ไม่สู้กับตำรวจ ! ผู้ต้องหาตายร่างแผลเพียบญาติรับสภาพ ฝืนใจเชื่อใช้นิ้วเท้าผูกคอตาย (คลิป)

กรณี ร.ต.อ.สุวัฒน์ เชื่อเมือง รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ได้รับแจ้งว่า นายสาโรจน์ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหา คดีบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยไม่มีเหตุอันควร, มีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 222 เม็ด เพื่อจำหน่ายและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยฝ่าฝืนกฎหมาย ใช้สายเชือกกางเกงกีฬาพันที่คอ แล้วไปเกี่ยวกับหัวแม่เท้า ทำให้เสียชีวิตในห้องขัง

ล่าสุดวันที่ 14 เม.ย.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ สภ.บ้านในควน โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา ทีมข่าวได้สำรวจบริเวณโดยรอบ พบเป็นโรงพักขนาดเล็ก มีห้องขังผู้ต้องหาอยู่ชั้น 2 เมื่อทีมข่าวเดินขึ้นไปสำรวจด้านบน พบว่าห้องขังทั้งหมด 2 ห้องว่างเปล่าไม่มีผู้ต้องขัง เเละไม่มีตำรวจเฝ้าเวรแต่อย่างใด 

จากการสอบถามข้อมูล เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่า ในวันที่ 11 เม.ย. 65 เวลา 23.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับเเจ้งเหตุมีคนบุกรุกเคหสถาน จึงได้จัดกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ พบนายสาโรจน์ อายุ 38 ปี ชาวต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว อยู่ในอาการคลั่งยาเสพติด เมื่อเข้าไปค้นตัวพบว่าผู้ต้องหามียาเสพติด จำนวน 222 เม็ด จึงได้พาตัวมาที่โรงพักเเละควบคุมตัวไว้

กระทั่งวันที่ 12 เม.ย.65 ช่วงสาย ๆ เจ้าหน้าที่ได้เบิกตัวผู้ต้องหา เพื่อไปตรวจโควิด-19 ที่ รพ.ย่านตาขาว ผลเป็นลบ เวลา 14.00 น. จึงนำตัวผู้ต้องหากลับมายังโรงพัก เพื่อส่งฝากขังศาล เมื่อจอดรถยนต์และเปิดประตูรถเพื่อจะนำตัวตัวผู้ต้องหาไปยังห้องควบคุม ผู้ต้องหาที่ถูกใส่กุญเเจมือไขว้หลังได้วิ่งหนี ก่อนจะล้มหน้าคว่ำกับพื้นถนน โดยไม่มีใครทำอะไร เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บคางกระเเทกพื้น มีเเผลบริเวณคาง ใบหน้าไหล่ และขา ก่อนจะจับกุมตัวไว้ได้ เเละนำตัวขึ้นไปด้านบนห้องขัง ซึ่งช่วงนี้ได้ปรับกุญเเจมือมาล็อกจากด้านหน้าเเทน

จากนั้นได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ รพ.สต.โพรงจระเข้ เข้ามาดูอาการของผู้ต้องหา ช่วงเวลาเพียงไม่ถึง 10 นาที เมื่อหมอมาถึงห้องควบคุม เจ้าหน้าที่จึงได้เรียกผู้ต้องหา เเต่ไปแอบอยู่ในห้องน้ำ พบว่าผู้ต้องหาใช้สายเชือกกางเกงกีฬาสีดำ ยาวประมาณ 100 ซม. พันที่คอ แล้วไปพันกับที่หัวแม่เท้าด้านขวา ซึ่งในช่วงเวลานั้นไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ อีกทั้งยังไม่มีผู้ต้องหารายอื่นในห้องขัง เเละไม่มีเจ้าหน้าที่สิบเวรเฝ้าด้วย เนื่องจากกำลังคนไม่เพียงพอ

