กรณี พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า บาดแผลที่เกิดจากใบพัดเรือขณะกำลังหมุน
โดยจะมีลักษณะ ฉีกขาด (lacerations) หลายแผล (multiple) ลึก และขนานกัน (parallel) ใบพัดสามแฉกซึ่งหมุน 3,200 รอบ ต่อนาทีกระทบร่างกาย 9,600 ครั้งต่อนาที หรือ 160 ครั้งต่อวินาที
งานวิจัยจำนวนมากบรรยายถึงบาดแผลจากใบพัดเรือในทำนองเดียวกัน น้อยมากที่จะเจอแผลเดียวไม่ลึก เห็นมีอยู่รายนึง เป็นแผลเดียวที่เท้า เอ็นไม่ขาด แต่รายนั้นก็เกิดจากลื่นแล้วไปสะดุดใบพัดเรือซึ่งจอดอยู่บนบกนั้น
ศ.สพญ.ดร.นันทริกา ชันซื่อ ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาสัตว์น้ำ เปิดเผยว่า ปกติแล้วสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น ปลาวาฬ และปลาพะยูน ที่ถูกใบพัดเรือส่วนมากจะเป็นริ้วขนานกันตามลำตัว ลักษณะริ้วรอยที่ขึ้นเป็นขีด จะบ่งบอกถึงระยะของใบพัดเรือว่าจะห่างกันขนาดไหน จึงจะนำไปเปรียบเทียบว่าถูกใบพัดจากเรือลำไหนที่เป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตของสัตว์น้ำตัวนั้น
ซึ่งปกติแล้ว ริ้วรอยของสัตว์แต่ละตัวไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่ว่าสัตว์ตัวนั้นจะถูกใบพัดเรือระหว่างที่กำลังขึ้นมาเหนือน้ำ หรือในขณะที่ตกน้ำ ถ้าหากเปรียบเทียบกับคนก็ต้องดูที่คนคนนั้นถูกบาดแผลจากใบพัดเรือในขณะที่ลอยตัวขึ้นมาหรือขณะที่ตกจากเรือ ซึ่งความแรงของใบพัดจะบ่งบอกว่าบาดแผลนั้นจะมีความลึกแค่ไหน
โดยจากประสบการณ์แล้ว บาดแผลที่ถูกใบพัดเรือไม่ค่อยเห็นว่าจะมีรอยแผลไม่กี่รอยของการถูกใบพัดเรือ ยืนยันว่าบาดแผลจากการถูกใบพัดเรือสามารถนำไปเปรียบเทียบเพื่อหาใบพัดของเรือดังกล่าวได้
ส่วนตัวมองว่าบาดแผลของแตงโมเป็นบาดแผลที่ถูกใบพัดเรือ ปกติแล้วคนที่ถูกใบพัดเรือจะอยู่ในท่างอขาทุกราย อย่างเช่นตกเรือลงไปแล้วพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมา แต่การถูกใบพัดเรือนั้น อาจจะทำให้บุคคลนั้นปล่อยมือจากเรือเพราะความตกใจก็เป็นได้
นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยว่า ส่วนใหญ่ที่ผ่านมาพบศพที่มีบาดแผลลอยน้ำมามาก ซึ่งล่าสุดก่อนจะพบร่างแตงโมก็มีข่าวกรณีศพหญิงถูกหั่นจำนวนหลายชิ้น เชื่อว่าสังคมคงจะจำได้ หากไม่พบกล้องวงจรปิดวินาทีที่กระโดดสะพาน คงจะเข้าใจว่าถูกฆ่าหั่นศพแน่นอน เพราะเจอศพถูกแยกชิ้นส่วนจำนวนมากและแผลเรียบ มองว่าเป็นไปได้ยากที่ใบพัดเรือจะตัดขาดแบบบาดแผลเรียบสวยงาม เพราะหากเป็นการฆาตกรรม การตัดอวัยวะให้ขาดนั้นยากมาก ต้องมีความชำนาญ และมีดต้องมีความคม มาก
โดยศพส่วนใหญ่หากถูกใบพัดเรือขนาดใหญ่ โอกาสที่บาดแผลจะฉีกขาด และแผลใหญ่เป็นกากบาทจะมีมาก และส่วนน้อยที่จะพบ บาดแผลถูกฟันตรง ๆ จุดเดียว เพราะใบพัดเรือมีแรงเหวี่ยง แต่ทั้งนี้ผู้สรุปว่าบาดแผลเกิดจากอะไรคือแพทย์ที่ชันสูตร ส่วนลักษณะบาดแผลคล้ายกับที่พบบนต้นขาของแตงโม ตั้งแต่เก็บศพที่ถูกใบพัดเรือตัด ตนเองไม่เคยเห็นมาก่อน แต่กู้ภัยทีมอื่นตนเองไม่แน่ใจ ซึ่งปกติหากถูกใบพัดเรือ ต้องมีบาดแผลมากกว่า 1 แผล และแผลจะไม่เรียบเนียน
