นักการเมือง “ช” ต้นเหตุทำเพื่อนแตงโมติดคุก อึ้งวงจรปิดทุกจุดเว้นช่วงแตงโมตาย (คลิป)

จากกรณี แตงโม หรือ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวชื่อดังตกเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่นํ้าเจ้าพระยาเมื่อเวลา 22.30 น. ของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565

วันที่ 7 มี.ค. 65 ผศ.ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ตรีเมฆ นักวิชาการอาชญาวิทยา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า ตนเองต้องขอแสดงความเสียใจกับแตงโม ซึ่งเป็นนักศึกษาปริญญาโทของวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต หลักสูตรที่ตนเองดูแลอยู่ โดยแตงโมเป็นคนร่าเริงสดใส มีปาร์ตี้สังสรรค์กันบ้าง แต่ถึงแม้บางครั้งจะมีปัญหามารุมเร้ามาปรึกษาบ้าง ก็ผ่านไปได้ทุกครั้ง เป็นคนเข้ากับผู้อื่นง่าย

สำหรับเรื่องคดี ตนเองเชื่อว่าไม่มีเจตนาฆาตกรรม โดยยึดจากจากพยานหลักฐานที่ปราฏในสื่อมวลชน และคำให้การของพยาน ยังไม่เห็นถึงขั้นพฤติการณ์ในการล่อลวงไปฆาตรกรรม หรือทำบางอย่างตามที่บางคนตั้งข้อสงสัย แต่มองว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เรื่องที่พยาน ออกมาเปิดเผยต่อสื่ออาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ทำให้กระแสสังคมยิ่งสงสัยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ส่วนที่พบขวดไวน์ใต้น้ำนั้น ตนเองยังมองว่าเป็นอุบัติเหตุแน่นอน แต่เป็นการปกปิดหลักฐาน การไปนั่งบริเวณท้ายเรือจริงหรือไม่ต้องตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งตนเองสันนิษฐานว่าคนบนเรือมีอาการเมาแน่นอน เชื่อว่าผู้ที่ขับเรือขณะเกิดเหตุไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญการขับเรือมากนัก ตนเองจึงตั้งสมมติฐานว่าน่าจะมีการทดลองขับเรือ และมีเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้น ทำให้แตงโมพลัดตกเรือ และไม่ทราบจุดที่ตกแน่นอน ทำให้เรือแล่นไปไกล จึงไม่แน่ใจพิกัดที่ตก ยิ่งทำให้ค้นหายาก

แต่แน่นอนว่าต้องมีความผิดเรื่องความประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย รวมทั้งความเมาด้วย อาจจะวางแผนว่าจะให้การกับตำรวจอย่างไรที่จะทำให้ได้รับโทษน้อยที่สุด หรือไม่ต้องรับโทษเลย และยังมีการซ่อนหลักฐานหลายอย่าง ทิ้งบางอย่างลงน้ำ และพยายามเบี่ยงเบนให้การว่าผู้ที่ประมาทคือผู้ตายเอง ส่วนกรณีคำให้การของคนบนเรือ ข้อมูลที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับแจ้งในการปัสสาวะของคุณแตงโมไม่ตรงกันนั้น ตนเองมองว่าคนบนเรือสุดท้ายแล้วต้องมีคนถูกลงความเห็นว่าผู้ใดเป็นผู้ประมาทเหมือนการขับรถ เช่น ตนเองขับรถ และเพื่อนหลังกระบะตกรถตาย ตนเองมีความผิดแน่ ๆ แต่คนนั่งไปด้วยอาจไม่ผิด

ดังนั้นเมื่อมีคำให้การที่บิดไปบิดมา อาจมีความผิดฐานให้การเท็จกับพนักงานสอบสวน ผู้ที่ผิดแน่ๆ คือคนขับเรือ คือโรเบิร์ต ส่วนจะมีการแจ้งข้อหาใครเพิ่มเติมหรือไม่นั้นต้องรอพิสูจน์ อาจจะไม่มีความผิดทางอาญา แต่ถูกสังคมตั้งข้อครหา สำหรับการชันสูตรศพที่ล่าสุดแม่ของแตงโม มีความประสงค์จะส่งไปให้แพทย์หญิงพรทิพย์ชันสูตรใหม่ ตนเองมองว่าหากบาดแผลเกิดจากอุบัติเหตุจริง พิสูจน์แล้วชัดเจนว่าอาจจะเกิดจากส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวเรือ และไม่พบบาดแผลอื่นเพิ่มอีก ต่อให้จะมีการชันสูตรอีกกี่ครั้ง เชื่อว่าผลก็จะออกมาเช่นเดิม เพราะไม่มีการทำร้ายร่างกาย หรือเจตนาฆาตกรรม

