ้ ต้องผ่านบ้านของนายรัชตพันธ์ ผู้เสียชีวิต ซึ่งก็ยืนยันได้ว่าไม่เคยมองหน้าแบบหาเรื่อง ส่วนใหญ่ขับรถผ่านบ้านก็ต้องมองข้างทางเป็นเรื่องปกติ ไม่คิดว่านายรัชตพันธ์ผู้เสียชีวิตจะเก็บเอามาคับแค้นใจจนบุกมาก่อเหตุแบบนี้

ตนยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกเครียด กลัวว่านายธีรยุทธจะถูกดำเนินคดีและติดคุก อยากขอความเห็นใจ เพราะตนมีลูกเล็กที่ต้องเลี้ยง แต่ก็รู้สึกเสียใจ อยากขอโทษญาติผู้เสียชีวิต เนื่องจากไม่คาดคิดว่าจะทำให้ถึงกับต้องมีคนตาย นาทีนั้นถ้านายธีรยุทรไม่ช่วยตนไว้ คนที่ตายอาจจะเป็นตนเอง

cg

นางสาวจิราวรรณ จวงจันทร์ อายุ 21 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต บอกว่า นายรัชตพันธ์ ผู้เสียชีวิต เป็นคนดี มีน้ำใจ ขยันทำงาน แต่ชอบดื่มสุรา เวลาเมาแล้วก็มักจะมีอารมณ์ร้อนและฉุนเฉียวง่าย แต่ก็ไม่ได้เที่ยวไปหาเรื่องใคร ถ้าไม่มีใครไปยุ่งกับเขาก่อน วันเกิดเหตุ 7 พ.ค. 65 นายรัชตพันธ์ ผู้เสียชีวิตนั่งดื่มเหล้าอยู่ใต้ถุนบ้านตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน ซึ่งตกเย็นก็มีอาการเมามาก ตนก็พาเข้าบ้านไปพักผ่อน เช็ดหน้าตา และเช็ดตัวให้ ก็คิดว่านายรัชตพันธ์น่าจะนอนพักหลับยาว จากนั้นตนได้ยินเสียงนายรัชตพันธ์สตาร์ตรถมอเตอร์ไซค์ จึงถามว่าจะไปไหน ซึ่งนายรัชตพันธ์บอกว่ามีเรื่องคาใจจะไปถามนายธรียุทธว่าทำไมชอบมองหน้า แล้วก็บิดรถมอเตอร์ไซค์ออกไปช่วงเวลาประมาณ 18.30 น.

962723

จากนั้นไม่นานก็มีคนแถวบ้านมาบอกว่านายรัชตพันธ์ไปมีเรื่องกับนายธีรยุทธ ซึ่งตนรีบเดินทางไปถึงก็พบว่านายรัชตพันธ์นอนแน่นิ่งอยู่ และทางกู้ภัยก็แจ้งว่าเสียชีวิตแล้ว ตอนนั้นตกใจ ช็อกมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรงถึงขนาดนี้ ส่วนตัวยอมรับว่านายรัชตพันธ์เป็นฝ่ายผิดที่บุกเข้าไปหาเรื่องก่อน แต่ก็ยังคงมีความคาใจว่าทำไมถึงใช้อาวุธ ถ้าจะมีเรื่องกันแค่ชกต่อยก็พอแล้ว หรือถ้าเห็นว่าเป็นคนเมา ก็น่าจะโทรแจ้งตำรวจให้มาจับตัวไป

667554

สภาพจิตใจของตนในขณะนี้ค่อนข้างที่จะย่ำแย่ ยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กะทันหันมาก ที่ไม่มีโอกาสได้พูดบอกลากัน ทั้งที่เจ้าตัวเคยให้สัญญาไว้ว่าจะอยู่เคียงข้างกันและคอยช่วยเหลือกันตลอดไป ส่วนเรื่องคดีความก็ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย เพราะส่วนสามีตนก็มีความผิด สาเหตุที่แท้จริงก็ไม่มีใครทราบว่ามีแค่เรื่องมองหน้ากันเฉย ๆ หรือไม่ แต่ส่วนตัวคาดว่าคงมีอาการเมา และมีอารมณ์คาใจถึงอยากไปเคลียร์ ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส