สาวช้ำขอปลิดชีพหนีอาย ถูกขืนใจแต่ศาลยกฟ้องคนผิด - จำเลยโต้เมามึนมโนเอง

ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนจากญาติของนางสาวอ้อมพยายามฆ่าตัวตาย ด้วยการกินยาฆ่าแมลง จุดที่ก่อเหตุคือบ้านของคู่กรณี ที่เคยมีเรื่องฟ้องร้องในข้อหากระทำอนาจาร ซึ่งผู้ที่ถูกกล่างหาว่ากระทำอนาจารนั้น คือพี่เขยของสามี จึงทำใจที่จะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ และอยากจะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเองนั้น

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ทีมข่าวได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลใน จ.ราชบุรี ซึ่งผู้เสียหายทราบชื่อ นางสาวพุ่มพวง หรือ อ้อม กำลังอยู่ในระหว่างการรักษาตัวภายในห้องฉุกเฉิน หลังจากที่เมื่อันที่ 2 ก.พ. 65 ได้ก่อเหตุทำร้ายตัวเองด้วยการกินยาฆ่าแมลง โดยขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่ ญาติพี่น้องของผู้เสียหายเดินทางมาเฝ้ารอดูอาการ ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหมอบอกว่า ตอนนี้ทำให้เพียงยื้อเวลาเท่านั้น

นายจีรศักดิ์ กลิ่นไทร อายุ 32 ปี สามีของผู้เสียหาย เผยทั้งน้ำตาว่า ช่วงเช้าของเมื่อวานนี้ ตนกำลังจะไปช่วยญาติพี่น้องทำนาตามปกติ เลยบอกให้นางสาวอ้อมนำรถไปดูดฝุ่น และวานให้ไปซื้อน้ำมัน เพื่อจะนำมาทำการเกษตร แต่ยังไม่ทันได้ซื้อน้ำมัน ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. พี่เขยของนางสาวอ้อมได้โทรมาบอกว่า นางสาวอ้อมกินยาฆ่าแมลงเพื่อฆ่าตัวตาย ตนจึงตามไปที่โรงพยาบาล ซึ่งหมอแจ้งว่าโอกาสรอดน้อยมาก เพราะหัวใจหยุดเต้นไปหลายครั้งแล้ว และตอนนี้ทำได้เพียงรอเวลา

โดยสาเหตุมาจาก นางสาวอ้อมแพ้คดีที่ไปฟ้องร้องว่าถูกกระทำอนาจาร แต่เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ศาลฎีกาได้ตัดสินให้ยกฟ้อง จึงทำใจไม่ได้ และหลังจากที่มีการยกฟ้อง นางสาวอ้อมบ่นว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว และกินไม่ได้ นอนไม่หลับ จนน้ำหนักลดจาก 70 กก. เหลือ 60 กก. ส่วนตัวพยายามให้กำลังใจอยู่ตลอด และบอกว่าให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่นางสาวอ้อมก็ยังคงทุกข์ใจอยู่ดี

ทั้งนี้ เรื่องราว เริ่มมาจากเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2562 ที่บ้านของตนจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ เนื่องในวันสงกรานต์ และมีการดื่มเหล้ากันภายในครอบครัว ซึ่งครอบครัวของตนเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ กระทั่งนั่งดื่มเหล้าสักพัก นางสาวอ้อมเมาตนเลยพาไปนอนในตัวบ้าน ภายในบ้านก็มีคนอยู่ จากนั้นตนได้ไปเก็บของที่ด้านล่างบ้าง เมื่อเก็บเสร็จตนได้เข้ามาที่ห้อง แต่ไม่พบนางสาวอ้อม จนเดินไปดูที่ห้องน้ำ ก็เห็นว่านางสาวอ้อมนอนฟุบหน้าอยู่ แล้วก็เริ่มร้องไห้ จนนางสาวอ้อมเปิดปากบอกว่ามีคนเข้ามาลวนลามและจำหน้าได้

จากนั้นตนจึงพานางสาวอ้อมไปแจ้งความและรอบแรก เจ้าหน้าที่ได้มาเก็บหลักฐานที่บ้าน และพบว่าดีเอ็นเอที่ตกค้างตรงกางเกงนั้นตรงกับนายดำ พี่เขยของตน ตอนแรกแจ้งความในข้อหาถูกกระทำชำเรา แต่หลักฐานไม่เพียงพอ ศาลชั้นต้นจึงตัดสินให้มีความผิดในข้อหากระทำอนาจาร แต่อีกก็ยังสู้คดีความต่อ และขอประกันตัวไป จนเรื่องไปถึงศาลอุทธรณ์ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับความผิด และยังยื่นเรื่องขอสู้คดีความต่อ จนมาศาลฎีกา ศาลได้ตัดสินให้ยกฟ้อง ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนี้ ตนยังไม่รู้ว่า จะทำอย่างไรต่อไป เพราะตอนนี้ตนอยากจะรอให้รักษานางสาวอ้อมให้แล้วเสร็จก่อน

ทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านพักของคู่กรณี สถานที่จุดเกิดเหตุ ต.ต้นตาล อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี นายดำ ผู้ถูกกล่าวหา พี่เขยของสามีผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ตนไม่อยู่บ้าน และเพิ่งจะมาทราบจากเพื่อนบ้านว่านางสาวอ้อมได้เข้ามาในปีนรั้วบ้านของตน พร้อมกับเปิดแก๊ซในถังเตาปิ๊กนิ๊กที่บ้านของตน แล้วดื่มยาฆ่าแมลงเพื่อจะพยายามฆ่าตัวตาย แต่เพื่อนบ้านมาเห็นทันพอดี วันนี้ตนจึงลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ส่วนตัวตนยังไม่ได้เข้าไปเยี่ยม แต่แม่ของสามีผู้เสียหายไป แล้วก็ถูกไล่กลับมา

ก่อนหน้านี้ ตนกับนางสาวอ้อมไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน แต่พอมีเรื่องกันก็ไม่เคยพูดคุยกันอีกเลย โดยเหตุเกิดมาจากกลางคืนของวันกินเลี้ยงสงกรานต์ปีที่ผ่านมา นางสาวอ้อมเมา พอเมาก็มโนเรื่องไปเองว่ามีคนมาทำไม่ดีด้วย ตอนที่เกิดเรื่องตนยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และอยู่กับภรรยา แม่ยาย และหลานด้วย ตนเพิ่งจะทราบเรื่องหลังจากที่เกิดเหตุแล้ว แต่ตอนแรกนางสาวอ้อมไม่ได้บอกว่า ตนเป็นคนทำ แต่สงสัยทุกคนในบ้าน

หลังจากเกิดเรื่องเจ้าหน้าที่เข้ามาเก็บหลักฐานของผู้ต้องสงสัยทุกคน แต่ดีเอ็นเอที่พบในกางเกง ซึ่งนำไปตรวจตรงกับของตนพอดี นางสาวอ้อมจึงปลักใจว่าตนเป็นทำ ทั้งนี้สาเหตุที่ตรวจเจอ คาดว่าทุกคนอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน จึงมักจะซักผ้ารวมกัน และกางเกงของตนบางครั้งแฟนของตนก็เอาไปใส่ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ตนเหมือนกับตายทั้งเป็น เพราะตนพยายามต่อสู้ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ และตนเคยพูดคุยกับน้องนายจีรศักดิ์ สามีของผู้เสียหายหลายครั้งแล้วว่า ให้ถามภรรยาดี ๆ ว่าฝันหรือละเมอหรือเปล่า

ส่วนคนที่บ้านไม่เคยมีใครเชื่อว่าคนเป็นคนทำ และไม่ค่อยทราบเรื่อง แต่โลกโซเชียลจะรับรู้เยอะกว่า เพราะว่าผู้เสียหายโพสต์เรื่องราวลงในเฟซบุ๊ก ทั้งนี้ตนอยากจะบอกผ่านสื่อฯ ให้ช่วยเป็นกระบอกเสียง เพราะตนอยากจะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเอง เพราะก่อนที่จะไปศาลฎีกาตนก็ทำใจไว้แล้ว ถึงขั้นนอนกอดกัน 3 คนพ่อแม่ลูกแล้วร้องไห้ ตัดพ้อกับชีวิตของตัวเอง กระทั่งศาลตัดสินให้ตนเป็นฝ่ายถูกต้อง ทั้งนี้ ตนอยากจะให้ญาติของผู้เสียหายย้อนกลับไปคิดว่าการที่ศาลชั้นสูงสุดซึ่งยุติธรรมที่สุด ไม่มีทางเข้าข้างใคร ตัดสินให้ยกฟ้อง

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกเสียใจ และไม่คาดคิดว่านางสาวอ้อมจะทำเช่นนี้ และไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร และทำไมต้องไปทำที่หลังบ้านของตน ส่วนตัวไม่เคยคิดทำร้ายตัวเอง เพราะนึกถึงครอบครัวอยู่เสมอ และถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นวิบากกรรม เพราะตนอ่านใจ อ่านความรู้สึกอีกฝ่ายไม่ได้ นอกจากนี้ ตนพยายามเจรจาและทำทุกวิธีเพื่อยืนยันว่าตนไม่ทำร้ายนางสาวอ้อม ถึงขั้นที่พ่อตาแม่ยายของตนต้องถือพานไปกราบเท้า และยอมบอกว่าถ้าอยากได้อะไรก็ให้หมด เพราะทุกคนเป็นคนในครอบครัว แต่อีกฝ่ายก็ยังดันทุรัง จนศาลตัดสิน และมาเกิดเรื่องนี้ขึ้นในที่สุด