วันที่ 14 ม.ค. 62 พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป. และพ.ต.ท.ปิยพล แป้นแก้ว สารวัตร กก.ปก.บ. พร้อมกำลังตำรวจกองปราบ ลงพื้นที่เพื่อจับกุมตัว นายประเสริฐ พูลทรัพย์ อายุ 73 ปี ชาวร้อยเอ็ด ที่บริเวณหน้าบ้านพักใน ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
โดย นายประเสริฐ พูลทรัพย์ เป็นผู้ต้องหาที่ถูกศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ออกหมายจับเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 57 หลังก่อเหตุพยายามข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุ 11 ปี และหนีคดีมาอาศัยอยู่ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งคดีดังกล่าว นายประเสริฐ ถูกแจ้งข้อหา พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแล และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตนเองโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
หลังจากการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายประเสริฐ กลับมาสอบสวนที่ศูนย์ประสานงานกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม จ.สงขลา โดยนายประเสริฐ ยอมรับสารภาพแต่โดยดี
ซึ่ง
นายประเสริฐ พูลทรัพย์ ผู้ต้องหา ให้การว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ขณะนั้นตนอาศัยอยู่ที่ภูมิลำเนาเดิมที่ ต.สามขา อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด มีเด็กหญิงอายุประมาณ 11 ปี ซึ่งเป็นญาติ และมีบ้านพักอยู่ใกล้กัน มาหาที่บ้านและขอเงินไปซื้อขนมตามประสาเด็ก จึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบ หลอกเด็กเข้าไปเอาเงินในบ้านและพยายามข่มขืนแต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากเด็กตัวเล็กเกินไป ตนพยายามก่อเหตุถึง 3 ครั้ง แต่สุดท้ายความแตกและถูกแจ้งความจับ จึงต้องหลบหนีออกจากหมู่บ้านมาอาศัยอยู่ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
นายประเสริฐ ยังบอกอีกว่า ตนเป็นคนมีอารมณ์ทางเพศสูง ขณะนี้มีภรรยาทั้งหมด 4 คน และเมื่อมาอยู่ที่ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิม ตนจึงได้เปลี่ยนชื่อให้คล้ายกับคนในพื้นที่เป็น นายบาแระ มุตามะ เพื่อปลอมตัวไม่ให้ใครรู้จักชื่อจริง และหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม แต่สุดท้ายก็ไม่รอด
โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งตัวผู้ต้องหากลับไปดำเนินคดีที่ สภ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุต่อไป