ส่วนการนำทรายบริเวณด้านล่างแม่น้ำมาเปรียบเทียบกับทรายที่พบในปอดของแตงโมนั้น เป็นการพิสูจน์ว่าร่างจมบริเวณจุดดังกล่าวจริงหรือไม่ ส่วนวงจรปิดที่ปั๊มหลังเกิดเหตุที่ คนบนเรือมีการไปพูดคุยนั้น ไม่ชี้ชัดถึงการฆาตกรรม เพราะไม่ได้ยินเสียง แต่มันบ่งบอกถึงมีการไปเตรียมการบางอย่างหรือไม่ อาจจะเตรียมให้การกับตำรวจและลบหลักฐานบางอย่างทิ้ง

ส่วนกล้องวงจรปิดที่โซเชียล บอกว่าเห็นร่างหงายหลังนั้น มีความเป็นไปได้ และใช้ประกอบสำนวนคดี แต่ตำรวจคงยึดคำให้การหลักของพยาน และเชื่อว่าตำรวจมีวิธีตรวจสอบของเขาว่าตกเรืออย่างไร ส่วนการทำงานของตำรวจชุดคลี่คลายคดี ตนเองยังมองว่าการทำงานของตำรวจปกติและเก่ง มองว่าทุกหน่วยงานทำงานกันดีเต็มที่อยู่แล้ว

นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ กล่าวว่า ในเรื่องคดีเเตงโมตนเองคาดการณ์ว่าสุดท้ายเเล้วบทสรุปของคดีจะเป็นเรื่องอุบัติเหตุ และมีคนที่จะต้องขึ้นศาล 1 คน ถึงเเม้ว่าตำรวจจะออกหมายจับ 2 คน แต่สุดท้ายอัยการก็จะสั่งฟ้องเพียงคนเดียว เพราะเรือไม่สามารถขับพร้อมกัน 2 คนได้ ส่วนคดีทางเเพ่งเป็นอีกเรื่อง โดยส่วนตัวมองว่าข้อมูลทาง GPS ที่ผู้เชี่ยวชาญเรือนำมาเปิดเผย เป็นประโยชน์ในทางคดีมาก เพราะเป็นหลักฐานในเชิงเทคโนโลยีมีความน่าเชื่อถือสูง

ส่วนการโยนขวดไวน์ หรือหลักฐานต่าง ๆ ทิ้งลงเเม่น้ำ ผู้กระทำอาจโดนดำเนินข้อหาทำลายหลักฐาน นอกจากนี้คนที่โกหกให้การไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ก็อาจโดนข้อหาให้การเท็จ

ทั้งฝนี้ กฎหมายการเดินเรือของประเทศไทยถือว่าเป็นกฎหมายโบราณ เพราะยังไม่สามารถนำมาใช้ในยุคปัจจุบันอย่างเป็นรูปธรรมได้ โดยเฉพาะการดื่มสุราขณะขับเรือ ก็ไม่สามารถดำเนินคดีได้ เพราะในกฎหมายการเดินเรือระบุเพียงว่าเข้าข่ายการกระทำไม่เหมาะสมเท่านั้น เตกต่างจากกฎหมายการจราจรทางบก ถ้าหากขับรถขณะเมาสุรา ต้องโดนคดีอาญา ดังนั้น จึงมองว่ากฎหมายการเดินเรือของบ้านเรายังล้าหลังมาก

ส่วนในเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าขณะที่เเตงโมตกจากเรือในขณะที่เรือวิ่งด้วยความเร็วปกติ เเละความเร็วคงที่ เเล้วไม่มีใครผลักหรือทำให้ตก คนขับก็ไม่มีความจำเป็นต้องจ่ายค่าสินไหมทดเเทน เพราะไม่ได้เกิดจากความประมาท เเม่ของเเตงโมก็จะไม่มีทางได้เงิน 30 ล้านบาท ตนเองขอเรียกว่า " 30 ล้านทิพย์" แต่หากตกจากเรือเพราะความประมาท ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล

"นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" อดีตนักการเมืองชื่อดัง ที่ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงคดีดังกล่าว โดยทางเข้าตัวได้ระบุประมาณว่า เมื่อโกหกแล้ว ต้องโกหกตลอดไป จากประสบการณ์ของผมที่เคยมีคดีกว่า 20 คดี "การพูดความจริง" เป็นสิ่งที่ดีที่สุด หากเริ่มต้นด้วยการโกหกในชั้นตำรวจ ก็ต้องโกหกต่อไปในชั้นอัยการศาล

