กรณีนางสาวสุพรรษา สุดสาคร อายุ 36 ปี พี่สาว เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองลพบุรี ว่า นายทัศพล โนรี หรือ ตี๋ อายุ 21 ปี หายตัวไป หลังเดินทางกลับไปฝึกทหารเกณฑ์ ที่กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ จ.ลพบุรี ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. 62 ขณะนี้เป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์ ครอบครัวของผู้สูญหายยังไม่ทราบว่าผู้สูญหายเป็นตายร้ายดีอย่างไรนั้น
วันที่ 31 ม.ค. 62 นางชไมพร โนรี แม่พลทหารตี๋ เดินทางมายังวัดท่าช้าง ม.4 ต.เขาท่าพระ อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท เพื่อบนบานต่อหลวงพ่อช้าง บริเวณด้านหน้าวัด เพื่อให้หลวงพ่อช้าง ช่วยดลบันดาลให้หาลูกเจอในเร็ววัน เนื่องจากหลวงพ่อช้างเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่ชาวบ้านตำบลเขาท่าพระมาช้านาน
ขณะที่ร้านลาบเป็ดอุดร จุดสุดท้ายที่ถูกระบุว่ามีคนพบเห็นพลทหารตี๋ ก่อนจะหายตัวไป ทีมข่าวลงพื้นที่พบว่าเป็นร้านอาหารอีสาน มีบริการอาหารตามสั่งและเครื่องดื่ม มีลูกจ้าง 2 คน เจ้าของร้าน ผู้หญิงอีก 1 คน และมีทหารใหม่หลายสังกัด หลายหน่วยฝึกใน จ.ลพบุรี แวะมาใช้บริการ เนื่องจากร้านมีบริการรับ-ส่ง ไปส่งที่ค่ายทหารด้วย
โดย
นางจิดาภา โชติมณีสินธุ หรือ จิน อายุ 56 ปี เจ้าของร้านลาบเป็ดอุดร บขส. & ท.ทหารอดทน เปิดเผยว่า ที่ร้านของตนเอง เป็นร้านที่เปิดขายอาหารทั่วไป และจะมีทหารใหม่ ในแต่ละหน่วยในจังหวัดลพบุรีแวะเวียนกันมาใช้บริการ โดยร้านตนก็จะให้บริการแบบเป็นกันเอง มีก็จ่าย ไม่มีก็ช่วยเหลือกัน
ส่วนกรณีพลทหารตี๋ ตนยอมรับว่า วันที่ 16 ม.ค. พลทหารตี๋เดินทางกลับมาจากบ้าน และมาทานอาหารที่ร้านของตนจริง ต่อมาเจ้าตัวขอนอนค้างที่ร้าน ร่วมกับพลทหารหน่วยอื่น และลูกจ้างของตน โดยระหว่างที่พลทหารตี๋อยู่กับตน ตนมักได้ยินพลทหารคำพูดตัดพ้อว่า ไม่อยากเข้าไปในค่าย ตนจึงพยายามปลอบว่า “ตี๋ควรกลับไป ไม่งั้นจะมีความผิด”
จากนั้น วันรุ่งขึ้น 17 ม.ค. ครูฝึกคนหนึ่งแวะมากินอาหารที่ร้าน ได้ชักชวนพลทหารตี๋ไป แต่พลทหารตี๋ก็ปฏิเสธ กระทั่งเวลา 18.00 น. ตนเห็นว่าพลทหารที่สังกัดค่ายเดียวกัน เริ่มกลับเข้าค่าย จึงได้บอกให้พลทหารตี๋ กลับค่าย พร้อมหยิบเงินให้จำนวน 100 บาท ให้พลทหารตี๋ตามหลังเพื่อนคนอื่น ไปขึ้นรถ 2 แถว และวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างกลับเข้าไปในค่าย
ทั้งนี้
นางจิดาภา และ
นางสาวสุพรรษา ให้สัมภาษณ์ในรายการต่างคนต่างคิด ตอน ทหารเกณฑ์หายปริศนา หวั่นถูกเก็บ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 เวลา 18.50 น. โดยให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกัน
นางจิดาภา กล่าวว่า ตนยังไม่เคยพบเจอกับครอบครัวของผู้สูญหาย เพราะในวันดังกล่าว ตนเดินทางไปดูรถที่ศูนย์รถยนต์แห่งหนึ่ง จึงมีแต่ลูกน้องในร้านเท่านั้นที่เคยพบและพูดคุยกับครอบครัวของผู้สูญหาย ตนเพียงได้รับโทรศัพท์ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายจากครอบครัวผู้สูญหายเท่านั้น
ส่วน
นางสาวสุพรรษา ยืนยันว่า ในวันที่ 21 ม.ค. เวลาประมาณ 13.00 น. ครอบครัวของผู้สูญหายเดินทางไปพบกับเจ้าของร้านลาบ ถึง 6 คน คือ แฟนตน ลูกตน พ่อ แม่ และหลาน และได้พูดคุยกับนางจิดาภาจริง ๆ อีกทั้งข้อมูลที่นางจิดาภาให้ในรายการก็มีส่วนที่ไม่ตรงกันกับที่เคยแจ้งกับครอบครัวของผู้หญิงหายอีกด้วย
