จากกรณี "นายเอกนก" ลูกชายฆ่าพ่อแม่ตายแล้วลากศพยัดเตา ล่าสุด วันที่ 16 มี.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางมายังหมู่บ้านภูเวียง ต.สารภี อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี โดยเป็นบ้านของผู้เสียชีวิต นายวิลัย อิธิ อายุ57 ปี ผู้เป็นพ่อ และนางอุไร อิธิอายุ 53ปี ผู้เป็นแม่บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังพื้นที่เกิดเหตุ ห่างจากบ้านผู้เสียชีวิตประมาณ 1 กิโลเมตร บริเวณข้างกระท่อมนาไร่มันสำปะหลัง ต.สารภี อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี มีเตาเผาถ่านเป็นจุดที่ผู้ก่อเหตุนำร่างของ นางอุไร อิธิ ผู้เป็นแม่ โยนไว้ภายในเตาเผา และนำฟืนไม้ทับร่าง และใกล้กันใกล้กับปากปล่องเตาเผา จะมีร่างของนายวิลัย อิธิ ผู้เป็นพ่อ นอนเสียชีวิตด้านหน้าปากปล่องเตาเผา
โดยพื้นที่เป็นพื้นที่ไร่มันสำปะหลังกว้างขนาดใหญ่ และมีคอกวัวเลี้ยงของผู้เสียชีวิต อยู่ไม่ไกลกันนัก ซึ่งพื้นที่เจ้าหน้าที่ได้นำเส้นกันมากั้นปิดเอาไว้ อีกทั้งภายในเตาเผาถ่ายยังคงเห็นร่องรอยคราบเลือดติดอยู่ที่ไม้ฟืนจำนวนมาก
โดยในช่วง 12.00 น. ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้นิมนต์พระวัดป่าเข้ามาอัญเชิญดวงวิญญาณผู้เสียชีวิต ได้ทีการทำพิธีที่เกิดเหตุ และขณะเดียวกัน พระป่ารูปดังกล่าวได้มีการอัญเชิญดวงวิญญาณเข้าร่างเสมือนเป็นร่างทรง โดยพูดอธิบายถึงวิธีการที่ถูกทำร้ายร่างกาย โดยใช้ภาษาท้องถิ่น สลับภาษาอีสาน และพระวัดป่าก็ได้ร้องไห้พูดถึงเรื่องการที่เลี้ยงลูกไม่ดี เป็นกรรมของตัวเอง และร้องไห้อย่างต่อเนื่อง อ้างว่าได้พูดคุยกับดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตผ่านร่างพระวัดป่าระบุว่า "ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรครอบครัว เราอยู่กันคนละภพ ขอให้ไปดี"
นางสาวเยาวลักษณ์ อิธิ อายุ 25 ปี น้องสาวผู้ก่อเหตุ ระบุว่า ตนเองและพี่ชายไม่ค่อยถูกกัน เนื่องจากพี่ชายชอบคิดว่าพ่อแม่รักตนเองมากกว่า เนื่องจากพ่อและแม่มักจะนำเงินจากการขายมันสำปะหลัง หรือทำการเกษตรต่าง ๆ โดยจะนำเงินมาฝากเอาไว้ที่ตนเอง ซึ่งเป็นเพียงแค่การฝากเงิน เพื่อให้ตนเองจัดการจ่ายเงินค่าหนี้สินให้กับครอบครัว ตนเองไม่ได้ใช้เงินพ่อแม่แต่อย่างใด ซึ่งพี่ชายก็คิดว่าพ่อแม่รักและให้เงินตน
โดยในวันที่ 14 มี.ค.65 พี่ชายทำร้ายร่างกายพ่อแม่ก่อนวันที่จะฆ่าพ่อแม่นั้น พี่ชายก็ได้บอกว่า ”มึงเก่งนักหรือ มึงจัดการทรัพย์สินมรดก ถ้าไม่เห็นว่ามึงเป็นน้องกูฆ่ามึงตั้งนานแล้ว” ซึ่งเขาก็ได้ขู่ตนเองในวันนั้น ไม่คิดว่าจะมาก่อนเหตุฆ่าพ่อแม่ หลังจากวันดังกล่าว เพียง 1 วัน ซึ่งตนเองก็หนีไม่นอนบ้านในวันที่พี่ชายขู่ตนเอง
ตอนนี้ทราบว่าพี่ชายนั้นกลับมาเสพยาเสพติดได้ประมาณ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา และมีอาการหลอนคลั่งอยู่ตลอดเวลา และเมื่อร้อนก็จะพยายามทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว ยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกกังวลและหวาดระแวงเป็นอย่างมาก อีกทั้งชาวบ้านก็หวาดระแวงเช่นกัน
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าหลังจากควบคุมตัวผู้ต้องหาระหว่างหลบหนีนั้น ได้มีการตรวจหาสารเสพติดและควบคุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวน เบื้องต้นรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหา 2 ข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ฆ่าบุพการี และขับเสพ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาส่งตัวฝากขังยังศาลจังหวัดอุบลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว