สืบเนื่องจากกรณี นายพงศกร จันทร์แก้ว หรือ อดีตพระกโตะ ได้ให้ข้อมูลผ่านรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 65 และมีการเผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์ เหตุเกิดเวลาประมาณ 13.45 น. โดยนายพงศกร ได้มีการพูดผ่านรายการกล่าวหาทำนองว่า ได้มีการจ่ายเงินให้นักข่าวท้องที่จำนวน 300,000 บาท หรือทำนองให้เข้าใจได้ว่าจ่ายเงินให้นักข่าวเพื่อยุติการนำเสนอประเด็นข่าวดังกล่าว และวันที่ 3 พ.ค. 65 พบว่าทิดกาโตะไปเดินห้างใน จ.สงขลา และมีสีหน้าสบายใจมากขึ้น
ล่าสุดวันที่ 3 พ.ค. 65 เวลา 09.30 น. สมาคมผู้สื่อข่าวนครศรีธรรมราช โดยนายสุเชษฐ์ แรกรุ่น นายกสมาคมผู้สื่อข่าว และนางนุชจรี แรกรุ่น อายุ 54 ปี พร้อมสมาชิกได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อขอแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ขอให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบพฤติการณ์ หากพบการกระทำเข้าข่ายความผิดที่เกี่ยวข้องขอให้มีการดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป
นางนุชจรี กล่าวว่า การมาในวันนี้มาในนามสติงเกอร์นครศรีธรรมราช หลังจากที่ทิดกาโตะพูดในรายการหนึ่ง ที่มีการให้เงิน 300,000 บาทกับสติงเกอร์ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง พวกตนจึงคิดว่าหากอยู่นิ่งเฉยคงไม่เป็นผลดี จึงได้เดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อเป็นหลักฐาน เพราะพวกคนทำข่าวนี้มาตั้งเเต่เริ่มต้น เเละทำข่าวทั้ง 2 ฝ่าย ทั้ง 2 มุม ทั้งมุมของกาโตะเเละมุมของผู้ร้อง ตนต้องออกมาแจ้งความเพื่อปกป้องภาพลักษณ์ของตน และองค์กรของตน
ซึ่งจากการตรวจสอบคนในสมาคมไม่มีใครรับเงินเเต่อย่างใด หลังจากนี้จะต้องมีการตรวจสอบกันอีกครั้ง ตนยอมรับว่าไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ยังตั้งหลักตั้งตัวไม่ค่อยทัน แต่อยากจะทำความจริงให้ปรากฏ หากมีสื่อคนไหนรับเงินก็จะต้องว่ากันไปตามกระบวนการ ตนพอจะรู้ที่มาที่ไปหลายเรื่อง ตอนนี้ก็ได้มอบหลักฐานทั้งหมดให้กับตำรวจเเล้ว
เบื้องต้น ได้มีผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับพระคนกลางเเล้ว เนื่องจากเมื่อจบรายการเเล้วก็ได้มีการโทรไปสอบถามจากต้นตอโดยตรง ซึ่งแหล่งข่าวอาจจะตั้งตัวไม่ทัน ก็มีการเล่าออกมาตามในคลิปเสียง นอกจากนี้ ยังมีการเอ่ยชื่อผู้สื่อข่าวที่เขาจะไปคุยอีกด้วย ส่วนทิดกาโตะ ตอนนี้ยังติดต่อกันไม่ได้ ส่วนพระย้อยเองก็เคยได้ติดต่อตนมาในช่วงก่อนปล่อยคลิป ตนก็ได้ขอเวลาที่จะตรวจสอบคลิปเสียงก่อน แต่ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด
จากนั้น ทีมข่าวได้เดินทางไปที่วัดแห่งหนึ่ง เพื่อมาหาพระคนกลาง แต่จากการสำรวจกุฏิจากด้านนอก พบว่าเป็นกุฏิ 2 ชั้น ไม่พบใครอยู่ในกุฏิ มีการล็อกจากภายใน เมื่อส่องดูด้านในพบพรมแบบเดียวกันกับสถานที่สึกของพระกาโตะ นอกจากนี้ยังพบว่าหน้าต่างของกุฏิมีการเปิดไว้อยู่
ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่กุฏิเจ้าอาวาสวัดที่พระดอนจำพรรษาอยู่ ซึ่งกุฏิเจ้าอาวาสจะอยู่ข้างกับกุฏิพระดอน กล้องวงจรปิดหน้ากุฏิเจ้าอาวาสตัวที่ 1 ส่องไปหากุฏิพระดอนเวลา 01.25.21 น. วันที่ 27 เม.ย. 65 พบว่าไม่มีรถยนต์จอดที่หน้ากุฏิพระดอน คาดว่าตอนนั้น พระดอนน่าจะมีการออกไปคุยเรื่องเงิน 300,000 บาท ที่บ้านของสื่อมวลชนรายหนึ่ง
กล้องวงจรปิดหน้ากุฏิเจ้าอาวาสตัวที่ 2 ส่องไปหากุฏิพระดอนเวลา 01.53.48 น. พบว่ามีรถยนต์มาจอดหน้ากุฏิพระดอน ซึ่งคาดว่า น่าจะกลับจากคุยธุระเรื่องเงิน ที่บ้านของสื่อมวลชนแล้ว โดยรถยนต์คันที่จอดหน้ากุฏิพระดอนในวงจรปิด ทีมข่าวก็ได้ข้อมูลจากเจ้าอาวาสว่าเป็นรถที่พระดอนใช้ไปกิจนิมนต์ และจะมีคนขับรถไปด้วยเกือบทุกครั้ง
จากการสอบถามพระครูเจ้าอาวาสวัด ทราบว่า ตั้งเเต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนยังไม่ได้ยินเสียงพระรูปดังกล่าวเลย จึงไม่รู้ว่าพระรูปนี้ไปที่ใด หรืออยู่ที่วัดหรือไม่ โดยในวันที่ 30 เม.ย. 65 พระกาโตะมาสึกที่วัดแห่งนี้นั้น ตนเองก็ไม่ทราบว่ามีการมาสึก เพราะในวันนั้นตนไม่อยู่ที่วัด ไม่ทราบว่ามีการมาใช้สถานที่