ด้าน
นางชไมพร โนรี แม่ของผู้สูญหาย เปิดเผยว่า ที่เจ้าของร้านลาบยืนยันว่าไม่เคยเจอครอบครัวตน ตนขอยืนยันว่า วันที่ 21 ม.ค. 62 เวลา 13.30 น. ตนไปที่ร้านลาบจริง มีตน ลูกสาว สามี ลูกเขย และมีหลานอีก 2 คน ได้ไปเจอนางจิดาภา เจ้าของร้าน นางจิดาภายกมือไหว้ตนแล้วถามว่า "แม่ตี๋ใช่ไหม" ตนก็ตอบว่าใช่ ตนก็ถามหาลูก แล้วนางจิดาภาก็บอกว่า "เขาไปแล้วแม่ หนูส่งขึ้นรถวินมอเตอร์ไซค์ไปลงหน้ากองฯ แล้ว" ซึ่งที่นางจิดาภาบอกใน รายการต่างคนต่างคิด ว่าไม่ได้เจอครอบครัวตน คือ "พูดไม่จริง พูดแบบหน้ามือเป็นหลังมือ"
นางชไมพร กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนรู้ว่าลูกหายวันที่ 17-18 ม.ค. ก็ตามหาลูกจนอาการทรุดเจ็บป่วย อยากบอกลูกว่า "แม่แย่แล้ว แม่รักสุดยอด อยากให้ลูกกลับมา"
อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่ครอบครัวของพลทหารตี๋ อาจเข้าใจผิดว่าที่มาพบเป็นเจ้าของร้านลาบ เพราะมีคนในร้านลาบที่หน้าตาคล้ายกับเจ้าของร้าน คือ
นางอัญชิสา ชานุวัตร อายุ 37 ปี พนักงานในร้านลาบอุดร ที่อยู่กับพลทหารตี๋ ในคืนที่พักในร้านลาบ โดยเจ้าตัวเปิดเผยว่า ในวันที่ 16 ม.ค. พลทหารตี๋ ยืมโทรศัพท์ตนเอง อ้างว่าจะใช้คุยกับคนทางบ้าน ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าคุยกับใครอย่างไร
ส่วนระหว่างคืนที่พลทหารตี๋นอนค้างคืนที่ร้านนั้น พลทหารตี๋และพลทหารอีกคนก็นอนเล่นเกม พูดคุยกันกระทั่งเช้า แต่ระหว่างที่พลทหารตี๋อยู่ที่ร้าน ตนมักได้ยินเสียงบ่นว่า "ไม่อยากกลับเข้าไปในค่าย เพราะพ่อไม่สบาย ต้องกลับไปดูแลพ่อ พ่อทำบอลลูนหัวใจ"
ขณะที่
นายณรงค์ฤทธิ์ จันทร์เต็ม อายุ 59 ปี วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กล่าวว่า ตนเองเจอพลทหารในวันที่ 17 ม.ค. ซึ่งแต่งกายชุดทหาร แต่ไม่สวมหมวก และยืนอยู่ตรงริมถนน รอขึ้นรถเดินทางไปค่าย ซึ่งไม่มีลักษณะวิตกกังวลแต่อย่างใด แต่ตนเองไม่ทราบว่าพลทหารไปไหนต่อ เพราะตนเองต้องออกวินไปส่งผู้โดยสาร
โดยจากข้อมูล ทราบว่า วันที่ 16 ม.ค. เวลา 09.00น. นางชไมพร โนรี เดินทางมาส่งพลทหารตี๋ ที่ บขส.ชัยนาท โดยจากบ้าน ขับผ่านถนนในซอย ตัดเข้าถนนใหญ่ วิ่งตามถนนในเมือง ถึงบขส.ชัยนาท รวมระยะทาง 4.5 กิโลเมตร และแม่ของพลทหาร ได้ส่งลูกขึ้นรถตามปกติ จนกระทั่งรถออกจาก บขส.ชัยนาท มุ่งหน้า บขส.ลพบุรี อีกระยะทาง 80 กม. และได้รับโทรศัพท์ ยืนยันว่าลูกถึง จ.ลพบุรี แล้ว ในเวลา 13.00 น.
จากนั้น เวลา 19.00 น. พลทหารตี๋เดินทางไปที่ร้านลาบ ใกล้ บขส.ลพบุรี เพื่อกินอาหารตามสั่ง และพลทหาร ยังบอกกับเจ้าของร้านลาบว่า ยังไม่อยากกลับ ขอนอน 1 คืน จะขอกลับพรุ่งนี้เช้า เพราะกำหนดการเข้าค่าย คือ 17 ม.ค. ก่อนเวลา 18.00 น.
หลังจากนั้น พลทหารตี๋จึงนอนค้างคืน กับพนักงานในร้าน และทหารอีกค่ายหนึ่ง นอนรวมกัน 3 คน ภายในร้านลาบ หลังจากที่ปิดร้านไปแล้ว
จนกระทั่ง ถึงวัน ที่ 17 ม.ค. ช่วงเช้า เวลา 09.00 น. ครูฝึกคนหนึ่งมากินข้าวที่ร้าน เจอพลทหารตี๋แ ละชักชวนพลทหารตี๋นั่งรถไปค่ายด้วยกัน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แต่พลทหารตี๋ อ้างว่า “ยังไม่กลับ รอเพื่อน จะกลับตอนเย็น”
ต่อมา เวลา 17.20 น. เจ้าของร้านจึงบอกให้พลทหารตี๋กลับไปค่าย เพราะขณะนั้น เพื่อนทหารทยอยกลับเข้าค่ายไปเกือบหมดแล้ว โดยเจ้าของร้าน ให้เงิน 100 บาท เป็นค่ารถ ก่อนที่พลทหารตี๋จะเดินออกไปลับสายตา แล้วหายไป