กรณีร้านซีฟู้ดดัง สถานีมีหอย ถูกสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการเหยียดเพศที่สาม กรณีแต่งตัวเป็นผู้หญิง และทำท่าล้อเลียน โดยทางร้านจะออกมาตอบโต้ ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะเหยียดหยาม หรือดูถูกใคร โดยมีเจตนาเพื่อต้องการเอนเตอร์เทนลูกค้าเท่านั้น หากโลกสวยก็ไม่ต้องมากิน ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่าน :
ดังทะลุโลก ร้านซีฟู้ดหนุ่มล่ำ โต้สื่อนอกไม่อนาจาร โชว์บึกดูดลูกค้า) ล่าสุด คลิปวิดีโอของร้านที่มีการเผยแพร่และถูกวิจารณ์ถึงความเหมาะสม ปรากฏภาพพนักงานชายของร้าน แต่งชุดผู้หญิงเซ็กซี่ เต้นท่าโยกเอวใส่หน้าเด็กที่อยู่บริเวณหน้าร้านนั้น
วันที่ 7 ม.ค. 62
นายกิตตินันท์ ธรมธัช หรือ แดนนี่ นายกสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย เผยว่า กรณีร้านสถานีมีหอยตนขอกล่าวขอแยกเป็น 3 ส่วน คือ
1. ในเรื่องของการแต่งกาย ผู้ชายสามารถแต่งตัวเป็นผู้หญิง ผู้หญิงสามารถแต่งตัวเป็นผู้ชาย เป็นความหลากหลายทางเพศ และสิทธิมนุษยชนที่เราสามารถแต่งกายแบบข้ามเพศได้ หรือจะแต่งแบบถูกเพศก็ได้ แต่ไม่ว่าจะแต่งกายอย่างไรก็จะต้องคำนึงถึงเรื่องกาลเทศะ
2. การนำเสนอ หากแต่งกายแล้วนำเสนอออกไปแบบลามกอนาจาร ไม่ว่าเพศไหนก็ถือว่าผิดทั้งนั้น ซึ่งกรณีของร้านสถานีมีหอยนั้น ถือว่าเป็นการเหยียดเพศ เนื่องจากเป็นการแสดงออกให้เห็นว่ากะเทยจะต้องแสดงอาการแบบนี้ ทำให้สังคมประนาม ว่ากะเทยมีนิสัย ทะลึ่ง ในเรื่องของทางเพศ
3. ต้องดูว่าการนำเสนอที่กล่าวมาทั้ง 2 ข้อนั้น ไปทำต่อหน้าใคร ถ้าไปทำต่อหน้าเด็กซึ่งเป็นเยาวชน เมื่อเด็กได้รับชมการแสดงแบบนี้ทำให้เด็กจำภาพ และซึมซาบพฤติกรรมแบบนี้เข้าไป ทำให้เด็กที่จะหล่อหลอมเป็นผู้ใหญ่ มองว่าเพศที่ 3 จะต้องมีลักษณะนิสัยแบบนี้
ซึ่งหากจะมองว่าเป็นจุดขายของร้าน อะไรก็ตามที่เป็นจุดขายจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และศีลธรรมอันดีงาม หากวันหนึ่งตนขายผัดไทยและไปแก้ผ้าขายบ้าง ซึ่งก็สามารถใช้เป็นจุดขายของร้านได้เหมือนกัน แต่อยากให้สังคมคิดต่อว่า เรื่องอย่างนี้ควรจะทำ และสามารถทำได้ไหม
ส่วนการแต่งกายของร้านสถานีมีหอย ที่แต่งกายไม่มิดชิด และมีการแสดงออกในลักษณะลามกอนาจาร ต่อสาธารณะชน เพราะร้านเองก็ไม่สามารถจะเลือกได้ว่า ผู้ที่จะเข้ามาในร้านหรือรับชมการแสดงของร้านนั้นจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ จึงทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ร้านดังกล่าว
ทีมข่าวลงพื้นที่ร้านสถานีมีหอย ที่ตลาดนัดหัวมุมเกษตร - นวมินทร์ พบว่าวันนี้ยังคงมีชายหนุ่มมีกล้าม หุ่นล่ำ แต่งกายในชุดเดรสของผู้หญิง เต้นบริการลูกค้าที่นั่งทานอาหารเหมือนเดิม โดยมีการเต้นรูดเสาร้าน และส่งเสียงกรีดร้องตลอด สร้างเสียงหัวเราะและความสนุกสนานให้กับลูกค้า
ด้าน
นายวีระศักดิ์ มะสะอาว หรือเติ้ล เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า เหตุเกิดวันที่ 31 ธ.ค. 61 เวลา 23.00 น. คืนเคาท์ดาวน์ปีใหม่ ทำให้ที่ร้านมีลูกค้ายืนต่อคิวเป็นจำนวนมาก ตนและคณะไม่อยากให้ลูกค้าเครียดจึงได้เต้นเอนเตอร์เทนซึ่งเป็นช่วงที่สนุกถึงขีดสุด ระหว่างนั้นตนจึงเต้นท่าแมงมุมเดินไปรอบ ๆ
หลังทราบเรื่อง ตนยอมรับว่าอาจสนุกมากเกินไปจนไม่ทันคิด ทำให้ภาพออกมาไม่ดี ประกอบกับเหตุการณ์เกิดกับเด็กด้วย ตนจึงไม่อยากให้โทษพ่อแม่หรือโทษเด็ก อีกทั้งหากสังคมอยากด่าก็ขอให้ด่าตนเพียงผู้เดียว
นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนเป็นคนรู้ว่าใครกำลังสนุกกับตน และที่ตนกล้าเข้าไปเล่นเพราะเด็กมากับครอบครัว ซึ่งตอนนั้นก็เห็นว่า เด็ก และพ่อแม่กำลังสนุก เพราะหากเด็กร้องไห้ตนก็จะหยุดเต้น ไม่ฝืนเด็ก แต่ตนอาจพลาดไม่ทันได้คิดว่าน้องเขาเป็นเด็ก ซึ่งตนก็กล้าสาบานว่าเด็กไม่ได้ร้องไห้ และต้องการขอโทษจากใจที่ภาพออกมาไม่ดี
อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่อยากแก้ตัว ก็ต้องขอยอมรับผิดเพียงผู้เดียว ซึ่งตนก็ไม่โกรธที่มีคนมาด่าหรือวิจารณ์และถือว่าเขาเตือนสติตน แต่ตนจะโฟกัสกับลูกค้าที่เหมือนครอบครัวมากกว่า เพราะอยากให้ลูกค้ามีความสุข ตนจึงต้องสร้างความสนุกสนานอย่างเต็มที่ ซึ่งตอนนี้หลังเป็นข่าว ลูกค้าก็ไม่ได้ลดลงและยังคงเชื่อถือร้านเหมือนเดิม
ทั้งนี้ กฎกระทรวงฯ เรื่อง สุขลักษณะของสถานที่จําหน่ายอาหาร พ.ศ. 2561 หมวด 4 สุขลักษณะส่วนบุคคลของผู้ประกอบกิจการและผู้สัมผัสอาหาร ข้อ 21 วรรค 4 ระบุว่า "ผู้สัมผัสอาหารต้องล้างมือและปฏิบัติตนในการเตรียม ประกอบ ปรุง จําหน่ายและเสิร์ฟอาหาร ให้ถูกสุขลักษณะ และไม่กระทําการใด ๆ ที่จะทําให้เกิดการปนเปื้อนต่ออาหารหรือก่อให้เกิดโรค"