นร.กรุงเทพคริสเตียน ดีใจใส่ชุดไปรเวตไปเรียน ย้ำแต่งตามกาลเทศะ รองเท้าคู่ละหมื่น (คลิป)

จากกรณี วันที่ 8 ม.ค. 62 ที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ประกาศให้นักเรียน สามารถสวมชุดลำลอง หรือ ชุดไปรเวตมาเรียนได้ทุกวันอังคาร ซึ่งวันนี้เป็นวันแรก (อ่าน : เปิดแฟชั่น! ชุดไปรเวท นร.กรุงเทพคริสเตียน ทดลอง 1 เทอม เสริมคิดสร้างสรรค์ ร่วมสังคมเสมือนจริง)

ด้าน นายศุภกิจ จิตคล่องทรัพย์ ผอ.โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย เปิดเผยถึงกรณีที่มีนโยบายให้นักเรียนใส่ชุดไปรเวตมาเรียน ทุกวันอังคารว่า กรณีดังกล่าวเป็นการทดลองเพื่อศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายนักเรียน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เป็นโรงเรียนแห่งความสุข และมีการวางแผนแนวคิดนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยกิจกรรมนี้ จะเป็นการจำลองสังคมจำลองให้เด็กได้มีการเรียนรู้ และแสดงความเป็นตัวตน รวมทั้งการยอมรับจากสังคมผ่านการแต่งเครื่องแต่งกายต่าง ๆ โดยมีครูคอยให้คำแนะนำที่ถูกต้องอยู่เสมอ จากการลงพื้นที่สำรวจ และพูดคุยกับนักเรียนในโรงเรียน หลายคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การให้นักเรียนได้เลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ใส่มาเรียนเอง คือการให้อิสระเสรีทางความคิดแบบหนึ่ง เป็นการส่งเสริมการคิดนอกกรอบ ส่วนเรื่องความเหมาะสมในการแต่งกายนั้น เป็นเรื่องที่โรงเรียนให้ความสำคัญอยู่แล้ว เพราะแม้ว่าจะให้แต่งกายในชุดไปรเวตได้อย่างเสรี แต่ก็ยังต้องมีกาลเทศะ ไม่ให้ใส่รองเท้าแตะ เสื้อกล้าม เสื้อแขนกุด ซึ่งนักเรียนทุกคนต่างเข้าใจ

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในเครื่องแต่งกายที่สังคมมองว่าจะเป็นการฟุ่มเฟือย หรือสิ้นเปลืองสำหรับผู้ปกครองหรือไม่นั้น เด็กนักเรียนในโรงเรียนหลายคนบอกว่า ชุดเสื้อผ้าที่นำมาใส่ก็เป็นชุดที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ก็เพียงแค่เปลี่ยนสถานที่เอามาใส่ที่โรงเรียน ส่วนเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ที่บางคนอาจมองว่าจะมีการแข่งขัน หรือการอวดกัน จากการสอบถามก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร เพราะยุคสมัยนี้เด็ก ๆ ไม่ได้มานั่งเปรียบเทียบกันเหมือนแต่ก่อน

โดยในวันนี้พบว่า นักเรียนบางคนใส่เสื้อยืดธรรมดา กางกางยีนส์ รองเท้าผ้าใบทั่วไป แต่บางคนก็ใส่แบรนด์เนมที่มีราคาสูง อย่างเช่นรองเท้าราคาหลักหมื่น เสื้อผ้าหลักพัน แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นผลกระทบอะไร เนื่องจากปกติในชีวิตประจำวันเด็ก ๆ เหล่านี้ ก็จะใช้สิ่งของจำพวกนี้อยู่แล้ว

โดย เด็กชายนิโคลัส อาเลคเซเยพว บุญหนุน บอกว่า วันนี้ได้ใส่เสื้อผ้าชุดไปรเวตก็ตื่นเต้น และรู้สึกดีที่ผู้ใหญ่ได้ให้เสรีทางความคิดผ่านการเลือกเครื่องแต่งกาย โดยเสื้อผ้าที่ตนใส่ ไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์หรูอะไร ส่วนเรื่องการอวดโอ้กันในกลุ่มเพื่อนก็มองว่าช่วงนี้เป็นช่วงแรกก็เป็นธรรมดา ที่แต่ละคนจะเลือกเสื้อผ้าที่โดดเด่นมาใส่ แต่ต่อไปทุกคนก็คงจะชินไปเอง

เช่นเดียวกับนายพศิน ปิยะทัต นักเรียนชั้น ม.5/13 ที่บอกว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นผลกระทบอะไรกับตนเองอยู่แล้ว เพราะเสื้อผ้าที่ใส่ก็เป็นเสื้อผ้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เวลาอยู่บ้าน หรือไปเที่ยว ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องซีเรียสกับการแต่งตัวอะไรมาก ขอแค่ใส่แล้วสบาย ทำกิจกรรมกับโรงเรียนได้ก็พอ

ซึ่งวันนี้ตนก็ได้ใส่เสื้อผ้าแนวทั่วไป โดยรองเท้าราคาคู่ละหลักหมื่นบาท กางเกงตัวหลักร้อย เสื้อยืดก็ราคาหลักพัน ตามปกติที่เคยใส่