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเรื่องราวดังกล่าว โดยนายชูวิทย์ ได้มีการเขียนบนกระดานก่อนที่จะมีการแถลงข่าวว่า "ส่วนตัวที่ออกมาพูดในวันนี้ แค่พูดในตามหลักการและเหตุผล รวมไปถึงประสบการณ์ที่มีจากเรื่องราวของคดี ที่มองในหลักของวิญญูชน ไม่ได้หิวแสงหรือต้องการหาซีน เพราะส่วนตัวเป็นดาวฤกษ์ ไม่ใช่ดาวเคราะห์ มีแสงในตัวเองอยู่แล้ว แต่ที่ออกมาพูดนั้นเพื่อให้ทุกคนไม่หลงประเด็น และคาดการณ์หรือเดาไปจนเป็นเรื่องเป็นราวคล้ายกับซีรีส์ หลายคนพูดไปเรื่อย คล้ายกับปั้นน้ำเป็นตัว"

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มแถลง นายชูวิทย์ ยังเขียนข้อความบนแผ่นกระดาษบิลบอร์ดที่เตรียมมา โดยคำว่า "Perfect Lie ไม่มีคำโกหกใด ที่สมบูรณ์แบบ" เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาท ไม่ใช่เป็นคดีฆาตกรรมตามที่หลายคนคาดเดา เพราะหากมองในหลักความจริง ไม่มีใครที่จะไปฆาตกรรมกลางแม่น้ำ ทำไมไม่ไปฆาตกรรมในพื้นที่ที่ไม่มีคนเห็นจะดีกว่า ส่วนประเด็นเรื่องปัสสาวะตามคำกล่าวอ้างของเพื่อน ๆ ทั้ง 5 คน "มันคือกำโกหกที่ไม่สมบูรณ์ ตีตกประเด็นนี้เสียที เพราะมันไม่มีทางที่เป็นไปได้" นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ได้เขียนใบ้ในกระดาษว่า "รถหรู - เรือเร็ว - ไวน์เหล้า - ยา - นักการเมือง" และอักษรย่อนักการเมือง "ช"

นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนอยากจะพูดในมุมของตน ว่าจริง ๆ แล้วคดีที่เกิดขึ้นมองได้ง่ายมาก หากจะให้ตนสมมติว่าหนึ่งในไฮโซท่านหนึ่งที่อยู่ในเรือและเป็นเจ้าของเรือ ด้วยความอยากจะอวดความรวย ประจวบกับอีกคนหนึ่งที่ต้องการ Connection ทำให้นัดเจอกัน พอมานัดเจอกันในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ อาจจะเป็นไปได้ที่ไม่เคยขับเรือมาก่อน อยากจะลองหัดขับเรือ ในแต่จังหวะที่กำลังขับครั้งแรก ทักษะไม่มี คลื่นหรือกระแสน้ำค่อนข้างแรงในช่วงดึก ทำให้บุคคลในเรือที่กำลังนั่งอยู่ พลัดตกจากเเรงกระชาก หรือแรงกระตุกของเรือที่เกิดจากความประมาท

"พอเกิดเหตุขึ้น มันก็ทำให้เชื่อมโยงไปยังแผนผังที่ผมได้เขียนไว้ก่อนหน้านี้ คือ รถหรู - เรือเร็ว - ไวน์เหล้า - ยา - นักการเมือง จริง ๆ แล้วประวัติของเจ้าของเรือ หรือ ไฮโซปอ ด้วยความสนิทสนมกับนักการเมืองท่านหนึ่ง อักษรย่อ ช ที่รู้จักกันเพราะมีสตอรี่เชื่อมโยงจากธุรกิจรถหรู จากเดิมที่ไฮโซปอ สมัยก่อนเปิดเต็นท์รถมือสอง ย่านพัฒนาการ ก่อนจะไต่เต้าตีสนิทกับพวกนักการเมืองและคนดังในการซื้อขาย จนผันตัวมาเปิดเต็นท์รถมืองสอง ย่านพระราม 9 และได้รู้จักสนิทสนมกับนักการเมือง "ผ" ไฮโซแก๊งรถหรู จากการแนะนำของ นักการเมือง ช" นายชูวิทย์ กล่าวให้ฟัง 

