เปิดโพลรัฐบาล พบคนไทย 33.9% พอใจการทำงานมากที่สุด ความสุขภาพรวมสูงเกินครึ่ง

29 มี.ค. 65

เปิดโพลรัฐบาล คนไทยพอใจการทำงานแค่ไหน พบ 33.9% พอใจการทำงานของรัฐมากที่สุด ภาคใต้นำโด่ง ขณะที่ความสุขในภาพรวมมากถึงมากที่สุด ถึง 53.1% 

วันนี้(29 มี.ค.65) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล พ.ศ.2565 (ครบ 2 ปี 6 เดือน) และการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตวิถีใหม่(New Normal Life) ปี 2565 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ได้สัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศจำนวน 6,970 คน ระหว่างวันที่ 5-18 มกราคม 2565

พบว่าในประเด็นเรื่องการติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล ประชาชนร้อยละ 83.7 ติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล ร้อยละ 16.3 ไม่ติดตาม เหตุผลคือ ไม่สนใจ ไม่มีเวลาว่าง และอื่นๆ เช่น ไม่ชอบ โดยติดตามทางโทรทัศน์มากที่สุดร้อยละ 71.8 รองลงมาคือ สื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ และยูทูบ ร้อยละ 55.5 ทั้งนี้ผู้ที่มีอายุน้อยได้ติดตามจากสื่อสังคมออนไลน์สูงกว่าผู้มีอายุมาก และผู้มีการศึกษาสูงได้ติดตามจากสื่อสังคมออนไลน์สูงกว่าผู้มีการศึกษาต่ำกว่า

สำหรับความพึงพอใจในภาพรวมต่อการดำเนินงานของรัฐบาล พบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก-มากที่สุดร้อยละ 33.9 พึงพอใจระดับปานกลางร้อยละ 40.9 พึงพอใจในระดับน้อย-น้อยที่สุดร้อยละ 18.9 และไม่พึงพอใจเลยร้อยละ 6.3 โดยภาคใต้และภาคใต้ชายแดนมีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุดสูงกว่าภาคอื่นคือร้อยละ 57.9 และร้อยละ 54.5 ตามลำดับ ขณะที่ภาคอื่นมีประมาณร้อยละ 26-35 

ส่วนความพึงพอใจต่อนโยบายของรัฐบาลนั้น นโยบายที่ประชาชนมีความพึงพอใจมาก-มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ โครงการคนละครึ่งร้อยละ 66.9 ,โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐร้อยละ 63.6, โครงการเราชนะ ร้อยละ 62.9, มาตรการเยียวยาแรงงานในระบบและนอกระบบร้อยละ 48.2 และโครงการประกันรายได้เกษตรกรร้อยละ 32.4 ขณะที่มาตรการเยียวยา หรือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประโยชน์ต่อประชาชน 5 อันดับแรก ได้แก่ โครงการคนละครึ่งร้อยละ 81.5,โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐร้อยละ 70,โครงการเราชนะร้อยละ 62.2,มาตรการลดค่าน้ำ ค่าไฟร้อยละ 57.2 และ โครงการ ม.33 เรารักกันร้อยละ 32.1 โดยประชาชนในเกือบทุกกลุ่มอาชีพระบุว่า โครงการคนละครึ่งมีประโยชน์ต่อคนในประเทศมากที่สุด

img_53081_2022032917545800000

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ในประเด็นเรื่องความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศ พบว่า ประชาชนเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุดร้อยละ 30.4 เชื่อมั่นระดับปานกลางร้อยละ 39.7 เชื่อมั่นในระดับน้อย-น้อยที่สุดร้อยละ 21.3 และไม่เชื่อมั่นเลยร้อยละ 8.6 โดยภาคใต้และภาคใต้ชายแดนมีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่าภาคอื่นคือร้อยละ 52.8 และร้อยละ 52.2 ตามลำดับ ขณะที่ภาคอื่นมีประมาณร้อยละ 21-31

ประชาชนได้มีข้อเสนอแนะต่อการบริหารงานของรัฐบาล 5 อันดับแรก ได้แก่ การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพสูงร้อยละ 17.6 ,การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มร้อยละ 10.6, การแก้ไขปัญหาโดยคำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก รวดเร็ว ตรงจุด และโปร่งใส ร้อยละ 9 ,การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด 19 ร้อยละ 5.9 และการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร ร้อยละ 4.9

ขณะที่การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตวิถีใหม่(New Normal Life) ปี 2565 ผลสำรวจพบว่า ประชาชนร้อยละ 97.7 มีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ร้อยละ 2.3 ไม่มีความกังวล ส่วนการปรับเปลี่ยนการใช้วิถีชีวิตเป็นแบบ New Normal Life 3 อันดับแรกได้แก่ จัดเตรียมอุปกรณ์ก่อนออกจากบ้าน เช่นหน้ากากอนามัย ร้อยละ 90.4 หลีกเลี่ยงการไปอยู่ในสถานที่แออัด การอยู่รวมกันเป็นกลุ่มหรืองานเลี้ยงสังสรรค์ร้อยละ 64.1 และออกนอกบ้านเท่าที่จำเป็นร้อยละ 60.5 สำหรับการใช้สื่อสังคมออนไลน์และแอปพลิเคชัน ประชาชนใช้แอปพลิเคชันเกี่ยวกับติดต่อการสื่อสารและการรับข้อมูลมากที่สุดร้อยละ 81.5 เช่น ไลน์ วอตส์แอปป์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม รองลงมาแอปพลิเคชันเกี่ยวกับทางการเงินร้อยละ 70.7 และแอปพลิเคชันเกี่ยวกับความบันเทิงร้อยละ 69.7

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ความสุขของประชาชนในภาพรวมพบว่า ประชาชนมีความสุขในภาพรวมในระดับมาก-มากที่สุดร้อยละ 53.1 มีความสุขระดับปานกลางร้อยละ 37.3 มีความสุขในระดับน้อย-น้อยที่สุดร้อยละ 8.9 และไม่มีความสุขเลยร้อยละ 0.7 โดยภาคใต้และภาคใต้ชายแดนมีความสุขในภาพรวมอยู่ในระดับมาก-มากที่สุดสูงกว่าภาคอื่น(ร้อยละ 68.5)

ส่วนแผนการปรับตัวรับมือหากสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 มีความรุนแรงอีกครั้ง ประชาชนมีแผนการรับมือโดยปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต เช่น ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้านร้อยละ 87.3 ประหยัดและใช้จ่ายน้อยลงร้อยละ 82.2 และแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจโดยการนำเงินออมออกมาใช้จ่าย ร้อยละ 25.7 สำหรับนโยบายการให้ประชาชนแสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด 19 หรือผลการตรวจโควิด 19 เพื่อเข้าสถานที่ต่างๆ มีประชาชนเห็นด้วยร้อยละ 85.1 และไม่เห็นด้วยร้อยละ 14.9 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประวิตร เชื่อคะแนนนิยม บิ๊กตู่ ไม่ตก แม้โพลชี้ พิธา ขึ้นนำ ลั่น "ถามเด็กก็ได้เด็ก"
นิด้าโพล เผย ประชาชนเกินครึ่งเห็นว่า นายกฯ ประยุทธ์ ควรยุบสภาโดยเร็วที่สุด
นิด้าโพล เผย ประชาชน เชื่อ ปี65 ประยุทธ์ อยู่ยาว เศรษฐกิจแย่ลง โควิดรุนแรงขึ้น

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส