เปิดความลับ ปมดราม่า “เข็มทิศชีวิต” ที่คนภายนอกไม่เคยได้สัมผัส (คลิป)

16 มิ.ย. 60
เรียกได้ว่าเป็นกระแสดราม่าที่มาแรงไม่หยุด  หลังจากที่ดาราสาว “เอ๋ มณีรัตน์" ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในลักษณะที่ต้องการให้ทางทีมงานของ “ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต” นำรูปออกจากการโปรโมท จนปรากฎรายชื่อดาราเข้าไปร่วมกิจกรรมครั้งนี้มากมาย และหนึ่งในนั้นก็ได้ปรากฏภาพของดาราสาว “ครี พัสวีพิชญ์ ศรณ์อัครภา” ที่ได้เข้าร่วมทำกิจกรรมกับทางเข็มทิศชีวิตด้วยเช่นกัน
ครี พัสวีพิชญ์ ศรณ์อัครภา
ล่าสุด  16 มิถุนายน 2560 สาวครี ได้เดินทางเปิดใจถึงเรื่องราวทั้งหมด ผ่านทางรายการ Apop บันเทิง 34 ออกอากาศช่วงเวลาประมาณ 13.15 – 14.15 น. เจ้าตัวบอกว่า รู้จักครูอ้อย มา 10 ปี เริ่มต้นจากช่วงที่อกหัก จิตใจหดหู่ จึงอยากศึกษาธรรมะ แต่ด้วยความที่ฟังภาษาบาลีไม่รู้เรื่อง ยิ่งพระไตรปิฏกไม่มีทางได้อ่าน คุณพ่อก็พยายามหาอะไรที่เข้าใจง่าย และก็แนะนำให้รู้จักกับ "ครูอ้อย ฐิตินาถ" ที่เขียนหนังสือ เข็มทิศชีวิต จึงเอาหนังสือมาอ่าน และเข้าใจในสิ่งที่เขียน ต่อมาก็ได้ติดต่อกับครูอ้อย จนได้เข้าคอร์ส เข้าไปบ้านครูอ้อย ตั้งอยู่นอกเมือง คล้ายบ้านพักต่างอากาศ เข้าไปเจอคนประมาณ  20 คน แล้วก็มารวมกลุ่มปรึกษา แรกเปลี่ยนประสบการณ์  โดยครูอ้อยจะเป็นครูอยู่ข้างๆ สาวครี ยังบอกอีกว่า ช่วงที่ร่วมกิจกรรมนั้น รู้สึกสนุกมาก เพราะมีวิธีการที่เรียกว่า "Trance" เหมือนกับการสะกดจิต ให้ย้อนกลับไปในอดีต ตอนนั้น สาวครีก็สามารถย้อนอดีตได้ระดับหนึ่ง ส่วนที่สามารถทำได้ อาจจะเป็นเพราะจำนวนคนที่เข้าร่วมในตอนนั้นไม่มาก การพูดคุยจึงสามารถที่จะเข้าถึงได้ น่าจะแตกต่างกับในปัจจุบัน ที่มีคนเข้าร่วมจำนวนมาก และบางครั้งอาจจะไม่ใช่ครูอ้อยสอนด้วยตนเอง ทั้งนี้ ครูอ้อยสามารถทำให้เราเข้าใจในระดับหนึ่งว่าตรงไหนคือปัญหาของชีวิต จนทำให้ออกมายอมรับกับตัวเองเกี่ยวกับปัญหาการผิดหวังในความรักว่า เขาไม่ได้เกลียดเรา และเราก็เข้าใจ ก็จบแค่นั้น ส่วนค่าใช้จ่าย สำหรับสาวครีจะไม่มีการจ่ายเงิน สำหรับคนอื่นๆ น่าจะมีการเดินเข้าไปสมัครปกติ เพราะเมื่อย้อนกลับไปคนที่เราเคยไปเรียนด้วยกัน ก็จ่ายเงิน 20,000 – 30,000 บาท จำนวน 3 วัน เริ่ม 09.00 น. – 18.00 น. ก็จะมีของว่างให้ระหว่างวัน 2 มื้อ คนที่ไปทุกคนต้องยอมรับว่า มีปัญหาในชีวิตทุกคน ปกติ ภาพร้องไห้เป็นภาพปกติ แต่ภาพตะโกนๆ ไม่เคยเห็น ส่วนกระแสที่บอกว่าเหมือนลัทธินั้น เราไม่ได้อยู่ตรงนั้น ณ ปัจจุบัน ตอบไม่ได้ แต่ในความรู้สึกที่เราเคยไปร่วมไม่ใช่ลัทธิ มันคือการเล่าประสบการณ์ เล่าเรื่องราวของตัวเอง แล้วมาแก้ไขปัญหา สำหรับสาวครีแล้ว อาจจะไม่ได้อะไรเท่าไหร่ เหมือนที่ครูอ้อยทำให้ตัวต่อตัว เราอาจจะไม่เหมาะกับคนหมู่มาก ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมถึงหลับ แต่เขาก็บอกว่า เราอาจจะไม่กล้าที่จะไปค้นปัญหาในใจลึกๆ ว่าเรามีปัญหาอะไร แต่ด้วยความรู้สึกของเราไม่ได้มีปัญหาขนาดนั้น โดยจริงๆแล้ว คอร์สแบบนี้มีจำนวนมาก ซึ่งคนที่ไปแบบนี้ อาจมาจากสาเหตุการฟังภาษาบาลีไม่ออก หรือเอาง่ายๆ ถ้าพูดถึงการเข้าวัด ก็ต้องแต่งตัวเรียบร้อย พอคนฟังเทศน์ก็จะรู้สึกไม่อยากไป ซึ่งอันนี้มันเป็นหนทางหนึ่ง ให้เรากลับมามองตัวเอง ว่าเรามีปัญหาอะไร ตรงไหน แล้วแก้ให้ได้ น่าจะเป็นแบบนี้มากกว่า คนเลยเลือกมาเป็นทางนี้ ท้ายที่สุด สาวครียังยืนยันว่าการทำกิจกรรมนี้ มีประโชน์สำหรับเธอ และคอร์สนี้มีประโยชน์สำหรับทุกคน แต่ก็อย่างที่บอกว่าคนเราไม่ได้รับเอามาทั้งหมด ได้อะไรมาก็นำมาปรับใช้กับตัวเอง นั้นคือวิธีที่ดีที่สุด ขอบคุณ ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