กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ Part 3" โพสต์เรื่องราวของหนุ่มพลเมืองดีที่เข้าไปช่วยแม่ลูกคู่หนึ่งริมแอ่งน้ำในป่าข้างทาง พร้อมระบุข้อความว่า "ขอบคุณพลเมืองดี ที่ช่วยแม่น้องและตัวน้อง ใครรู้จักหรือเป็นญาติติดต่อไปที่ รพ.ได้เลย ตอนนี่แม่น้องกับน้องอยู่โรงพยาบาลสามพราน นครปฐม ยังติดต่อญาติไม่ได้ ขอบคุณติ๊กต็อก @balnatta"
ล่าสุดวันที่ 16 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ในอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม พบว่าในที่เกิดเหตุเป็นแอ่งน้ำในป่าข้างทาง คาดว่าหญิงคนดังกล่าวน่าจะตั้งใจลงไปหาปลาหาหอย
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายณัฐพล นาวิรัตน์ อายุ 26 ปี พลเมืองดีที่เข้าช่วยเหลือและเป็นผู้ถ่ายคลิปดังกล่าว เปิดเผยว่า ในช่วงเกิดเหตุ เวลาประมาณ 12.00 น. ขณะที่ตนนั่งกินข้าวอยู่ที่ร้านอาหารข้าง ๆ ที่เกิดเหตุ มีลุงคนหนึ่งวิ่งมาบอกว่า มีเด็กผู้ชายยืนร้องไห้ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เมื่อตนเดินไปหาก็พบเด็กคนดังกล่าวตัวเปียก กำลังยืนร้องไห้ร้องเรียก “แม่ ๆ” พร้อมชี้นิ้วไปที่แอ่งน้ำ ตนจึงถอดเสื้อคลุมให้เด็กที่ยืนตัวสั่นเพราะหนาว และวิ่งไปดูตามที่เด็กชี้ไปที่แอ่งน้ำ จึงไปเห็นว่าแม่ของเด็กนอนตะแคงหมดสติอยู่ริมน้ำ ตนก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้เข้ามาช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ตนสอบถามจากผู้ที่เห็นเหตุการณ์ ทราบว่าก่อนที่จะเกิดเหตุแม่ลูกคู่นี้ว่ายน้ำเล่นอยู่ในแอ่งน้ำ ก่อนจะว่ายน้ำอย่างเร็วเหมือนหนีอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น กระทั่งมีคนไปเจอเด็กชายยืนร้องไห้ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นตนทราบอาการของผู้หญิงคนดังกล่าวอยู่ในห้องไอซียู ร่างกายเริ่มตอบสนอง และขยับมือได้แล้ว แต่ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเขาป่วยเป็นโรคอะไร ส่วนเด็กอาการปลอดภัยดีแล้วเช่นกัน ซึ่งโรงพยาบาลยังไม่อนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมตามกฎระเบียบการป้องกันโรคโควิด-19
นอกจากนี้ นายณัฐพล ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลสามพราน พร้อมทั้งซื้อนมไปให้เด็ก จึงสอบถามอาการผู้เป็นแม่กับพยาบาลว่าอาการเป็นอย่างไร ทราบว่าตอนนี้แม่เด็กอยู่ในห้องไอซียู เหมือนจะรู้ตัวแล้ว
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.สุพรรณี อุ่นตาดี อายุ 31 ปี น้องสาวของหญิงคนดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้เดินทางไปดูอาการของนางนารี อุ่นตาดี อายุ 40 ปี พี่สาวที่ห้องไอซียู ขณะนี้อาการดีขึ้นเยอะแล้ว แต่แพทย์ยังสั่งให้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ตนก็สอบถามพี่สาวทราบว่า ในวันเกิดเหตุไปงมหอย แต่ช่วงที่ว่ายน้ำเข้าฝั่งหมดแรง ทำให้หมดสติริมแอ่งน้ำอยู่อย่างนั้น ส่วนหลานชายวัย 3 ขวบ ญาติไปรับกลับจากโรงพยาบาลมาอยู่ที่บ้านด้วยกันแล้ว
นายปุ้ย อายุ 40 ปี สามีของหญิงคนดังกล่าว เล่าให้ฟังว่า ขณะเกิดเหตุตนไปทำงานอยู่ที่จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งตนมีลูกกับภรรยา 3 คน โดยที่ภรรยาจะนำลูกคนเล็กมาเลี้ยงดู และอีก 2 คน อาศัยอยู่ที่ อ.เลาขวัญ บ้านของพ่อตาแม่ยาย ทั้งนี้ภรรยาของตนป่วยเป็นโรคเลือดจาง จึงทำให้มีอาการหมดแรงบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่คาดคิดว่าอาการจะหนักเช่นนี้
