จากกรณีคนร้ายชาย 2 คน แต่งกายคล้ายชุดทหารร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนยาว 1 กระบอก และปืนสั้น 1 กระบอก ใช้รถยนต์กระบะบุกปล้นร้านทองใหญ่ .opพื้นที่ ต.ป่าสัก อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน ได้ทองไป 8 ถาด เมื่อเวลา 09.30 น. ของวันที่ 24 เม.ย.65
รายงานล่าสุด พบรถต้องสงสัยที่ใช้ก่อเหตุและคนร้ายหลบอยู่ในบ้านเลขที่ 1 ม. 9 ต.ป่าสัก อ.เมือง จ.ลำพูน เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด หลังสืบทราบผู้ต้องสงสัยแอบเข้าไปกลบที่โรงงานดังกล่าว ชุดปฏิบัติการพิเศษภาค 5 จึงเข้าปิดล้อม แต่กลับไม่พบตัวคนร้าย พบเพียงทองของกลาง 8 ถาด พร้อมอาวุธปืนอยู่ในห้องพักคนงาน ส่วนคนร้ายคาดว่าใช้กระบะหลบหนี
ล่าสุด ทีมข่าวเดินทางมายังห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าว พบตำรวจพิสูจน์หลักฐาน กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ก่อนกั้นทีมข่าวออกจากพื้นที่ เพื่อความปลอดภัย
จากนั้น ได้รับรายงานว่า คนร้ายได้ติดต่อญาติขอเข้ามอบตัวแล้ว ทราบชื่อคือ นายยงยุทธ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทรับซื้อขยะรีไซเคิล ตำรวจอยู่ระหว่างคุมตัวไปตรวจค้นและสอบสวนอย่างละเอียด ส่วนคนร้ายอีกคนเป็นลูกน้องในโรงงาน สำหรับแรงจูงใจในการก่อเหตุ คาดว่ามาจากปัญหาหนี้สิน
เมื่อเวลา 14.45 น. ตำรวจคุมตัวผู้ต้อง นายศุภกร เกิดมาก หรือ เฮียแดง อายุ 65 ปี ชี้จุดที่ทิ้งโทศัพท์มือถือ ซึ่งอยู่บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำพูล ซึ่งไม่มีการนำตัวผู้ต้องหาลงจากรถ ให้ชี้จากในรถว่ามือถือทิ้งบริเวณไหน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนคุมผู้ต้องกลับมายังบ้านในห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง
ต่อมาเวลาประมาณ 17.00 น.ชุดปฏิบัติการพิเศษภาค 5 และปฏิบัติการพิเศษจ.ลำพูน 5 นาย ควบคุมตัวเฮียแดง ผู้ต้องหา มายังสภ.เหมืองจี้ สอบสวนเบื้องต้นที่ห้องสืบสวนสอบสวน โดยระหว่างเดินเข้าห้องสอบทีมข่าวสอบถามเฮียแดงว่ามีแรงจูงใจอะไรในการก่อเหตุครั้งนี้ เฮียแดงก่อนก้มหน้านำขวดน้ำและถุงยา ปิดบังใบหน้าไว้
น.ส.สุทธิดา เกิดมาก อายุ 28 ปี ลูกสาวของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ยอมรับว่าพ่อเป็นคนติดพนัน มีอารมณ์รุนแรงจากอาการป่วย ซึ่งอยู่ระหว่างการรักษาและกินยารักษาในเรื่องของอารมณ์รุนแรงอยู่ตลอด ที่ผ่านมาพ่อมักจะขอเงินแม่ขอเงินตน ประมาณ 5,000-10,000 บาท ถ้าไม่ให้เงินก็จะโวยวายและทำร้ายคนในบ้าน ล่าสุด พ่อก็เคยเอาปืนไล่ยิงตนมาแล้ว บางครั้งก็ลักเอาขโมยของในโรงงานไปขายเพื่อเอาเงินมาเล่นพนัน ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าพ่อเป็นหนี้สินอยู่เท่าไร