เจ้าหน้าที่ รพ.สต.ได้ตรวจสอบชีพจร อาการ 50/50 และทำการช่วยชีวิต โดยการปั๊มหัวใจ ประมาณ 10 นาที และได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง รพ.ย่านตาขาว เเต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งศพผู้ต้องหา ก็ได้มอบให้ญาตินำไปฝั่งตามพิธีกรรมตามหลักศาสนาอิสลามเเล้ววานนี้ (13 เม.ย.65) โดยญาติไม่ติดใจสาเหตุการตายแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม นายสาโรจน์ เพิ่งออกจากเรือนจำในคดียาเสพติดเเละอนาจาร เมื่อต้นเดือน ม.ค.65 โดยติดคุกอยู่ประมาณ 3 ปี หลังจากออกจากคุกก็เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดซ้ำอีกครั้ง นอกจากนี้ ชาวบ้านในหมู่บ้าน ยังเกิดความหวาดระแวงผู้ต้องหา เนื่องจากเวลาเสพยาในตอนกลางคืนจะชอบเดินอยู่ในสวนยาง ทำให้ชาวบ้านตกใจกลัว ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิด ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ในระหว่างส่งเสิร์ฟเวอร์ไปตรวจสอบข้อมูล

จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของนายสาโรจน์ ซึ่งปกติจะพักอาศัยอยู่กับภรรยาเเละลูก 2 คน ทีมข่าวได้พบกับ นางกล้วย (นามสมมติ) อายุ 39 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเเละสามีคบหากันมานานกว่า 20 ปีเเล้ว ปกตินิสัยใจคอของสามีจะเป็นคนใจร้อน เเต่มีเหตุผล ถ้าไม่เสพยาเสพติดก็จะเป็นคนทุ่มเทกับการทำงาน ก่อนหน้านี้สามีเคยมีคดีบุกรุก อนาจารผู้หญิง เเละยาเสพติด ตัดสินโทษ 3 ปี 6 เดือน เเละเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำคดียาเสพติด ในวันที่ 4 ม.ค.65 ที่ผ่านมา หลังจากกลับมาอยู่บ้านได้เเค่ 2 เดือน สามีก็กลับมาเสพยาอีกครั้ง ก็จะมีอาการหลอน ขี่รถจักรยานยนต์หรือเดินถือมีดพร้าไปทั่วทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว

ในวันที่ 11 เม.ย. 65 ตนพาลูกกลับไปที่บ้านที่ จ.สตูล สามีจึงอยู่ที่บ้านคนเดียว กระทั่งวันที่ 12 เม.ย. 65 ช่วงเวลา 14.00 น. ญาติโทรศัพท์ไปบอกตนว่า สามีผูกคอเสียชีวิตเเล้ว ให้รีบกลับบ้านด่วน จากนั้นช่วงเวลา 18.00 น. ตนทราบว่าญาติไปรับศพกลับบ้าน เวลา 20.00 น. ตนก็เดินทางมาถึง จ.ตรัง ตอนนั้นศพอยู่ในมัสยิดเเล้ว รายละเอียดอื่น ๆ ตนจึงไม่ทราบ

นอกจากนี้ สาเหตุการเสียชีวิต ตนยอมรับว่าตอนเเรกที่ดูศพ ก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจ เพราะมีรอยช้ำตามตัว มีรอยศีรษะยุบ เลือดออกตามปากจมูก เเขนด้านขวาช้ำ มีรอยเชือกผูกคอเล็กน้อยบริเวณคอเท่านั้น และสามีไม่ได้มีความเครียดหรือโรคซึมเศร้า ตอนนี้ตนไม่อยากจะทำอะไรต่อ แต่อยากให้สามีไปสบายมากกว่า ส่วนลูกอีก 2 คน ผู้หญิงอายุ 12 ปี คนเล็กผู้ชายอายุ 8 ขวบ ตนก็จะดูแลให้ดีที่สุด

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า การผูกคอตายในลักษณะนี้ก็เป็นไปได้ หรือหากจะคิดว่าเป็นการจัดฉากก็เป็นไปได้ เพราะคอเป็นส่วนที่เปราะบางมาก ๆ ใช้เวลาแค่ 15 วินาที เลือดก็จะไปเลี้ยงสมองไม่ได้แล้ว สุดท้ายก็จะหมดสติ ทั้งนี้หากจะบอกว่าล้ม ตำรวจก็จะต้องอธิบายให้ได้ว่าล้มท่าไหน และมีบาดแผลอะไรบ้าง