ซึ่งส่วนใหญ่ที่มีบาดแผลจากใบพัดเรือนั้น เกิดจากเรือโดยสารขนาดใหญ่และแผลจะเห็นชัดเจน และทราบทันทีว่าเกิดจากใบพัดเรือ เพราะแผลจะฉีกกากบาท และไม่เรียบ เป็นการสับ ยุ่ย ลึก แตก คล้ายถูกของมีคมฟาดซ้ำหลายครั้ง ส่วนการสรุปว่าบาดแผลเกิดขึ้นเพราะเหตุใด แพทย์เป็นผู้สรุป
ส่วนที่ไทด์บอกถึงรอยช้ำที่ดวงตาและที่ศีรษะนั้น ตนเองไม่แน่ใจ เพราะวันดังกล่าวตนเองไม่ถ่ายภาพ เพราะมีสื่อจำนวนมากอยู่แล้ว โดยที่ผ่านมาเมื่อเจอศพจะถ่ายภาพทั้งหมด เป็นการช่วยเก็บหลักฐานให้ตำรวจ แต่กรณีแตงโม ตนเองไม่บันทึกภาพเลย เพราะพนักงานสอบสวนต้องถ่ายอยู่แล้ว และน้องเป็นบุคคลสาธารณะด้วย
นพ.วีรศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว บอกว่า รอยบาดแผลที่เกิดจากใบพัดเป็นริ้วนั้น ความหมายคือเป็นรอยซ้ำ ๆ แบบคู่ขนานกัน เนื่องจากเกิดจากใบพัดหมุน และมีทิศทางสวนกันกับศพจึงเกิดร้อยเป็นริ้วขนานกัน แต่อีกมุมก็มองว่ารอยบาดแผลที่ถูกใบพัดบาดก็สามารถมีแค่รอยเดียวได้ ยกตัวอย่างกรณีสาวโดดสะพานพระราม 8 ล่าสุดซึ่งในตอนแรกถูกสันนิษฐานว่า ถูกฆ่าอำพรางโยนทิ้งน้ำ เนื่องจากรอยบาดแผลเป็นรอยกรีดตรง แต่สุดท้ายถูกใบพัดเรือบาด การตั้งขอสงสัยเป็นสิ่งที่ดี ถ้าถูดใบพัดบาดจริง ก็คาดว่าโดนบาดในท่าที่ขาเป็นแนวดิ่งกับพื้น พอใบพัดปาดไปแล้ว ทิศทางมันวิ่งไปข้างหน้า เลยไม่โดนส่วนไหนของร่างกายอีก ไม่เหมือนกับรอยบาดแผลศพจากใบพัดในแนวนอนราบกับผิวน้ำ
ซึ่งสุดท้ายแล้วต้องมาดูรอยบาดแผลว่าเกิดขึ้นก่อนหรือหลังเสียชีวิต โดยจะสังเกตได้ว่าถ้าแผลเกิดก่อนเสียชีวิต บาดแผลจะมีเลือดออกเยอะมาก และเลือดจะเข้าไปแทรกซึมในเนื้อเยื้อ แต่ถ้าบาดแผลเกิดหลังจากที่เสียชีวิต ในร่างกายของเราพอมีเลือดที่ยังคงอยู่ในตัว ก็จะมีภาวะเลือดซึมเล็กน้อย ไม่ไหลออกมาเท่าแผลที่เกิดในขณะที่ยังมีชีวิต
ส่วนเรื่องรอยช้ำตามร่างศพนั้น มีเรื่องของแสงแดด อุณหภูมิ ที่ส่งผลต่อการเน่าของแผล โดยเฉพาะบาดแผลที่มีแมลงวันตอม ยิ่งทำให้แผลเน่าเร็วมากกินขึ้น บริเวณใบหน้าที่มีข้างหนึ่งปูดบวมอีกข้างปกติ ก็เป็นไปได้ว่าตอนลอยอยู่ในน้ำ ด้านที่ถูกแสงแดดอาจจะเป็นด้านที่ปูดบวม ส่วนอื่นซึ่งแช่อยู่ในน้ำ อุณหภูมิความเย็นของน้ำช่วยทำให้เกิดการอืดเน่าช้าลง และแผลที่เน่าแล้วเวลากดลงไป เนื้อจะไม่คืนตัว ถ้ามีการมองด้วยตาเปล่า อาจจะเห็นได้ว่าเหมือนมีรอยช้ำ ซึ่งเราไม่สามารถมองจากตาเปล่าแล้วตัดสินได้เลย แต่ในทางนิติเวชสามารถตรวจสอบได้จากรอยช้ำนี้ได้ ส่วนบริเวณศีรษะที่มีกระแสว่ามีรอยช้ำนั้นในทางนิติเวชจะมีการผ่ากะโหลกและเปิดหนังศีรษะเพื่อดูชั้นผิวหนังว่าพบรอยช้ำในเนื้อเยื่อหรือไม่ และเป็นแผลที่เกิดขึ้นก่อนหรือหลังเสียชีวิต สามารถหาคำตอบจากศพได้
ส่วนการที่มีสถาบันอื่นร่วมชันสูตรศพรอบ 2 ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะเป็นการต่อยอดจากแพทย์คนเดิมที่ทำไว้ จากการชีววัตถุที่มีการแยกไว้แล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ดี
_1.jpg)