ยอมรับว่ารู้สึกตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ในช่วงที่พ่อขับรถกลับมาที่บ้าน ตนก็ไม่รู้ว่าพ่อไปก่อเหตุมา เพราะตนไม่อยู่บ้าน ซึ่งหลังจากทราบข่าวว่าพ่ออาจจะเป็นผู้ก่อเหตุชิงทอง ตนก็รีบโทรศัพท์เกลี่ยกล่อมให้พ่อมามอบตัว ในช่วงแรกพ่อก็ยังมีความกังวลว่าจะประกันตัวได้หรือไม่ ซึ่งตนก็บอกพ่อเพื่อให้เขาสบายใจว่าตนจะช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่ เขาจึงยอมบอกสถานที่ ให้ตนไปรับเขามาส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่ ตนไม่คิดว่าพ่อจะกล้าก่อเหตุลักษณะนี้ เพราะแม้เขาจะเป็นคนมีอารมณ์รุนแรง แต่เขาก็เป็นคนที่รักตัวกลัวตาย ไม่เคยที่จะทำอะไรเสี่ยงแบบนี้ ซึ่งจนถึงตอนนี้ตนก็ยังไม่ทราบถึงแรงจูงใจที่ทำให้พ่อก่อเหตุแบบนี้ เพราะพ่อก็ไม่มีหนี้สินอื่น นอกจากหนี้พนัน ส่วนผู้ก่อเหตุคนอื่น นอกจากพ่อของตนนั้น ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ลูกน้องในโรงงาน หลังจากนี้ตนก็จะปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฏหมาย
ล่าสุด พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ. 5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรพงษ์ คำลือ ผบก.สส.สภ.5 เปิดเผยถึงความคืบหน้าทางในคดีนี้ว่า เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลจากสายตรวจและชาวบ้านในพื้นที่ช่วยกันแจ้งเบาะ จนทราบตัวคนร้ายซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 3 ชม. พร้อมได้ของกลางเป็นทองรูปพรรณคละขนาดน้ำหนัก 1-5 บาท จำนวน 50 บาท จากพยานที่พบมีผู้ก่อเหตุเพียง 2 คน สามารถจับกุมตัวได้แล้ว 1 คน เป็นสามีเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง
จากการตรวจบ้านพักจุดหลบหนีพบอาวุธปืนลูกซอง พร้อมกระสุน และอาวุธปืนสั้นลูกโม่ .38 พร้อมกระสุน และหมวกกันน็อก รวมถึงเครื่องแต่งกายชุดลายพราง เบื้องต้นให้การยอมรับ ชนวนก่อนเหตุเป็นเรื่องส่วนตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีสุขภาพจิต รักษาตัวด้วยการทานยา เชื่อได้ว่าไม่เกี่ยวกับสภาพคล่องธุรกิจบริษัทของภรรยา ขณะที่คนร้ายอีกรายคาดว่าเป็นคนรู้กัน ซึ่งยังหลบหนีอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ เส้นทาง จ.สุโขทัย ประสานพื้นที่ตั้งด่านสกัดทุกจุด
สำหรับช่วงเวลาก่อเหตุเป็นช่วงพนักงานในร้านทองกำลังจัดเรียงทองอยู่ ทองบางส่วนจึงอยู่ในกล่อง แต่คนร้ายก่อเหตุก่อน จึงได้กล่องทองไปเยอะ แต่จำนวนทองที่ได้ไปมากกว่า 100 บาท ส่วนยุทธวิธีคนร้ายยังไม่ใช่มืออาชีพ และไม่เชี่ยวชาญ แม้รถที่ขับมามีการใช้ผ้าใบคลุมอำพรางแต่ไม่รัดกุม มีการลืมปืนและวิ่งกลับไปเอาอีกรอบ แต่คาดว่าศึกษามาจากคดีอื่น ๆ เป็นพฤติกรรมเลียนแบบ
