เปิดใจป้ามือไล่แทงฝรั่ง รับสุดทนคนหมู่บ้านรังแก ต้องเขวี้ยงขี้ใส่ เพื่อป้องกันตัว - คนในซอยผวา แห่ขายบ้านทิ้ง (คลิป)

กรณีลูกบ้านในหมู่บ้านซอย 20 เทศบาลห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี เปิดเผยพฤติกรรมของเพื่อนบ้าน คือ หญิงวัย 60 ปี ซึ่งมักก่อเหตุคุกคามเพื่อนบ้าน และใช้อาวุธมีดข่มขู่ จนทำให้คนภายในหมู่บ้านเกิดอาการหวาดกลัว

วันที่ 7 ม.ค. 62 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ยังหมู่บ้านดังกล่าว พบว่า ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยวหนึ่งชั้น ผู้ที่อาศัยมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยกว่าร้อยละ 80 เป็นชาวต่างชาติที่มีครอบครัวเป็นชาวไทย

ขณะที่โดยรอบบ้านของผู้ก่อเหตุพบว่าส่วนใหญ่ติดป้ายประกาศขาย และมีป้ายประกาศลดราคาเอาไว้ ส่วนบ้านบางหลังก็ปล่อยให้เช่าราคาถูก ซึ่งนอกจากจะติดป้ายเอาไว้แล้ว ภายในบ้านก็ไม่มีคนอาศัยอยู่ คาดว่าจะมีการย้ายออกไปอาศัยอยู่ที่อื่นชั่วคราว

ขณะที่ ป้านก วัย 60 ปี หญิงผู้ก่อเหตุ ได้โต้ตอบและพูดคุยกับทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ผ่านรั้วบ้าน โดยบางช่วงพูดจาดีสุภาพ แต่บางช่วงก็ตะโกนด่าทอ พร้อมอ้างว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัวไม่จำเป็นต้องนำเสนอข่าว เพราะไม่ได้ฆ่าคนตาย

ป้านก เปิดเผยว่า ปัญหาครั้งนี้เกิดจากเรื่องส่วนตัว เพียงแค่ตนติดค่าส่วนกลาง 2 เดือน เป็นเงินประมาณ 2,000 บาท ต่อมาชาวบ้านและนิติบุคคลของโครงการจึงเข้ามาคุกคาม ด้วยการถอดมิเตอร์น้ำออก ตนเองจึงต้องป้องกันกันสิทธิ และนอกจากนี้ ตนยอมรับว่าได้ปาหินและขี้หมาใส่บ้านข้างเคียงจริง แต่ทำไปเนื่องจากขณะนั้นเป็นเวลาช่วงประมาณ 03.00 น. ข้างบ้านส่งเสียงดังรบกวน ตนรู้สึกไม่พอใจจึงก่อเหตุ ซึ่งหากไม่มีเหตุดังกล่าว ตนก็คงไม่ทำ นอกจากนี้ ป้านก เปิดเผยอีกว่า ขณะนี้หน้าบ้านตนก็ติดป้ายประกาศขายไปแล้ว แต่ยังไม่มีใครซื้อ เนื่องจากตนก็ไม่อยากทนกับเพื่อนบ้านแบบนี้ และต้องการย้ายออกจากหมู่บ้านเช่นเดียวกัน โดยเบื้องต้น ตนเตรียมกลับไปอยู่ที่ต่างจังหวัดชั่วคราว

ขณะเดียวกัน ลุงเล็ก (นามสมมติ) รปภ.ของหมู่บ้าน เปิดเผยว่า ป้านกอาศัยอยู่ที่บ้านเพียงลำพัง ส่วนใหญ่ผ่านเข้าออกก็จะมีทักทาย รปภ. บ้างเป็นบางครั้ง ขึ้นอยู่กับอารมณ์ บางครั้งก็พูดจาดี บางครั้งก็โมโหร้าย