ทั้งนี้ ย้อนกลับไปช่วงที่เกิดเหตุการณ์ เมื่อคนบนเรือทั้งหมดทราบว่าสาวแตงโม พลัดตกเรือจากความประมาทจนนำไปสู่อุบัติเหตุ ด้วยความเมา ความกลัว และตกใจ ทำให้ 1 ใน 5 คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่รู้จะทำอะไร เพราะกลัวความผิด จึงตัดสินใจไปปรึกษากับทางนักการเมือง "ช" ก่อนจะได้รับคำแนะนำว่าให้โบ้ยความผิดให้คนตาย ซึ่งตนมองว่าเป็นคำปรึกษาที่ค่อนข้างโง่ ทั้ง ๆ ที่ความจริงทั้ง 5 คนให้การไปตามปกติว่าเป็นการประมาทก็น่าจะจบ แต่เมื่อโกหกตั้งแต่ต้นสุดท้ายจบยาก ทั้งที่ทั้ง 5 คนไม่ได้มีเจตนาที่จะหนีความผิด แค่เบี่ยงความผิด โดยที่ความจริงไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านี้ ถามว่านักการเมือง ช และ ผ มีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องหรือแทรกแซงคดีหรือไม่ ในส่วนนี้คงไม่ใช่มีแค่การให้คำแนะนำเฉย ๆ

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตจากคนดังบางคน ที่มองว่าคดีที่เกิดขึ้นอาจเชื่อมโยงถึงคนมีสี หรือพวกนักการเมืองที่จ้างงานสาวแตงโม ไปเอนเตอร์เทน โดยคนมีสีคนดังกล่าวได้ไปรออยู่ที่โรงแรมริมน้ำชื่อดังแห่งหนึ่ง ตนมองว่าเป็นเรื่องไม่จริงล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะหากมองตามหลักความเป็นจริง ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนที่จะจ้างงานเด็กแล้วให้ไปนั่งรอ ความจริงที่ตนทราบส่วนใหญ่เด็กจะต้องไปนั่งรอผู้ใหญ่มากกว่า ซ้ำไม่มีปล่อยให้เด็กไปนั่งชมวิว ถ่ายภาพจิบไวน์ระหว่างที่รอ จึงค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เลยอยากให้ตัดประเด็นนี้ทิ้งไป ส่วนคนที่ออกมากุข่าวนั้น ตนเชื่อว่าคงเป็นกระบวนการพาดพิงหรือหวังโจมตีนักการเมืองคนใดคนหนึ่ง

เชื่อว่าที่ทั้ง 5 คนหลบไปตั้งหลัก 1-2 วัน ส่วนหนึ่งเพราะมีเรื่องของสารบางอย่างหรือไม่ ส่วนที่มีประเด็นที่ทางทนายตั้ม ษิทรา ออกมาระบุว่ามีนายพลอักษรย่อ น. ขายสำนวนคดีแตงโมนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะคดีนี้เองเป็นที่จับจ้องของสังคม เชื่อตำรวจเองก็ไม่กล้าพูดหรือออกมาให้ข้อมูลจนกว่าคดีจะสิ้นสุด สุดท้ายแล้วส่วนตัวอยากจะให้พูดความจริง เหตุการณ์จริง พร้อมเตือนไปถึงสังคมในฐานะที่ตนเคยมีคดี บางเรื่องไม่ควรโกหก เมื่อคุณโกหกเริ่มต้นจากชั้นตำรวจ ก็จะต้องมีการโกหกไปเรื่อย ๆ ถึงขั้นศาล สุดท้ายไม่มีประโยนช์ การพูดความจริงบางครั้งอาจจะจงต้องเจ็บตัว ให้มองเสียว่าความซวยมาเยือน

ซึ่งล่าสุด มีการย้ายเรือลำที่เกิดเหตุแล้ว เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 65 ไปไว้ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี

นอกจากนี้ หลังเกิดเหตุ วันที่ 24 ก.พ. 65 เมื่อเวลา 22.34 น. พบภาพจากกล้องวงจรปิดของเรือกลุ่มนายปอ กำลังขับเรือวนหาร่างของแตงโม แต่ตรวจสอบย้อนหลังแล้ว กล้องวงจรปิดช่วงเวลาก่อนหน้านี้ 22.32 น. เสียหาย จึงไม่มีภาพเหตุการณ์ช่วงนั้น พบเพียงกล้องวงจรปิดในช่วงเวลา 22.10 น. ก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- รองผบช.ภ.1 เผย มีคนบนเรืออัพยาจริง เช็กมือถือ ปอ พบโทรหาผู้ใหญ่ระดับบิ๊ก ส่วนคดีคงไม่พลิกจาก อุบัติเหตุ
- ลุงพล ผู้ต้องหาคดีน้องชมพู่ โผล่แนะ คดีแตงโม ตร.ต้องทำงานรัดกุม จะได้ไม่มี "แพะ"
- ทนายตั้ม ผิดหวัง พี่ชายแตงโม ถอนตัวตามคดีน้องสาว หลังแม่เครียดจัดความดันขึ้น