วันที่ 9 มีนาคม 2565 เพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทริน์ part3 ได้แชร์คลิปวิดีโอพร้อมข้อความระบุว่า #เล่าเรื่องจากหลังไมค์ในเม้นต์ดิฉันขอความเมตตาจากเพจนี้ด้วยค่ะช่วยเป็นกระบอกเสียงคืนความยุติธรรมของดิฉันกับสามีด้วยค่ะเนื่องจากสามีได้เสียชีวิตลงเพราะสามีป่วยด้วยโรคตับระยะสุดท้ายและเป็นต้องได้รับการรักษาด่วน แต่ทางด้าน น้องชายผู้ป่วยได้ปฏิเสธการให้รับตัวกลับไปรักษา
โดยจะเห็นว่า ตลอดระยะเวลาที่ อยู่กับน้องชายนั้น มีคลิปเที่ยว ดื่มเหล้า สูบบุรี่ ซึ่งภรรยายังคงติดใจเนื่องจากไม่ใช่การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งตับระยะสุดท้ายยิ่งทำให้อาการทรุดหนัก อีกทั้งมีคลิปเสียง ที่ภรรยาถามชื่อสามีซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ หลายครั้งก่อนที่สามีจะตอบว่า "ไม่รู้"
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมายังบ้านในซอยหมู่บ้านสุขสบาย อ.เมือง จ.นครราชสีมา น.ส.กาญจนา อ่อนนอก ภรรยา อายุ 34 ปี เล่าว่า ตนเองและ นพ.นิคม นอกอ่อน สามี อยู่กินก่อนแต่งด้วยกันตลอดระยะเวลานานกว่า 11 ปี ก่อนจะแต่งงานจดทะเบียนสมรส เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 61 และอยู่กินเป็นสามีภรรยาตามปกติ
จนกระทั่ง วันที่ 29 พ.ค.64 สามีเริ่มมีอาการป่วย เกี่ยวกับเรื่องมะเร็งตับระยะสุดท้าย โดยเข้ารับการรักษาตั้งแต่วันที 29 พ.ค. 64 จนถึง 2 มิ.ย. 64 โดยตลอดระยะเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล ตนเองก็อยู่เฝ้าดูแลเป็นประจำทุกวัน สาเหตุที่ออกจากโรงพยาบาลในครั้งแรกนั้น เนื่องจากสามีเป็นคนใจร้อน ดื้อ เมื่ออาการดีขึ้นเอาแต่ใจอยากออกจากโรงพยาบาล ไม่รับการรักษาต่อ
เมื่อหลังจากออกจากโรงพยาบาลก็อยู่บ้านตามปกติ ตนเองพยายามจะพาไปโรงพยาบาลแต่สามีไม่ต้องการรักษา จนกระทั่งตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. 64 ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา รักษาตัวจนถึงในวันที่ 18 ก.ย. 64 เข้ารับการแอดมิตครั้งสุดท้าย ที่โรงพยาบาลมหาราช แล้วทางด้าน นายหลุยส์ อ่อนอก น้องชายสามี นำตัวสามีออกจากโรงพยาบาล เพื่อจะไปรักษาเองที่คลินิกของสามี ซึ่งเป็นคลินิกรักษาทั่วไป โดยได้แจ้งแพทย์ระบุว่าน้องชายจะนำตัวไปรักษาเอง แล้วจะเป็นผู้แจ้งกับภรรยาของ นพ.นิคม เอง ทำให้ตนเองมาทราบในวันที่ 19 ก.ย. 64 ตนเองเดินทางไปเยี่ยมสามี แต่ไม่พบสามีแล้ว จึงรีบเดินทางไปที่คลินิกสามี ตนเองก็เข้าดูแลสามีตลอดทุกวัน
จนกระทั่ง 7 ต.ค.64 นายหลุยส์ น้องชายสามี เดินทางมาที่คลินิก และมากีดกันตนเองไม่ให้แตะตัวหรือดูแลสามี ซึ่งสามีนอนไม่มีสติแล้ว และขัดขวางกีดกัน ด่าไล่ตนเองออกจากคลินิก ตนเองจำเป็นต้องกลับไป และในทุกวันตนเองก็พยายามเข้าไปที่คลินิก ไปดูแลสามี แต่ก็ถูกตะโกนไล่ด่าอยู่ตลอด จนกระทั่งสามีเสียชีวิตในวันที่ 21 ก.พ. 65 สามีตนได้เสียชีวิตที่คลินิกซึ่งก่อนหน้านี้ ตอนสามีป่วยทางน้องชายไม่เคยเข้ามาดูเลยมีแต่มาขอเงินตลอดตอนที่สามียังมีสติดีอยู่ อีกทั้งซึ่งเรื่องสมบัติสินสมรส ก็มีเงินจำนวน 14 ล้านบาทที่เป็นเงินของสามีตนเก็บไว้ ทางด้านน้องชายของสามีได้มีการโอนเงินสามีออกจากบัญชี เป็นรายการทั้งหมด 9 รายการ
ตั้งแต่ วันที่ 16-18 ต.ค.64 รวม 5 รายการจำนวน 14,052,000 บาท ซึ่งสามีตนเองไม่มีบัตรเดบิต หรือแอปพลิเคชันธนาคาร ในการโอน เพราะจะเห็นได้ว่าธุรกรรมนั้นเป็น โค้ด TRN โดย TR คือ รายการที่เกิดจากการโอนเงิน และ N คือ ทำรายการโดยไม่มีสมุด
ตนเองอยากให้มีหน่วยงานไหนหรือทีมทนายท่านไหนสามารถช่วยเหลือตนเองได้ ขอให้สามีตนเองได้รับความเป็นธรรม เนื่องจาก ในวันที่ตนเองถ่ายคลิปวิดีโอ คือวันที่ตนเองต้องการนำสามีออกจากคลินิก เพราะต้องการ ำสามีไปรักษาโดยด่วน ถ้าหากในวันดังกล่าวไม่ได้ถูกกีดกัน สามีก็อาจจะยังไม่เสียชีวิตในวันนี้
ด้านนายหลุยส์ อ่อนอก น้องชายของผู้ตาย เปิดเผยว่า สำหรับคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวตนก็ตกใจว่าอยู่ดีๆ ทำไมภรรยาของพี่ชายจึงได้บุกมา แล้วมาโว้ยวายว่าจะเอาพี่ชายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นตนก็ได้บอกไปแล้วว่าเอาพี่ชายไปรักษา และไปหาหมอมาแล้ว ซึ่งมีใบนัดหมอชัดเจน ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลด่านขุนทด ตนไม่เคยกีดกันให้มาพบกับพี่ชายเลย อยากมาเยี่ยมก็มาได้ แต่อย่ามาถ่ายรูปแค่นั้นเอง
ในส่วนของเงิน 14 ล้านบาท ตนยอมรับว่าเอามาจริง เพราะเป็นความประสงค์ของพี่ชายตนเองที่ให้เอาเงินไว้เลี้ยงดูคนในครอบครัว โดยระบุไว้ในพินัยกรรม ตนและพี่ชายได้ไปทำไว้ที่อำเภอด่านขุนทดก่อนเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม อยากฝากไปถึงทางภรรยาของพี่ชายว่า พี่ชายตนก็ให้อะไรมาเยอะมาก และอยากให้นึกบุญคุณที่ทางพี่ชายเคยให้ไว้ด้วย
