จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก KenWuttipong โพสต์เรื่องราว เหตุการณ์ลูกชายอายุ 3 ปี ถูกตะปูเกลียวทิ่มทะลุพื้นรองเท้า ได้รับบาดเจ็บเท้าเป็นแผล จากนั้นต่อมาเจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยานเชียงใหม่ แนะนำให้ไปที่ห้องพยาบาลของท่าอากาศยาน เพื่อทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
และเมื่อเสร็จแล้วจะเดินทางกลับ เพื่อไปโรงพยาบาล ปรากฏว่าถูกเรียกเก็บค่ารักษาจำนวน 100 บาท ซึ่งแม้จะเป็นจำนวนเงินที่ไม่มาก แต่ตนเสียความรู้สึกอย่างมาก เพราะเห็นว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดกับผู้ใช้บริการในพื้นที่รับผิดชอบของท่าอากาศยาน และเป็นเพียงการช่วยเหลือเบื้องต้นเท่านั้น
วันที่ 8 ม.ค. 62
นายวุฒิพงษ์ ใจข้อ อายุ 43 ปี ผู้โพสต์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเย็นวันที่ 5 ม.ค. 62 ซึ่งหลังจากที่ถูกเรียกเก็บเงิน ยอมรับว่ารู้สึกโกรธอย่างมาก เพราะแม้จะเป็นจำนวนเงินเพียงเล็กน้อย แต่ท่าอากาศยานฯ ก็ควรจะเป็นความรับผิดชอบ เนื่องจากปล่อยให้มีตะปูตกอยู่ และเกิดเหตุกับลูกชายของตน
โดยขณะนี้ แพทย์ตรวจรักษาบาดแผลของลูกชายด้วยการเปิดปากแผลให้กว้างขึ้น เนื่องจากแผลที่โดนตะปูจะปิดเร็ว แต่จะมีโพรงอยู่ข้างใน ทำให้เกิดหนองได้ ส่วนบาดทะยักไม่ต้องฉีดยา เพราะเคยได้รับวัคซีนไปแล้ว
ซึ่ง
นายวุฒิพงษ์ กล่าวอีกว่า ตนได้รับการติดต่อจากทางนายแพทย์ประจำคลินิกแพทย์ท่าอากาศยานเชียงใหม่ โดยอธิบายว่าการเรียกเก็บเงินดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายยกระดับการบริการทางการแพทย์ และช่วงที่ทำการรักษา เป็นพยาบาลเวรจากภายนอก ส่วนกรณีอุบัติเหตุท่าอากาศยานฯ จะให้ผู้โดยสาร รวมทั้งญาติสำรองจ่ายไปก่อน และนำใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลมาแจ้งเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการเบิกจ่ายต่อไป ทั้งนี้ ยอมรับว่าหลังจากที่ได้รับฟังการชี้แจงอธิบายแล้วรู้สึกพอใจ และเกิดความเข้าใจที่ดี
ด้าน
เรืออากาศโทธนันท์รัฐ ประเสริฐศรี รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ยืนยันว่า สนามบินเชียงใหม่ ให้ความสำคัญในการดูแลผู้โดยสารเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งในกรณีที่เกิดเหตุจากข้อบกพร่องของท่าอากาศยานพร้อมที่จะรับผิดชอบ ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการอาจต้องสำรองจ่ายไปก่อน และนำใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด มาแจ้งเพื่อเข้าสู่กระบวนการและรับเงินคืน