โดยกรณีล่าสุดที่ตนเข้าไปห้าม เป็นเหตุที่ป้านกกำลังมีเรื่องกับชาวต่างชาติ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า ป้านกใช้มีดไล่แทงฝรั่ง ส่วนฝรั่งก็ยกจักรยานขึ้นมาเพื่อป้องกัน ตนจึงเข้าไประงับเหตุโดยแยกทั้งสองออกจากกัน ยอมรับว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ทั้งหมด ขณะนี้เริ่มมีคนหวาดกลัว กระทั่ง รปภ. ก็ยังรู้สึกหวาดกลัวไปด้วย เพราะแค่ปฎิบัติหน้าที่ปกติ ด้วยการปั่นจักรยานผ่านหน้าบ้าน ก็ยังถูกตะโกนต่อว่า "มาตรวจเวรทำไมเวลานี้"

ด้าน นายเฮลี่ ชายแลนเบิค อายุ 56 ปี เพื่อนของผู้เสียหาย เปิดเผยผ่านล่ามคือ นางสาวสมรักษ์ จัตุประสาน อายุ 47 ปี ว่า ตนในฐานะชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยในหมู่บ้านแห่งนี้ ก็เริ่มมีความหวาดกลัวและกังวลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากพฤติกรรมของป้านกมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จากเดิมแค่เพียงด่าทอและใช้ถ้อยคำที่รุนแรงหยาบคาย ปัจจุบันเปลี่ยนมาพกอาวุธติดตัว โดยเฉพาะอาวุธมีด อีกทั้งยังข่มขู่ว่าภายในบ้านมีปืน ทำให้ทุกคนเกิดความหวาดกลัว จากกรณีดังกล่าว ตนจึงอยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงญาติของป้านกที่ติดตามข่าวให้เข้ามารับตัวป้านกไปรักษา เพราะเชื่อว่าอาจมีอาการป่วย

ในวันเดียวกันนี้ พนักงานสอบสวน ที่ สภ.ห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี เรียกให้ป้านก พร้อมด้วยคู่กรณี เข้ามาพบกับพนักงานสอบสวน โดยพบว่าบรรยากาศภายในห้องสอบสวนที่ สภ.ห้วยใหญ่ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

หลังจากนั้น ป้านกเดินออกมาด้วยหน้าตาที่สดใส พร้อมเปิดเผยว่า กรณีคลิปที่ตนถือมีด ลักษณะคล้ายกำลังจะเข้าไปก่อเหตุฝรั่งชาวต่างชาตินั้น เนื่องจากชายคนดังกล่าวมีพฤติกรรม คล้ายกับเหยียบหน้าตัวเอง เพราะเห็นว่าหากตนเคลื่อนไหวอะไรนิดหน่อยก็มักเป็นเรื่องเป็นราวอยู่ตลอดเวลา หรือเพียงแค่จะออกจากบ้านก็ถูกอีกฝ่ายถ่ายคลิป

ซึ่ง ป้านก บอกอีกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ หากไม่มีใครคุกคาม ตนก็ไม่มีเหตุผลที่จะไปคุกคามคนเหล่านั้นเช่นกัน เนื่องจากในวันที่มีการบันทึกคลิป พบว่ามีกลุ่มคนรวมตัวกันมาประมาณ 10 - 20 คน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ตนจะป้องกันตัวเอง อีกทั้งมีการข่มขู่ว่าจะตัดมิเตอร์น้ำ ทำให้ตนเองไม่พอใจ สุดท้ายตนยืนยันว่า จะยังไม่ย้ายบ้านตอนนี้ เนื่องจากบ้านของตนที่นี่ยังขายไม่ได้ แต่วันพรุ่งนี้ (8 ม.ค.) ตนจะขอไปธุระที่บ้านญาติต่างจังหวัด แล้วจะกลับมาใหม่ พร้อมฝากบอกเพื่อนบ้านว่า ป้าไม่หนีไปไหน

ขณะที่ นายไพรัตน์ ไตรศุภโชค นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลห้วยใหญ่ เปิดเผยว่า เบื้องต้น ได้ตรวจสอบเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวแล้ว พบว่าผู้หญิงคนดังกล่าวพักอาศัยอยู่คนเดียว ไม่มีญาติพี่น้อง ซึ่งเทศบาลนั้นจะประสานสาธารณสุขตำบลห้วยใหญ่ เพื่อประเมินว่าเป็นผู้ป่วยหรือไม่ หากจะต้องถึงขั้นต้องไปบำบัดดูแล เทศบาลก็พร้อมจะประสานนำส่ง รพ.ชลบุรี แผนกจิตเวช เพื่อป้องกันปัญหาบานปลาย