จากกรณีเพจเฟซบุ๊กแห่งหนึ่ง เผยแพร่เรื่องราวน่าสงสารของสุนัข 2 ตัว ที่ถูกนายทหารผู้บังคับบัญชาสั่งให้พลทหารไปจับตัวมามัดปากกับขา แล้วจับไปนอนตากแดดนานถึง 7 ชม. เนื่องจากไม่พอใจถูกสุนัขวิ่งไล่ระหว่างปั่นจักรยาน อีกทั้งพบว่า สุนัขถูกจับนอนตากแดดสุดทรมานจนหายใจรวยริน ก็ยังสั่งให้นำตัวไปโยนทิ้งกองขยะ โดยล่าสุดพบว่า พลทหารจักรพรรณ กลมแก้ว หรือ อั้ม ผู้แจ้งเรื่อง ถูกผู้บังคับบัญชาลงโทษและย้ายค่ายสังกัดมาอยู่กรุงเทพฯ
วันที่ 6 ม.ค. 62 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองลพบุรี
นางยุพิน แก้วกลัด และ
นายเจริญศักดิ์ แก้วกลัด หรืออ๊อด มารดาและพี่ชายพลทหารจักรพรรณ รวมทั้ง
นางเจิม แก้วกลัด อายุ 72 ปี ผู้เป็นย่า แถลงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวโดย
นางยุพิน กล่าวว่า พลทหารจักรพรรณโทรศัพท์เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า สาเหตุที่แจ้งข่าวเรื่องสุนัขไปยังเพจเฟซบุ๊กแห่งหนึ่งนั้น เพียงเพื่อต้องการให้มีคนนำสุนัขจรจัดไปดูแล และไม่คิดว่าเรื่องราวจะใหญ่โตอย่างนี้ โดยภายหลังผู้บังคับบัญชาก็ได้ทราบว่าพลทหารจักรพรรณ เป็นผู้แจ้งเรื่องไปด้วย พลทหารจักรพรรณจึงวิตกว่าจะถูกทำโทษ
วานนี้ (5 ม.ค.) พวกตนเดินทางไปเยี่ยมพลทหารจักรพรรณด้วยกัน 3 คน แต่ระหว่างที่เดินทางจากบ้านพัก พบว่า มีโทรศัพท์จากผู้หญิงไม่ทราบชื่อคนหนึ่ง ถามว่าตนเป็นแม่ของน้องอั้ม และจะมาเยี่ยมลูกชายใช่ไหม ซึ่งตนก็ตอบว่าใช่ อีกฝ่ายจึงบอกว่าให้พบกันที่หน้าหน่วยทหาร และจะมีคนพาเข้าไปพบลูกชาย ขณะนั้นตนยังรู้สึกสงสัย
กระทั่งเดินทางมาถึงหน้าหน่วยทหาร ก็พบหญิงสาวคนหนึ่งแจ้งกับตนว่า ยังไม่สามารถเข้าไปได้ พร้อมกับขอถ่ายรูปตนเองที่หน้าหน่วยทหารอีกด้วย ต่อมา ผู้หญิงคนดังกล่าวจึงพาตนและญาติไปที่สถานีตำรวจ และจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพาเข้าไปพบลูกชาย จากนั้นพบว่า ลูกชายโทรศัพท์ติดต่อมาถามว่าพวกตนอยู่ที่ไหน พร้อมบอกให้เข้ามาหาในหน่วยทหารเลย พวกตนจึงเดินทางไปพบกับพลทหารจักรพรรณ โดยทิ้งผู้หญิงคนดังกล่าวไว้ที่ สภ.เมืองลพบุรี
จากการพูดคุยกับลูกชาย ทราบว่า ขณะนี้อยู่สบายดีไม่เป็นอะไร อีกทั้งยังยิ้มแย้มแจ่มใส สภาพร่างกายปกติ ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย ตามที่ตนเองและญาติกังวล ซึ่งลูกชายของตนเองเป็นคนที่มีนิสัยรักสัตว์ และมักสงสารสัตว์อยู่แล้ว และขณะนี้ทราบว่า ผู้บังคับบัญชาได้ย้ายพลทหารจักรพรรณไปอยู่ที่หน่วยทหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แล้ว ทั้งนี้ตนต้องการจะขอโทษผู้บังคับบัญชา เพราะคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้ และขอขอบคุณที่ได้ให้การต้อนรับอย่างดีด้วย
ด้าน
นายเจริญศักดิ์ กล่าวว่า การที่เพจเฟซบุ๊กดังกล่าวโพสต์เรื่องราวคลาดเคลื่อนนั้น ทำให้เกิดความเสียหาย รวมถึงยังมีพฤติกรรมแปลก ๆ ทั้งการกีดกันที่ไม่ยอมให้ญาติติดต่อกับเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าพบน้องชาย ขอถ่ายรูปหน้าค่ายทหาร พาไปสถานีตำรวจ และยังไม่ยอมให้ตนกลับบ้านที่ จ.อ่างทอง โดยจะพาไปพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกตนก็ไม่ทราบว่ามีจุดประสงค์อะไรแน่ สุดท้ายตนกับมารดา ไม่ยอมจึงปิดเครื่องโทรศัพท์ และไม่ยอมรับสายจากผู้หญิงคนดังกล่าวเลย
นอกจากนี้ข้อความว่า น้องชายตนถูกยึดโทรศัพท์และถูกลงโทษอย่างโหดร้าย หากเงียบไปหมายความว่า ถูกขังแล้วขอฝากแม่และครอบครัวด้วยนั้น น้องตนเองและครอบครัวไม่ได้ทราบเรื่องดังกล่าวแม้แต่น้อย แต่เมื่อมีข่าวออกมาอย่างนี้ ทำให้หลายฝ่ายได้รับกระทบ ทั้งทหาร และครอบครัวของตนเอง นอกจากนี้รูปที่ญาติกอดลูกชายนั้นก็เป็นรูปเก่าอีกด้วย
ดังนั้นตนจึงต้องการฝากถึงเพจดังกล่าวว่า ควรจะโพสต์แต่ความจริงจะดีกว่า ทั้งนี้ ตนเองและครอบครัว พร้อมด้วยพลทหารจักรพรรณ ขอให้เพจดังกล่าวจบเรื่องนี้ด้วย ไม่ต้องการให้เรื่องบานปลาย กระทบต่อชื่อเสียงของหน่วยต้นสังกัดอีก