กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชลบุรี รับแจ้งมีเหตุทะเลาะวิวาท บริเวณเพิงพัก หมู่ 4 ต.นาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ พบ น.ส.สนิท ชาญพินิจ อายุ 39 ปี ร่ำไห้ด้วยใบหน้าปูดบวม ศีรษะแตก พร้อมเผยว่าถูกนายพรพรม ศิลปมา สามีเป็นคนเอาตะหลิวตี ชกต่อยหลายครั้ง สาเหตุอารมณ์เสียและหาว่าตนจะมีคนอื่น
ตำรวจได้จับกุม นายพรพรม สามีที่อยู่ในอาการเมาสุราอย่างหนัก พูดจาไม่รู้เรื่อง นำตัวขึ้นรถไปสงบสติอารมณ์ที่ สภ.เมืองชลบุรี ขณะที่ น.ส.แต๋น (สงวลนามสกุล) อายุ 40 ปี ได้มาให้ข้อมูลและกล่าวหานายพรพรมว่าจะข่มขืนตน โดยจากการตรวจสอบพบว่านายพรพรม และน.ส.สนิท เป็นพ่อและแม่ของเด็กที่ขอน้ำซุปจนมีข่าวโด่งดังก่อนหน้านี้นั้น
วันที่ 4 เม.ย. 65 ทีมข่าวลงพื้นที่ ม.4 ต.นาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี น.ส.สนิท อายุ 38 ปี ผู้บาดเจ็บ ซึ่งใบหน้าและปากปูดบวม ศีรษะแตก เย็บ 5 เข็ม เล่าว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมาตนทะเลาะกับนายพรพรม สามี เพราะอีกฝ่ายเมาแล้วหึงหวง คิดว่าตนไปมีคนอื่น มีการใช้ตะหลิวตีตนที่ศีรษะ พร้อมต่อยและเตะหลายครั้ง จนเลือดท่วมตัว
โดยช่วงหลังสามีมักจะดื่มเหล้า และทำร้ายร่างกายตนเป็นประจำแต่ไม่เคยหนักขนาดนี้ ส่วนเรื่องที่สามีจะไปข่มขืนข้างบ้านตนก็เพิ่งรู้ ก็ช็อกมาก ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำขนาดนี้
น.ส.สนิท กล่าวต่อว่า ตัวเองเสียใจและอยากขอโทษผู้ที่ให้การช่วยเหลือครอบครัวตน แต่ยืนยันว่าการทะเลาะกันครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน และเงินที่ได้บริจาคมาก็อยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ยังไม่มีการเบิกออกมาจ่ายแม้แต่บาทเดียว
โดยเบื้องต้นจะนำเงินมาซื้อที่สร้างบ้านอยู่ และแบ่งเป็นทุนการศึกษาแก่ลูก ๆ ส่วนสามีก็ปล่อยให้ติดคุกต่อไป ยืนยันว่าตนจะไม่ประกันตัว และไม่กลับไปคืนดีกันแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เด็ก 6 ขวบ ขอน้ำซุปคลุกข้าวกิน นานนับปีประทังชีวิต 5 คนทั้งครอบครัว
นางอำพันธุ์ วีระจันทร์ อายุ 57 ปี เจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยว กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เคยรู้จักพ่อของเด็กที่มาขอน้ำซุป เพราะเคยเจอแต่แม่และเด็กเท่านั้น ส่วนตัวที่ให้ความช่วยเหลือไปเพราะสงสารเด็ก ไม่ได้สนใจพ่อแม่ แต่เมื่อเห็นข่าวก็รู้สึกเสียความรู้สึกที่พ่อทำแบบนี้ ส่วนตัวก็คิดว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพ่อแม่ได้ ช่วยแค่ให้เด็กได้มีกินก็พอ และตนก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะได้รับสิ่งของรวมถึงเงินบริจาคเยอะขนาดนี้
โดยส่วนของเรื่องเงินตนไม่ห่วงเรื่อง ทราบว่าผู้ใหญ่ที่ดูแลน่าจะถึงเด็ก ส่วนเรื่องการบริจาคต่าง ๆ มองว่าน่าจะพอแล้ว เพราะได้มาเยอะแล้ว
นางยุพิน หนูขาว อายุ 50 ปี เจ้าของร้านค้า อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร เล่าว่า นายพรพรมมีนิสัยที่ชอบดื่มเหล้า ทุบตีเมียประจำ บางครั้งก็มาอาละวาดที่ร้านตน โดยก่อนหน้านี้ช่วงที่เมายังเคยทำร้ายหลานชายวัย 7 ขวบของตนด้วยการเตะอีกด้วย ส่วนตัวไม่เคยคิดสงสารครอบครัวนี้เลย เพราะทั้งสามีและภรรยาขี้เกียจ ไม่ยอมออกไปทำงาน ทั้งที่มีคนเสนองานให้ทำ มัวแต่ใช้ให้ลูกไปขอน้ำซุปจากคนอื่นมากิน
นอกจากนี้ นายพรพรมยังพยายามจะข่มขืนนางแต๋น ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันหลายครั้ง เช่นวันนี้นางแต๋นก็ต้องวิ่งหนีมาขอความช่วยเหลือจากตน โดยมองว่าหากจะสงสาร ให้สงสารครอบครัวนางแต๋นจะดีกว่า เพราะครอบครัวยากจนเหมือนกัน แต่สามีขยันทำงานหาเลี้ยงครอบครัว เจ้าตัวก็อยู่บ้านเลี้ยงหลานไม่สุงสิงกับใคร ตนยังมองว่าไม่น่าเปิดรับบริจาคให้ครอบครัวนายพรพรม เพราะเงินที่ได้ก็นำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยหมด
นางแต๋น อายุ 40 ปี ผู้เสียหาย บ้านอยู่ห่างจากบ้านนายพรพรม ประมาณ 50 เมตร เล่าว่า วันนี้ช่วงบ่าย ขณะที่ตนนั่งอยู่หน้าบ้าน นายพรพรมนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวเดินเข้ามาด้วยท่าทีมึนเมา ก่อนผลักตนลงไปที่พื้น จนผ้าขนหนูที่อีกฝ่ายนุ่งมาหลุด กลายเป็นแก้ผ้าล่อนจ้อน เพราะไม่ได้ใส่กางเกงใน
จากนั้นนายพรพรมพยายามขึ้นคร่อมตน แต่ตนผลักออก อีกฝ่ายก็ยังเข้ามาหา จนตนผลักอีกรอบ และวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือจากร้านค้า โดยนายพรพรมพยายามจะข่มขืนตนประมาณ 4-5 ครั้งแล้ว ตนก็หนีรอดตลอด ตอนนี้รู้สึกกลัวมาก อยากให้อีกฝ่ายติดคุก ไม่ต้องออกมาอีกเลย
